ตอนที่ 4
“พี่พัชรคะ จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ”
เมื่อรถมอเตอร์ไซค์ของพัชรพลแล่นมาจอดที่หน้ารั้วบ้านหลังใหญ่ของปิ่นกมล หล่อนก็รีบสะกิดบอกชายหนุ่มทันที
“ให้พี่เข้าไปส่งข้างในเถอะ”
“แต่ว่า...”
หล่อนยังไม่ทันเอ่ยคัดค้านเลย รถมอเตอร์ไซค์คันที่หล่อนนั่งอยู่ก็พุ่งผ่านรั้วใหญ่เข้าไปภายในอาณาเขตของคฤหาสน์หลังงามอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมาจอดที่ลานจอดรถหน้าตึกใหญ่ ที่มีรถยนต์หลากชนิดมากมายจอดกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ
ไหนปิ่นกมลบอกว่างานปาร์ตี้เล็กๆ ยังไงล่ะ แล้วทำไมคนถึงมากมายนัก
ความหวาดหวั่นกระพืออยู่ภายในอก และก็ส่งผลต่อใบหน้าหวานที่มีเพียงแค่แป้งฝุ่นและลิปสติกสีชมพูอ่อนแต่งแต้มซีดเซียวลง
“น้องมินหน้าซีดเชียว ถ้าอยากกลับก็บอกพี่นะครับ พี่จะพากลับ”
“เอ่อ... เปล่าหรอกค่ะพี่พัชร”
“พี่เห็นหน้าซีดๆ คิดว่าไม่อยากเข้าไปในงานซะอีก”
หล่อนทำได้แค่ระบายยิ้มเพียงเท่านั้น
“งั้นพี่รอน้องมินอยู่แถวนี้นะครับ”
มินรญาหน้าตื่นเมื่อได้ยินคำพูดของพัชรพล
“เอ่อ... ไม่ต้องรอมินหรอกค่ะ มินกลับเองได้ แค่นี้ก็รบกวนพี่พัชรมากแล้วล่ะค่ะ”
หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มที่แก่กว่าตัวเองสามปีอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
“ไม่เป็นไรครับพี่ยินดี พี่ยินดีทำเพื่อน้องมินเสมอครับ”
พัชรพลฉวยโอกาสเอามือมาจับสองมือที่กำลังพนมไหว้อยู่ของมินรญา และระบายยิ้มกว้าง
“นี่ท่าพี่ไม่ชังน้ำหน้ายัยคุณหนูนั่น พี่คงจะเข้าไปในงานกับน้องมินด้วย”
มินรญาพูดไม่ออก
“น้องมินไม่ต้องรีบนะครับ แต่พี่จะรอน้องมินอยู่ที่นี่จนกว่าน้องมินจะกลับออกมา”
“แต่ว่า...”
“น้องมินไม่ต้องกลัวพี่จะโดนยุงกัดนะครับ เพราะพี่พกยากันยุงมาด้วย นี่ไงครับ”
มินรญามองซองยากันยุ่งแบบโลชั่นในมือของพัชรพลอย่างแปลกใจ
“พี่พัชรพกยากันยุงติดตัวตลอดเลยเหรอคะ”
“ใช่ครับ เพราะพี่แพ้ยุงน่ะ”
“งั้นก็ยิ่งไม่ดีใหญ่เลยค่ะ มินว่าพี่พัชรกลับบ้านเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงมิน”
“ไม่ครับ พี่จะอยู่รอรับน้องมิน จะดึกแค่ไหนพี่ก็จะรอ เราจะได้กลับบ้านด้วยกันยังไงล่ะครับ”
“แต่มิน... เกรงใจ”
พัชรพลส่ายหน้า และยื่นมือมากุมมือเล็กของหล่อนเอาไว้อีกครั้ง
“พี่ยินดีทำเพื่อน้องมินเสมอครับ”
สายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และคำพูดที่เต็มไปด้วยความมีน้ำใจของพัชรพล ทำให้มินรญาต้องกลืนคำปฏิเสธหายลงไปในลำคออีกครั้ง
“ขอบคุณพี่พัชรมากค่ะ”
“พี่ไม่อยากได้คำขอบคุณจากน้องมิน สิ่งที่พี่อยากได้ก็คือ คำตอบตกลงเป็นแฟนกับพี่จากปากน้องมินมาก กว่า”
“มิน...”
