บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

ทิพย์ทิวา มองอาหารตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลาย กลิ่นของมันหอมยั่วยวนสุดๆ แต่เมื่อเธอกำลังจะยกส้อมขึ้นจิ้ม เสียงหนึ่งก็ดังแหวกอากาศมาจงใจให้เธอสะดุ้ง

“ยัยทิช่า ยังอ้วนไม่พออีกรึยังไง ฉันเห็นหล่อนตักยำไปแล้วสามรอบนะยะ”

“ก็จ่ายค่าโต๊ะแล้ว ก็ต้องกินให้คุ้มหน่อยสิ กี้ ว่าแต่ทิช่า ฉันก็เห็นเธอไปเติมเบียร์แล้วตั้งสามสี่รอบ ยังเมาไม่พอรึยังไง รึว่าอยากจะเมาให้ลืมเธอ”

คำตอกย้ำที่ดังฉับกลับไปทันที ทำให้กิรณาอดีตหัวโจกจอมแกล้งประจำห้องหรี่ตามองคนพูด ซึ่งตอนนี้ สวย สวยสุดๆ จนเธอไม่สามารถหาอะไรมากระแหนะกระแหนได้แบบเคย ก็ให้ได้แต่เจ็บใจ คนเคยเหยียบคนอื่น ตอนนี้มามีปมด้อยให้คนอื่นเค้าเหยียบ เหยียบเอาย่ำเอาเสียด้วย แล้วมีรึว่าเธอจะยอมง่ายดาย

“ก็ยังดีมีเธอให้ลืมนะ ยัยเมนี่ ดีกว่าคนไม่เคยมีใครเลย”

“บางทีการมีผัวแย่ๆ กับการอยู่สวยๆ ให้ลมโชยเล่นน่ะ อันหลังแฮปปี้กว่านะเธอ”

แม้นศรีว่า ยกเบียร์ขึ้นจิบด้วยทีท่าของนางพญา กิรณากลอกตา แล้วมองสำรวจแม้นศรีตั้งแต่หัวจรดเท้า มองยังไงก็รู้ ว่านังแม้นมันไปทำศัลยกรรมมาแน่ๆ

“สวยนี่ สวยจริงรึแม้น รึว่าสวยพลาสติก”

“พลาสติกก็สวยนะ รวยมากด้วยตอนนี้”

นั่นไง เกทับกันเต็มๆ กิรณาอยากจะลุกขึ้นร้องกรี๊ดๆ แต่บัณฑิตาซึ่งนั่งข้างๆ สะกิดไว้ ทิพย์ทิวาถือโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังฟาดฟันคำพูดกัน เอร็ดอร่อยกับหมูหันหนังกรอบ พลาดได้ยังไงเล่า ร้านดังประจำจังหวัดเลยนะนั่น แล้วก็แกะกุ้งแม่น้ำกินต่อตุ้ยๆ ตาก็มองเพื่อนรักออกฤทธิ์ไปด้วยเป็นกับแกล้ม

สนุกล่ะวา...

“ไปทำอะไรมามั่งล่ะเมนี่ ทั้งหน้าเลยเหรอ จริงสิ ก็เบ้าหน้าเก่าน่ะ แบบว่า ...เรายังจำได้นะ ติดตาเลย ก็เมนี่น่ะ ขี้เหร่ ขี้ก้างที่สุดในรุ่นแล้ว”

“ก็...” สาวมั่นสะอึกไปเล็กน้อย แต่แม้นศรีคือแม้นศรี แค่นี้ไม่สะเทือน

ตอนเด็กๆ พี่เจอนังพวกนี้เล่นงานมาเยอะกว่านี้ พี่อะทนได้...

“ทำหลายอย่างเหมือนกัน แต่รวมๆ แล้วออกมาก็โอเคดีนะ บังเอิญได้เงินมาใช้เล่นๆ หลายสิบล้านน่ะ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ซื้อนั่น...”

เธอปรายตาไปยังรถสีแดงที่จอดเด่นเป็นสง่า แล้วถอนใจน้อยๆ

“ซื้อนี่...”

