10 สะใจจริง ๆ 1
“ขอโทษครับ ผมลืมตัวที่จับมือคุณเอาไว้แบบนั้น”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณปล่อยมือได้หรือยังคะ”
“เอ่อ ขอโทษครับ ถ้าอย่างนั้นผมเชิญไปนั่งที่โต๊ะได้ไหมครับ เอ๊ะ หรือว่ามีค่านั่งครับ”
“ก็อย่างนั้นค่ะ”
“เท่าไหร่ เรียกได้เลย ผมยินดีจ่าย”
“แพงนะคะ”
เจติยาบอกไปอย่างนั้นเอง อยากรู้เหมือนกันว่า เขาจะจ่ายให้เธอได้มากน้อยแค่ไหน เห็นลักษณะดี เฟอร์นิเจอร์หรู คงมีเงินให้เธอถลุงไม่น้อย
เวลานี้เธอไม่สนใจเรื่องรูปร่างหน้าตา นอกจากเงินเพียงอย่างเดียว ถ้าไม่มีเงินก็ควรที่จะถอยไป ให้คนที่มีเยอะกว่ามาแทนที่
วุฒิพงษ์ก็ไม่ยั่น ในเมื่อในกระเป๋ามีเงินเป็นจำนวนมาก
“ผมให้คุณหนึ่งหมื่นบาท พอไหม”
“มากไปค่ะ แค่นั่งคุยเฉยๆ เท่านั้นเอง พอร้านปิดเจก็กลับ”
“ไม่มีปัญหาครับ แค่นาทีเดียวที่ได้นั่งกับคนน่ารักอย่างคุณผมก็มีความสุขแล้วครับ”
จากคำพูดที่เหมือนเจนจัดในเรื่องผู้หญิง ไม่อาจทำให้เจติยาสะดุ้งแต่อย่างใด ผู้ชายที่ร้ายกว่านี้เธอก็เจอมาแล้ว
“งั้นก็ตกลงค่ะ แต่ว่าจะต้องจ่ายก่อนนะคะ”
“ไม่มีปัญหา นี่ครับ”
เงินหนึ่งหมื่นบาท สำหรับการนั่งเป็นเพื่อน แค่สองชั่วโมงกว่าๆ เข้ามาอยู่ในกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เจติยาไม่สนใจว่าเขาจะมองเป็นผู้หญิงหิวเงิน ในเมื่อทุกวันนี้เหนื่อย ยอมหน้าด้าน เต้นยั่วผู้ชายก็เพราะเงินเพียงอย่างเดียว
ระหว่างที่นั่งอยู่ด้วยกัน เธอคอยดูแล ปรนนิบัติวุฒิพงษ์เป็นอย่างดี ทำให้เขาประทับใจไม่น้อย
และแล้วเสียงโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวดังขึ้น ชายหนุ่มทำเป็นไม่สนใจ เมื่อได้ยินเธอพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ ทั้งที่มีเสียงเพลงดังกระหึ่ม
“แม่ มีอะไรคะ อ๋อ เดี๋ยวก็กลับแล้วค่ะ เจนั่งแท็กซี่ค่ะแม่ ล็อกประตูบ้านเลยค่ะ เดี๋ยวเจไขกุญแจเข้าไปเอง”
หญิงสาวพูดจบหันมายิ้มกับวุฒิพงษ์ที่ยังคงยิ้มบางๆ
“ดื่มต่อค่ะ”
“ไม่ไหวแล้วครับ ผมกลัวว่าถ้าเมากว่านี้ อาจจะแย่ ขอน้ำเปล่าดีกว่า”
“ได้ค่ะ เจจัดการให้นะคะ”
หญิงสาวผู้รินน้ำเย็นใส่แก้วให้เขา เพียงครู่หนึ่ง เห็นสีหน้าแช่มชื่นขึ้น สายตาที่มองมานั้น เธอไม่รู้ถึงความหมายว่าเป็นอย่างไร
คิดดีหรือว่าร้าย เขาก็คงต้องการครอบครองเรือนร่างเธอเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ
ใช่...เขาไม่เชื่อว่าเธอพูดกับแม่ คิดว่าเป็นคนรักมากกว่า หรือว่าผู้ชายที่เลี้ยงดูเธอ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาอยากจะกอดรัดร่างเธอ เป็นเจ้าของเพียงชั่วครู่ ชั่วยามก็ยังดี