“พี่รู้ว่าน้องมินยังไม่พร้อม แต่พี่จะรอครับ”
พัชรพลระบายยิ้มให้กับมินรญา
“น้องมินเข้าไปในงานเถอะครับ เดี๋ยวพี่จะนั่งรออยู่แถวนี้แหละ”
หล่อนเกรงใจพัชรพลมาก แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่มีทางยอมกลับไปก่อนแน่
“งั้นมินจะรีบออกมานะคะ”
“ครับ”
มินรญาระบายยิ้มเกรงอกเกรงใจให้กับพัชรพล ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในงาน โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีสายตาคมกริบของใครคนหนึ่งจ้องมองมาตลอดเวลา
“มิน... ทางนี้...”
เมื่อเข้ามาถึงในงานเสียงของปิ่นกมลก็ดังขึ้นทันที หล่อนหันไปมอง ก็เห็นว่าเพื่อนรักยืนห่างออกไปเพียงแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น หล่อนรีบเดินเข้าไปหา
“ขอโทษนะปิ่น ฉันน่าจะมาช้าไป”
“ไม่ช้าเลยเธอ นี่งานเพิ่งเริ่มเอง”
ปิ่นกมลหยิบแก้วน้ำหวานมาส่งให้กับหล่อน ก่อนจะกวาดตามองเนื้อตัวของหล่อน และอมยิ้ม
“ไม่เคยเห็นเธอใส่ชุดเดรสพอดีตัวแบบนี้มาก่อนเลย สวยนะเนี่ย”
มินรญาก้มลงมองชุดเดรสไหมพรมพอดีตัวสีส้มอิฐบนเรือนร่างของตัวเอง ก่อนจะระบายยิ้มขัดเขินออกมาเล็กน้อย
“ในตู้ไม่มีชุดที่ดีกว่านี้แล้วน่ะ ก็เลยต้องใส่ จำได้ไหมชุดนี้ปิ่นซื้อให้เราน่ะ เมื่อสองปีก่อนมั้ง”
“จริงเหรอ เราจำไม่ได้”
ปิ่นกมลหัวเราะร่วน
“แต่มินใส่ชุดพอดีตัวแล้วดูเซ็กซี่มากเลยนะ เอวคอดมากด้วย แถมสะโพกก็ใหญ่จัง”
สะโพกคืออวัยวะส่วนเดียวของร่างกายที่หล่อนไม่เคยพึงพอใจกับมันเลย เพราะมันทั้งผายทั้งงอนจนหล่อนถูกสายตาผู้ชายจับจ้องเสมอยามที่เดินผ่าน
“ฉันไม่ชอบสะโพกตัวเองเลย”
“ผายดีออก ผู้หญิงที่มีสะโพกแบบนี้จะเป็นแม่พันธุ์ที่ยอดเยี่ยมมาก ประมาณว่ามีลูกดกน่ะ หัวปีท้ายปีอะไรแบบนี้แหละ”
มินรญาฝืนยิ้ม และยกแก้วน้ำหวานสีสวยขึ้นมาจิบเล็กน้อย
“คุณท่านอยู่ไหนเหรอ ฉันอยากจะไปไหว้สักหน่อยน่ะ”
“พ่อกับแม่ยังไม่กลับจากยุโรปเลยมิน ถ้าอยากเจอก็คงต้องอีกสองอาทิตย์นู้นแหละ”
มินรญาพยักหน้าน้อยๆ
“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวรอท่านทั้งสองกลับมาแล้ว ฉันค่อยมาไหว้ก็ได้”
ปิ่นกมลอมยิ้ม กวาดตามองใบหน้าหวานของเพื่อนรักอีกครั้ง
“นี่ขนาดเธอไม่แต่งหน้าเลยนะ หน้ายังหวานเจี๊ยบเลย ถ้าได้แต่งหน้าเหมือนแม่สาวๆ ในงานนี้ ฉันว่าเธอจะต้องสวยจนหาตัวจับยากแน่ๆ เลย”
มินรญาอมยิ้ม เพราะคิดว่าเพื่อนแซวเล่น
“เอาอย่างนี้ดีกว่า ฉันจะพาเธอไปแต่งหน้า”
“ไม่เอานะ ฉันไม่ชอบแต่งหน้าน่ะ” มินรญาส่ายหน้าดิก
“ลองหน่อยไม่ได้เหรอ ตั้งแต่เราคบกันมา ฉันยังไม่เคยแต่งหน้าให้เธอเห็นเลยสักครั้ง นะนะ ฉันอยากจะรู้ว่าเพื่อนรักของฉันสวยมากแค่ไหนน่ะ”
“เครื่องสำอางคงช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอกปิ่น ฉันก็หน้าตาบ้านๆ แบบนี้แหละ”
“หน้าตาบ้านๆ ที่ไหนกัน เธอหน้าหวานออก นี่ถ้าแต่งตาอีกสักหน่อย ฉันว่าผู้ชายในงานจะต้องตกตะลึงในความสวยของเธอแน่นอน”
มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ในเมื่อผู้ชายที่หล่อนวางหัวใจเอาไว้ด้วย คือพี่ชายสุดที่รักของปิ่นกมล แต่หล่อนไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะฝันถึงด้วยซ้ำ
“อย่าเลยปิ่น เสียเวลาเปล่าๆ”
“น่า... ลองหน่อยนะ ฉันขอร้อง”
“แต่ว่า...”
