ตอนที่ 2
ราวเจ็ดโมงเช้า แสงแดดอ่อนเริ่มทอประกายส่องผ่านบานประตูกระจกที่ปิดทับด้วยม่านสีขาว เมื่อม่านต้องแสงห้องเลยสว่างไสวจนคนขี้เซาต้องลุก มือยกขยี้ดวงตาเล็กน้อยบิดกายขับไล่ความขี้เกียจออก แต่ทว่าคุณหนูแสนสวยยังคงเดินเหมือนคนไร้จิตวิญญาณเข้าห้องน้ำอยู่ดี
หลังจากจัดการกับธุระส่วนตัวเรียบร้อย หญิงสาวเดินลงมาจากชั้นบนเห็นมารดากำลังนั่งถักไหมพรมอยู่ ด้วยความอยากรู้จึงสาวเท้าไปหา
“แม่ทำอะไรคะ”
“หัดถักไหมพรมจ้ะ”
เรนิกาจ้องมองด้วยความอยากรู้ ปกติแล้วเธอไม่ค่อยชอบงานบ้านงานเรือนสักเท่าไหร่ ถึงแม้สมัยก่อนผู้ชายจะตัดสินเลือกคู่แต่งงานจากกิริยามารยาทราวกับผู้รากมากดีของฝ่ายหญิงก็ตาม แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปและเรนิกาเองชอบความเสมอภาคมากกว่า
“เรน พรุ่งนี้เพื่อนแม่จะมาที่นี่นะ ลูกอย่าไปไหนล่ะ”
“เพื่อนแม่แม่ก็คุยไปสิคะ เรนไม่เอาด้วยหรอกน่าเบื่อจะตาย”บ่นกระเง้ากระงอด เธอไม่อยากพบหน้าเพื่อนของแม่เท่าไหร่ เพราะคราใดที่มามักจะติดสอยห้อยตามบุตรชายมาแนะนำให้เธอด้วย
“แต่พรุ่งนี้ลูกต้องอยู่ เพราะวิรงรองเพื่อนแม่จะพาลูกชายมาด้วย”น้ำเสียงเข้มดุ บอกจุดประสงค์ เมื่อเห็นสีหน้าแม่รู้ได้ทันทีว่างานนี้เธอไม่ควรปฏิเสธ
“ก็ได้ค่ะ อยู่ก็ได้”
วันรุ่งขึ้นเรนิกาถูกจับใส่ชุดเดรสสีครีมแขนกุด ผมถูกรวบมัดไว้เผยหน้าผากกลมมนดูมีเสน่ห์ ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยสีชมพูอ่อน หญิงสาวยืนมองตนเองในกระจกอีกครั้งเพื่อสำรวจความเรียบร้อย เสียงเครื่องยนต์ดังอยู่หน้าบ้านทำให้เธอรับรู้ได้ว่าเพื่อนของมารดาคงมาถึงแล้ว แม้จะรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการหาคู่ของมารดา ทว่าเธอก็ไม่คิดใส่ใจเท่าใดนัก ถ้าสิ่งนี้ทำให้แม่มีความสุขได้ก็ยินดี
เรนิกาสาวเท้าเดินลงมาจากชั้นบนบันไดหินอ่อนขัดมันทำให้ไม่เกิดเสียงฝีเท้ามากนัก แต่แขกสองคนก็ยังหันมามองเธอ เรนิกาหยุดชั่วครู่แล้วก้าวเดินต่อนึกแปลกใจกับสายตาของชายหนุ่มอีกคนที่ส่งมา
“มาแล้วเหรอเรน นั่งก่อนลูก”พาวินีเรียกบุตรสาว
หญิงสาวนั่งลงตามคำสั่งดวงตาเรียวช้อนขึ้นมองชายหนุ่มที่มากับเพื่อนแม่อย่างพิจารณา นี่เหรอ... ลูกชายเพื่อนแม่ ชายหนุ่มอายุน่าจะไม่เกินสามสิบ ผิวขาว คิ้วเข้มหนาดกดำ ใบหน้าคมคาย ดวงตาสีดำสนิท แต่ทว่าแววตากลับเย็นยะเยือกจนน่ากลัว อีกทั้งสีหน้ายังเรียบนิ่งไม่แสดงอาการใดๆ
“เรน นี่คุณอาวิรงรองเพื่อนของแม่ แล้วก็ลูกชายเพื่อนแม่ชื่อทิวา”แม่แนะนำสองแขกให้เธอเสร็จสรรพ
มือบางยกกระพุ่มไหว้คนทั้งคู่ แขกสองคนรับไหว้ อาวิรงรองนั้นส่งยิ้มมาให้เธอเป็นระยะ สายตากวาดมองอย่างพิจารณา
“หนูเรนน่ารักน่าเอ็นดูมากเลยนะพา ฉันล่ะชอบจริงๆ ถ้าได้แต่งกับตาทิวาก็คงดี”วิรงรองเอ่ยออกมา
จังหวะนั้นเธอเหลือบมองเขาสีหน้าแววตายังคงนิ่งสนิทเยือกเย็น บางครั้ง... ก็ดูราวกับว่าแววตานั้นผ่านเรื่องเศร้ามามากมาย
“ก็ดีนะวิ ฉันเองก็อยากจะให้ยัยเรนเป็นฝั่งเป็นฝาเหมือนกัน”น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจของสาวใหญ่วัยเดียวกันทำเอาคนฟังนั่งไม่ติด
ที่สำคัญเธออายจนหน้าแดงไปเสียหมด แต่เขากลับเมินเฉยได้ยังไง ความจริงหากไม่มีใจก็สามารถปฏิเสธได้ ทำไมถึงเอาแต่เงียบ
“จริงสิตาทิวา พาหนูเรนไปเที่ยวหน่อยสิแม่กับเพื่อนจะได้คุยกันสะดวกหน่อย”วิรงรองบอกบุตรชาย ทิวากรลุกยืนจ้องมองมาทางหญิงสาว
“ไปข้างนอกกันเถอะครับ”น้ำเสียงเรียบสนิทหันมาสบตาแล้วชวนเธอ
เรนิกาเดินตามเขาจนถึงรถยนต์บีเอ็มสีดำสนิท ใจคิดเหมือนกันว่าคงมืดมนเหมือนเจ้าของไม่มีผิดเพี้ยน ร่างบางเปิดประตูนั่งลงข้างคนขับ รถเคลื่อนออกจากเขตรั้วบ้านระหว่างทางเราสองคนเงียบกริบไม่มีใครเริ่มบทสนทนาก่อน จากนั้นเวลาหายไปอีกชั่วโมงรถสีดำยังคงขับเคลื่อนต่อไป
“พี่ทิวาคะ พี่จะไปไหน”หันไปถามคนขับไม่รู้เขาจะได้ยินหรือเปล่า เห็นสีหน้าเขาเหมือนขบคิดอะไรบางอย่างอยู่ เธอเริ่มสงสัยเพราะรถขับเคลื่อนมาร่วมชั่วโมงราวกับไร้จุดหมาย
เอี๊ยด!