ตอนที่ 4
เห็นท่าทางบุตรสาวพาวินีลอบยิ้มออกมา เท่าที่ดูคิดว่าลูกก็มีท่าทีจะชอบพอกับทิวากรอยู่ หากมีใจเธอคิดว่าสมควรจะให้สองคนได้แต่งงานกันเสียที
“ไม่มีอะไรจะเล่าให้ฟังต่อแล้วเหรอ”พาวินีถามย้ำ รู้อยู่แก่ใจว่าบุตรสาวคงไม่เล่าเพราะจากสีหน้าขัดเขินนั้น
“ไม่มีแล้วค่ะแม่ หนูขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะเหนียวตัวแล้ว”
ถึงห้องนอนไม่ได้อาบน้ำอย่างที่บอกมารดาเลย ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงนอนเอียงหน้าไปข้างหนึ่ง ในหัวสมองนึกเห็นแต่ภาพระหว่างเธอกับเขา มือข้างหนึ่งยกตีหน้าผากตนเองถอนใจออกมาเสียงดังแล้วชันกายลุกนั่งหย่อนขาลงข้างเตียง
จะนึกถึงใบหน้าแสนเศร้าทำไมนักหนา... เธอไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้น
ตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว สายน้ำเย็นฉ่ำไหลรินตามฝักบัวตกกระทบผิวเนื้อเนียนลออ แม้อยู่ท่ามกลางสายน้ำพร่างพรมลงมาภาพของเขาก็ยังชัดเจน หัวใจเต้นโครมคราม บางที... เธออาจจะเริ่มชอบเขาเข้าแล้วสิ
รถบีเอ็มสีดำสนิทจอดหน้าบ้านฝนด้านนอกยังคงพร่ำลงมา สาวใช้รีบถือร่มมารับเจ้านายตนเอง วิรงรองจับท่อนแขนค่อยๆ ก้าวเดินเข้าด้านใน สาวใช้วัยกระเตาะอีกคนกางร่มมารับชายหนุ่ม
“ไม่ต้อง ฉันไม่เป็นไร”เสียงเย็นบอก แล้วเดินจ้ำพรวดเข้าไปในบ้าน
ทิวากรก้าวยาวคิดจะเข้าห้องเลย เพราะรู้ว่ามารดาต้องซักเรื่องเขากับเรนิกาแน่นอน ใช่ว่าเขาจะรังเกียจเธอ แต่เรนิกาเด็กเกินไป และที่สำคัญหัวใจของเขาไม่คิดจะรักใครอีกแล้ว
“ตาทิวาจะรีบไปไหนมาคุยกับแม่ก่อน”
“ผมจะไปอาบน้ำครับ เปียกฝนมา”เขาหาข้ออ้าง เรื่องแต่งงานคลุมถุงชนที่แม่สรรหามานานเขาไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธเพราะเรื่องราวในอดีตคงทำให้ท่านเป็นห่วง
เขาคิดว่าสามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว ไม่จำเป็นต้องหาคู่ชีวิต นับจากวันนั้นภาพยังคงติดตาไม่เคยเลือน ถ้ารักแล้วมันทรมาน ถ้ารักแล้วจะต้องเจ็บปวด ขอไม่รักไม่รับรู้เลยดีกว่าว่าความรักนั้นเป็นเยี่ยงไร
“มานั่งคุยกันแม่ก่อนตาทิวา แม่ไม่ชอบนะลูก”วิรงรองใช้น้ำเสียงขู่เข็ญบุตรชายอีกครั้ง เจ้าของใบหน้าคมคายถอนใจเฮือกใหญ่ก้าวเท้าเดินมานั่งลงตรงข้ามมารดา
วิรงรองสบตาแสนเศร้าของบุตรชาย ตั้งแต่วันนั้นไม่เคยเห็นรอยยิ้มของทิวากรอีกเลย แม้ว่าเธอพยายามหาหมอด้านจิตวิทยามาพูดคุย แต่ทว่าลูกกลับเอาแต่ปฏิเสธบอกว่าตนเองไม่เป็นไร และทุกอย่างที่เกิดขึ้นอีกฝ่ายเป็นคนเลือกกระทำเอง แต่จดหมายตัดพ้อเหล่านั้นเห็นลูกอ่านมันแล้วขย้ำทิ้งแววตาเคียดแค้นแฝงความเศร้า แม้ไม่เห็นน้ำตาก็เชื่อได้ว่าความเจ็บปวดนั้นทำให้ใจแหลกสลายในพริบตา
“ลูกคิดว่าหนูเรนเป็นยังไง”วิรงรองเข้าประเด็น
“สวยดีครับ ท่าทางน่ารักแต่ก็ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ แล้วก็ยังเด็ก”เขาตอบตามตรง ใช่เขาคิดว่าเรนิกานั้นยังเด็กเกินไป
“แล้วลูกล่ะคิดว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ เที่ยวไปตัดสินหนูเรนว่ายังเด็กน่ะ”
“แม่ไม่รู้อายุลูกตัวเองหรือไงครับ”
“ตาทิวา!”วิรงรองขึ้นเสียงสูง
มือเขาโบกขึ้นเพื่อขอสงบศึก ค่อนข้างหงุดหงิดเลยทีเดียวที่ต้องมานั่งตอบคำถามถึงผู้หญิง ไม่ชอบใจเลย เขาไม่ได้ต้องการใครมายืนเคียงข้างอีกแล้ว
“ลูกอายุยี่สิบหกแล้วนะควรจะมีคู่ได้แล้ว อดีตลืมมันไปเถอะทิวา แม่ขอร้อง...”
“ผมไม่อยากแต่งงานกับใคร ต่อให้ผู้หญิงที่แม่สรรหามาสวยเหมือนนางสรรค์ชั้นไหนผมก็ไม่เอาครับ ผมไม่ต้องการ!”
ทิวากรขบกรามแน่นลุกยืน หันหลังขวับโดยไม่ได้ให้ความสนใจต่อมารดา พอแล้วชีวิตคู่ไม่ต้องการมันอีกแล้ว ผู้หญิงสร้างแต่ความปวดร้าวให้กับใจเขามามากพอแล้ว