มือขวาของเธอกรีดเป็นพัดเพื่อโชว์แหวนเพชรเม็ดเป้งที่นิ้วนาง กับแหวนบุษราคัมล้อมเพชรที่นิ้วกลาง

“ก็ยังเหลือ เลยไม่รู้จะทำอะไร ทำสวยดีกว่า มันก็ไม่เสียหายนี่ ถ้ามีเงินแล้วคิดอยากจะสวย ดีกว่ามีหน้าตาที่แบบ...”

ว่าแล้วก็ปรายตามองทั้งกิรณาและบัณฑิตา ก่อนจะถอนใจเฮือกใหญ่จนเกินจำเป็น

“เราก็คิดว่า ศัลยกรรมยกหน้าไปเลย โอเคกว่า จริงไหมจ๊ะศิวา”

เธอยักคิ้วให้กับเพื่อนชายร่วมโต๊ะ ที่ยังคงอ้าปากหวอ มองเธอไม่เลิก ทางนั้นพยักหน้าหงึกหงัก ทำให้ภรรยาที่นั่งข้างๆ เอาเล็บแหนบเอาอย่างหมั่นไส้ แล้วกระแอม

“เราก็ว่าเมนี่สวยขึ้นมากจริงๆ นั่นแหละ เราว่าดีนะ ความสุขของผู้หญิงก็คือสวยอะ ถ้าเรามีเงินเยอะๆ เราก็อยากไปทำเหมือนกัน”

สุนทรี ภรรยาของศิวา ที่บังเอิญมานั่งในโต๊ะที่กำลังมีสงครามระหว่างเพื่อนเก่าเอ่ยขึ้น

“ขั้นแรกเลยคือต้องทำดั้งนะ”

ศิวาล้อเลียนภรรยา บรรยากาศดูเบาๆ ขึ้นเมื่อสองสามีภรรยานี้เริ่มพูดคุยขึ้นมา แม้นศรีเลยหันไปคุยกับพวกเขาแทน เหมือนระฆังหมดยกเสียชั่วคราว

“ไปได้เงินมาจากไหนเยอะขนาดนั้นน่ะเมนี่ อย่าว่าเราเสือกนะ แต่ก็อยากเสือกจริงๆ”

สุนทรีถาม แม้นศรีหัวเราะ เธอไม่ได้ตั้งใจปกปิด งานนี้ตั้งใจมาอวดทุกสิ่ง ดังนั้น ก็โม้ให้มันเต็มที่กันไปเลย หึ!

“รวยมาจากหุ้นเล็กน้อยน่ะ รถคันนั้นก็ได้มาจากกำไรของหุ้น”

เธอบุ้ยใบ้ ทิพย์ทิวาฟังแล้วก็สำลักน้ำที่กำลังดื่ม พลางปรายตามองเพื่อนรัก ที่เริ่มติดลมบน

“ว้าว...สอนพวกเราเล่นบ้างได้ไหมเมนี่ ตานี่เพิ่งขายที่ได้มา ไม่รู้จะเอาไปลงทุนอะไร เห็นเธอได้กำไรดีขนาดนี้ก็ชักจะสนใจ”

“มันยากอยู่นา” แม้นศรีว่า

“มันเสี่ยงอะ เงินลงทุนไม่ใช่แค่ล้านสองล้านนะ จะได้กำไรขนาดนี้”

“กี่ล้านล่ะ เราได้มาเกือบสิบ พอได้ไหม”

ดูเหมือนว่าสุนทรีจะสนใจเรื่องที่หล่อนกุขึ้นมาอย่างเอาจริงเอาจัง แม้นศรีเลยใช้ความกะล่อนส่วนตัว รีบเปลี่ยนเรื่องทันที

“พอดีว่าหุ้นตัวที่เราเล่น มันปิดรับซื้อแล้วน่ะ ถ้าเปิดเมื่อไหร่ จะรีบบอกเลย”

“มันมีปิดด้วยเหรอ?” สุนทรีถามอย่างงงๆ แต่ก็พยักหน้า เพราะเชื่อไปแล้ว

“อย่าลืมนะเมนี่ เราจะเก็บเงินไว้รอเลย”

“อื้อ...อยากรอก็รอ แต่ถ้าเอาไปทำอย่างอื่นก่อนก็ได้นะ”