“ให้ผมไปส่งดีกกว่าครับ นั่งแท็กซี่คนเดียวมันอันตราย”
“ไม่ต้องค่ะ เจกลับคนเดียวบ่อยๆ”
เจติยาปฏิเสธเพราะเกรงใจ อีกทั้งไม่ไว้ใจ กลัวว่าเขาจะคิดร้าย แต่เขายังคงยืนยันคำเดิม
“อย่าเกรงใจ ผมยินดี คือว่า ผมมีเรื่องกลุ้มใจเยอะมาก อยากขับรถเล่น ผมไม่กลับบ้านในเวลานี้ นะครับ ผมไปส่ง”
น้ำเสียงที่เว้นวอน สายตาที่เศร้าๆ ท่าทางมีความทุกข์เต็มเปี่ยม เธอรู้สึกไม่สบายใจ จึงพยักหน้ารับ
“ก็ได้ค่ะ คุณจะนั่งต่ออีกไหมคะ”
“ไม่ล่ะครับ เช็กบิลเลย”
“ค่ะ น้องๆ เช็กบิลโต๊ะนี้ด้วยค่ะ”
หญิงสาวเรียกเด็กเสิร์ฟให้เช็กบิล วุฒิพงษ์เอากระเป๋าเงินออกมาวาง ด้วยท่าทางเงื่อนหงอยราวกับไร้สิ้นเรี่ยวแรง
เจติยา รู้ว่าผู้ชายคนนี้คงมีแต่ความทุกข์ อาจจะเป็นเรื่องคนรักมีผู้ชายใหม่ หรือว่าภรรยามีชู้ อาจจะเป็นการมองโลกในแง่ร้ายเกินไป แต่เธอก็มีสิทธิ์ที่จะสันนิษฐาน
เมื่อรถออกมาจากร้านได้ไม่นาน เจติยาบอกทางไปบ้าน ทว่าวุฒิพงษ์กลับขับรถขึ้นทางด่วน หญิงสาวตกใจ หน้าซีด ตัวสั่น กลัวว่าเขาคงพาไปทำมิดีมิร้าย ร้องโวยวายทันที
“นี่คุณ จะไปไหนน่ะ”
“นั่งเฉยๆ เถอะน่า ผมไม่เอาไปต้มยำ ทำแกงหรอก”
“แล้วขึ้นมาบนทางด่วนทำไมคะ ในเมื่อไม่ได้คิดร้ายต่อฉัน ทำไมถึงมาข้างบนนี้ คุณมีเจตนาไม่บริสุทธิ์นี่”
“ผมรู้นะที่คุณเอะอะโวยวาย อยากได้เงินเพิ่มใช่ไหม”
จู่ๆ เขาตะคอกเสียงดัง ท่าทางน่ากลัว ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย เจติยารู้สึกไม่ปลอดภัย เธอจะทำอย่างไรที่จะรอดพ้นจากเงื้อมมือเขา
“คุณเห็นฉันเป็นโคโยตี้ เต้นยั่วผู้ชาย ยอมนั่งกับผู้ชาย ปล่อยให้กอดได้ คุณก็เหมาว่าฉันใจง่าย นอนกับใครก็ได้ใช่ไหม”
“โอ๊ย! แม่คุณ ดีเหลือเกิน ภาพพจน์ของคุณน่ะ บ่งบอกอยู่แล้วว่าเป็นยังไง อย่ามาทำเป็นหวงเนื้อ หวงตัวเลยน่า จะเอาเท่าไหร่ ผมให้ สามหมื่นพอไหม”
“ไม่ ฉันไม่เอา ไม่ว่าจะสามหมื่น สามแสน หรือสามล้าน”
“สามล้าน! บ้าไปแล้ว นอนกับผู้หญิงเจนจัดอย่างคุณ แค่ทีนึง เสียตั้งสามล้าน คนที่ยอมจ่ายก็โง่แล้วล่ะ ในเมื่อคุณก็ไม่ได้วิเศษอะไร อย่าบอกนะ ว่าไม่เคยผ่านผู้ชาย ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง”
“ใช่ ฉันไม่เคยเสียตัวให้ใคร”
หญิงสาวสวนกลับอย่างทันควันเช่นกัน ซึ่งก็ทำให้ชายหนุ่มหัวเราะหยันๆ หันมามองทำตาวาวในความมืด
“เชื่อก็กินหญ้าล่ะ”
“คุณดูถูกผู้หญิงเกินไป หน้าตาก็ดี ไม่น่าเป็นคนเถื่อน ถ่อยอย่างนี้เลย”