ปิ่นกมลคว้าหมับที่ข้อมือของเพื่อนสนิท ก่อนจะลากให้เดินออกมาจากบริเวณที่จัดงานปาร์ตี้ เพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องโถง แต่ระหว่างทางก็สวนกลับปราบต์เสียก่อน
ปิ่นกมลยิ้มกว้างให้กับพี่ชายของตัวเอง และก็เอ่ยทักทายอย่างอารมณ์ดี ตรงกันข้ามกับหล่อนที่ต้องก้มหน้างุด หลบสายตาพัลวัน
“พี่ปราบต์ไปไหนมาคะเนี่ย ในงานเขาตามหาตัวพี่ปราบต์กันวุ่นไปหมดแล้วนะคะ”
“พี่ออกมาสูบบุหรี่น่ะ ว่าแต่ปิ่นเถอะ จะพา... มินไปไหนกัน”
ชื่อของหล่อนที่กระเด็นออกมาจากปากหยักสวยของปราบต์ ทำให้หล่อนอดไม่ได้ที่จะช้อนตาขึ้นมองเขา และก็พบว่าเขากำลังมองหล่อนอยู่เช่นกัน
หัวใจเต้นโครมคราม ที่ช่องท้องราวกับมีกองไฟสุมรวมเอาไว้ มันวูบวาบหวามไหวจนหล่อนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่
“อ๋อ ปิ่นจะพามินไปแปลงโฉมน่ะค่ะ”
“แปลงโฉม?”
ปราบต์ทวนคำพูดของน้องสาวเสียงสูงเพราะไม่เข้าใจ แต่สายตาก็จับจ้องมองหล่อนไม่วางตา จนหล่อนต้องก้มหน้าหลบตาเสียเอง
“ใช่ค่ะ จะได้เทียบชั้นกับสาวๆ ที่บริษัทฯ ของพี่ปราบต์ได้ยังไงล่ะคะ”
หล่อนได้ยินเสียงหัวเราะหึหึในลำคอของปราบต์ ก่อนที่เขาจะตอบออกมา
“ตามใจ แต่ถ้าเป็นพี่นะ พี่จะไม่ยอมทุ่มทุนทำอะไร ที่รู้ผลลัพธ์อยู่แล้วว่าจะออกมาแบบไหน”
“พี่ปราบต์หมายถึงอะไรคะ”
ปิ่นกมลงงไม่เข้าใจคำพูดของพี่ชาย แต่หล่อนกลับเข้าใจเป็นอย่างดี
ปราบต์คงหมายความว่า หล่อนไม่มีทางสวยงามขึ้นได้เพราะเครื่องสำอางค์กระมั้ง แต่เขาคิดไม่ผิดหรอก เพราะหล่อนเองก็ไม่คิดว่าเครื่องสำอางราคาแพงพวกนั้นจะทำให้เบ้าหน้าของหล่อนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้หรอก
“ไม่มีอะไรหรอก ปิ่นจะทำอะไรก็ทำเถอะ แต่อย่าให้งานปาร์ตี้ของพี่วุ่นวายก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ คุณพี่ชายที่เคารพ”
ปิ่นกมลทำหน้าย่น และน้ำเสียงขุ่นๆ ใส่พี่ชาย ก่อนจะคว้าแขนของมินรญา
“ไปกันเถอะมิน”
มินรญารีบเดินเคียงข้างไปกับปิ่นกมล โดยไม่คิดจะหันหลังกลับไปมองผู้ชายตัวสูงใหญ่อย่างปราบต์อีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ในสายตาของปราบต์ หล่อนมันก็แค่อดีตลูกคนใช้ที่โชคดีหน่อยได้เป็นเพื่อนสนิทกับน้องสาวของเขาเท่านั้น แค่นี้แหละค่าของหล่อนในสายตาของปราบต์