ยิ่งดึก บรรยากาศก็ยิ่งสนุก เพราะเริ่มเมาๆ มึนๆ กันแล้ว ทิพย์ทิวาเองก็อิ่มแปล้ ส่วนแม้นศรีดูเหมือนว่าจะอิ่มสุดๆ เหมือนกัน ทั้งที่กินอะไรไปแค่ไม่กี่อย่าง เมื่อเหลือเพียงแค่เธอตามลำพังสองคน เพราะคนอื่นกำลังไปสนุกสุดเหวี่ยงกันที่หน้าเวที

“โม้นะแกน่ะ” ทิพย์ทิวากระเซ้า แม้นศรีอมยิ้ม แล้วเชิดหน้า

“แกก็อิ่มนะยะยัยทิช่า พุงจะแตกรึยังน่ะ”

“ยัง เอาเบียร์หน่อยมะ ฉลองชัยชนะที่แกคร่าวิญญาณยัยกี้กับยัยเบลล์เสียอยู่หมัดเลย” ทิพย์ทิวายักคิ้วให้

“ศัพท์หล่อนนี่ อลังการใช้ได้ สักแก้วก็ดีนะ หลายแก้วเพื่อนจะเมา เดี๋ยวขับไม่ไหว”

“จัดไป”

แต่แล้วจากแก้วเดียวก็กลายเป็นสองแก้ว สามแก้ว และเริ่มไหลไปเรื่อยๆ เพราะความสนุก มีเพื่อนเก่าคนนั้นคนนี้มาคุยด้วย โดยเฉพาะหนุ่มๆ แม้นศรีกลายเป็นดาวล้อมเดือน แถมยังถูกฉุดไปเต้นรำวง ขณะที่ทิพย์ทิวาอาสาสมัครนั่งกินอยู่ที่โต๊ะอย่างเมามัน แหม...ของขึ้นชื่อประจำจังหวัด จะเลิกกินง่ายๆ ได้ยังไงเล่า นานๆ กลับมากินที ต้องฟาดให้พุงกาง แถมยังกระซิบบอกเพื่อนที่คุมเรื่องอาหาร ให้ห่อให้เธอกลับบ้านด้วย

“หมั่นไส้นังแม้นมาก”

กิรณากระซิบกับบัณฑิตา เธอมองภาพที่แม้นศรีกำลังเต้นกับอดีตหนุ่มฮอตที่สุดของชั้นเรียน ที่ตอนนี้แม้จะผมบางๆ ไปนิด แต่ก็ยังหล่อพอดูได้

“มากอะ”

“จะทำยังไงกับมันดี ว่ามันเรื่องศัลยกรรมก็ไม่เห็นมันจะสะท้านเลย”

“มันยังโสด ไม่มีคนมาจีบ เล่นงานข้อนี้เลยมะ สามสิบแล้วก็จองคาน น่าอายขายหน้าจะตาย ถึงมันจะสวยก็เหอะ”

“ลุยปะ”

“ลุยสิ”

ว่าแล้วสองสาวก็ทำหน้าเชิด เดินสวยๆ เข้าไปหาแม้นศรี ที่ตอนนี้เดินเซน้อยๆ เพราะเริ่มมึน เมื่อเห็นสองสาวอดีตคู่อริ เดินมาเธอก็ทำหน้าเชิด แล้วโบกมือให้

“เฮลโหล ว่ายังไงจ๊ะ”

“สนุกมากเลยนะเมนี่ เธอสวยขึ้นจริงๆ นั่นแหละ” กิรณาโปรยยาหอมก่อน แม้นศรียิ้มด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ

“ก็จะได้เลิกขี้เหร่ยังไงล่ะ ความขี้เหร่น่ะ มันเลิกได้ด้วยเงิน พอดีว่า ฉันน่ะร้วย รวย ฮี่ๆ”

“จ้ะ รวย รวยจริงๆ นั่นแหละ แต่ว่าขี้เหร่ใช้เงินซื้อได้ แต่อย่างอื่น เงินซื้อไม่ได้นะ ฉันว่าคงจะมีคนเห็นว่าเธอมีอะไร...”

กิรณามองแม้นศรีแบบหัวจรดเท้า พลางเบ้ปากและยักไหล่

“ก็เลยยังเก๋ๆ อยู่บนคาน”

“คนอย่างฉันน่ะ เลือกย่ะ จะได้ไม่เป็นแม่ม่ายวัยสาวยังไงล่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel