แรงรักมาเฟีย

86.0K · จบแล้ว
พิมพ์ชนก
45
บท
15.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ห้าสิบเดท กับการเริ่มต้นคบกันของเรา ตกลงไหม ถ้าไม่ตกลง เชิญออกไปจากบ้านฉันได้เลย”“วะ...ว่าไงนะอาเหมย คืออะไรห้าสิบเดท” “เราจะออกเดท เริ่มดูใจกันตั้งแต่เดทแรก จนถึงห้าสิบเดท ถ้าในระหว่างห้าสิบเดท นอกใจฉันทำให้ฉันเสียใจ มีข่าวเกี่ยวกับผู้หญิง การคบหาของเราถือว่าเป็นอันจบ งานแต่งงานจะไม่มีขึ้น ฉันยอมเสียใจก่อนแต่ง ดีกว่าแต่งไปต้องทนอยู่กับผู้ชายที่ไม่รักฉันเพียงคนเดียว”“ห้าสิบเดทหรา ก็ได้ๆ” เดททุกวันห้าสิบเดทก็แค่เดือนครึ่งเท่านั้น เอาน่าไม่หนักหนาเท่าไหร่ เขาจริงใจกับเธอคนเดียว ระยะเวลาแค่นี้คงไม่ทำให้เขาตาย ยังได้เจอเธอทุกวันเพราะเขาจะเดทกับเธอทุกวัน ดีไม่ดีวันหนึ่งอาจมีหลายเดท อังเดรคิดในใจอย่างเจ้าเล่ห์ “ทุกวันที่ออกเดทห้ามลืมบอกรักฉัน ถ้าไม่บอกถือว่าเดทวันนั้นเป็นโมฆะ ต้องเริ่มนับใหม่ในเดทหน้า”

นิยายรักโรแมนติกนิยายแอคชั่นนิยายรักนิยายปัจจุบันมาเฟียเศรษฐีโรแมนติก

ตอน 1

บนถนนเส้นเศรษฐกิจฟูเฟื่องของเมืองภูเก็ต ปีนี้พื้นที่แห่งนี้เจริญรุ่งเรืองล้ำหน้า ความเจริญนำพาตึกรามบ้านช่องอิฐหินปูนก่อร่างสร้างขึ้นมาตามยุคตามสมัย กาลเวลาผันเปลี่ยนหากแต่ยังมีสิ่งปลูกสร้างหนึ่งไม่ยอมเปลี่ยนตามกาลเวลานั่นคือ โรงแรมรอยตะวันที่มีอายุอานามเกือบหกสิบปี อาคารไม้เก่าแก่คร่ำคร่าสีขาวที่ถูกปรับปรุงด้วยการทำนุบำรุงด้วยการทาสีใหม่เท่านั้น สิ่งอื่นยังคงความเก่าแก่เอาไว้จนมาถึงรุ่นที่สามของการดูแลกิจการ

บัดนี้นายฮง ก้องเกียรติไพศาล ทายาทในตระกูลชาวจีนเสือผืนหมอนใบจากเมืองจีนต้องการปลดระวางตัวเองจากกิจการทั้งหมด เพื่อส่งมอบความรับผิดชอบแก่ลูกๆ เขานั่งรอการกลับมาของลูกสาวคนเล็กจากอังกฤษด้วยข่าวดีที่ว่าลูกสาวคนสวยจบการศึกษาในสาขาการโรงแรมอย่างภาคภูมิใจ

“อาเหมยยังมาไม่ถึงอีกหรืออาสาลี่” เจ้าสัวฮงหันไปถามแม่บ้านที่คอยปรนนิบัติรับใช้กันมาตั้งแต่ภรรยายังมีชีวิต แม้เวลาผ่านไปสาลี่ยังคงอยู่รับใช้บ้านก้องเกียรติไพศาล ไม่ยอมขยับขยายไปทำงานที่อื่นซึ่งจ่ายค่าแรงมากกว่า

“ยังเจ้าค่ะเจ้าสัว ใจเย็นๆ นะคะเดี๋ยวคุณหนูคงมา” นางสาลี่หญิงวัยสี่สิบปลายๆ บอกแกเจ้าสัวฮงผู้นั่งรอบุตรสาว ตั้งแต่เช้า ด้วยตื่นเต้นที่บุตรสาวคนเล็กสุดสวาทจะกลับมา

เขาฝากผีฝากไข้ไว้กับบุตรสาวคนเล็กด้วยเงินก้อนสุดท้ายจากการเก็บหอมรอมริบ ช่วงโรงแรมรอยตะวันยังพอมีรายได้ จึงส่งลูกสาวไปเรียนเพื่อนำความรู้กลับมาบริหารกิจการโรงแรมแห่งนี้ต่อไป ครั้นผ่านไปสี่ปีข่าวดีจากบุตรสาวจึงถูกส่งข้ามประเทศมาด้วยวิธีการสื่อสารแบบโบราณคือจดหมาย บอกข่าวการจบการศึกษาและพร้อมกลับมาบริหารต่อมือจากบิดาผู้ชราลงทุกที

“อาสาลี่” เจ้าสัวเอ่ยเรียกคนรับใช้เก่าแก่ขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายในบ้าน ซึ่งปลูกสร้างอยู่ด้านหลังโรงแรมรอยตะวัน โรงแรมอันสะสมอายุอานามเกือบหกศตวรรษ

“เจ้าคะ” สาลี่ขานรับหันไปสนใจชายชราอาวุโสกว่าตน ซึ่งตนมีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดบ้านไม่เกี่ยวกับตัวโรงแรม แต่บางครั้งเคยไปช่วยงานโรงแรมอยู่หลายครั้ง เนื่องด้วยพนักงานทยอยลาออกไปกันหลายคน ด้วยมีโรงแรมขนาดใหญ่ติดต่อซื้อตัวบ้าง บางคนมองเห็นค่าจ้างที่มากกว่าและงานมั่นคงกว่าจึงไป เพราะพวกเขาต่างมีครอบครัวที่ต้องดูแล ดีกว่าทนอยู่ทำงานอยู่ในโรงแรมเล็กเก่าแก่

“ลื้อรับปากอั๊วอย่างหนึ่งได้มั้ย” เจ้าสัวเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล ตั้งแต่วันนั้นเจ้าสัวมิอาจข่มตาหลับสนิทได้เลย เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

“เรื่องอะไรคะเจ้าสัว” สาลี่ย่อกายลงนั่งหน้าเก้าอี้ เจ้าสัวฮงนั่งจิบน้ำชาในยามสาย รอบุตรสาว ผู้เป็นความหวังเดียวอย่างใจร้อนรน

“วันก่อนที่มีคนมาติดต่อขอซื้อโรงแรมรอยตะวัน” เจ้าสัวฮงเอ่ยอย่างเป็นกังวล คนพวกนั้นหน้าตาบอกได้ประโยคเดียวไม่ใช่นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ธรรมดา จากสายตาผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน พวกมันมีสายพันธุ์ของมาเฟียชัดเจน

“ตกลงเจ้าสัวว่ายังไงเจ้าคะ” วันนั้นสาลี่เป็นผู้นำน้ำร้อนน้ำชา เข้าไปต้อนรับแขกในห้องรับแขกกับมือ พวกเขามากันสองคน แต่งกายภูมิฐานหากแต่สีหน้าท่าทีคุกคามน่ากลัวมากกว่าน่าเชื่อถือ

“ไม่ขายอั๊วจะเก็บไว้ให้อาเหมย ส่วนอาหลิน กับกิมแชพวกอีคงไม่สนใจกิจการโรงแรมที่จะล้มไม่ล้มแหล่หรอก” เจ้าสัวฮงกล่าวอย่างเป็นกังวล เพราะพวกนั้นบอกว่าจะกลับมาอีกจนกว่า เขาจะขายโรงแรมเก่าๆ ที่อยู่มาคู่เมืองภูเก็ตแห่งนี้

“คุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองแต่งเข้าสกุลอื่นไปแล้ว เจ้าสัวต้องทำใจ แต่ถ้าขายรับรองลูกเขยของเจ้าสัวคงวิ่งหัวชนกันเพื่อมาขอส่วนแบ่ง” สาลี่รู้ดีว่าสามีบุตรสาวทั้งสองของเจ้าสัว เป็นคนจีนที่ทำมาหากินอยู่ในตลาด งกระดับตำนาน คนแรกเป็นเจ้าของเขียงหมูใหญ่ แต่งงานกับนิรมลลูกสาวคนโตเพื่อหวังฮุบมรดกเมีย อีกคนคือน้ำฟ้าแต่งงานกับเจ้าของร้านอาหารจีน ซึ่งตอนนี้ทรงๆ ทรุดๆ จากพิษเศรษฐกิจ ร้านอาหารนานาชาติผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด น้ำฟ้าร่ำๆ อยากให้บิดาขายโรงแรมแล้วนำเงินมาแบ่งให้ลูกๆ แต่เจ้าสัวไม่ยอม ตั้งใจเก็บมรดกตกทอดของบรรพบุรุษไว้จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ

“ถึงตอนนี้อั๊วคิดน้อยลงแล้วเรื่องลูกหลาน วาสนาอั๊วน้อยนักที่ไม่มีลูกชายสืบสกุล” เจ้าสัวตัดพ้อชะตากรรมของตัวเอง หลังจากภรรยาสิ้นใจด้วยโรคมะเร็งเมื่อสิบปีก่อน เขาได้ทำหน้าที่ทั้งแม่และพ่อเลี้ยงดูบุตรสาวทั้งสามอย่างอดทนเพียงลำพัง ดีใจเหลือเกินที่บุตรสาวสองคนออกเรือนพ้นอกผู้เป็นพ่อ แม้ไม่ได้แต่งงานกับผู้ชายร่ำรวยล้นฟ้า เป็นนักธุรกิจเงินร้อยล้านพันล้านก็ตาม

“ลูกสาวก็สืบสกุลได้นะเจ้าคะ โดยเฉพาะคุณหนูเล็กที่รักดีเรียนจนจบ ไม่เคยทำให้เจ้าสัวร้อนใจ” แม่บ้านกล่าวนึกถึงหญิงสาวผู้น่ารักนัยน์ตาหวานซึ้ง นิสัยดีอย่างคุณหนูคนเล็กของเจ้าสัว นิชา ก้องเกียรติไปศาล คือลูกสาวคนเล็กน่ารัก นิสัยดี มุ่งหวังช่วยงานของครอบครัว บิดาส่งไปเรียนเธอนั้นไม่เคยอิดออดแม้ไม่ค่อยชอบการโรงแรม แต่เมื่อเป็นกิจการของครับครัว หญิงสาวพร้อมเปลี่ยนความชอบของตัวเอง ก้าวตามเส้นทางที่บิดาขีดไว้ให้โดยไม่ปริปาก

“อาเหมยเป็นลูกสาวที่เชื่อฟังอั๊วมาก บอกตรงๆ ถ้าอีทำโรงแรมรอยตะวันต่อไม่ไหว อั๊วก็ว่าจะตามใจอี ถ้าอีอยากเปลี่ยนมันเป็นอะไรที่เหมาะสมในยุคนี้” เจ้าสัวกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย และด้วยใจที่มุ่งมั่น หากแต่แพ้พวกนายทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต โรงแรมทันสมัยผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ทั้งตามริมหาด หรือแม้ในตัวเมืองเช่นนี้ก็ตาม

“เจ้าสัวตามใจคุณหนูเล็กอย่างนั้นหรือคะ” ทั้งๆ ที่เจ้านายของตนมุ่งมั่นมานะบากบั่นในการดูแลโรงแรมเก่าแก่คู่เมืองภูเก็ตนี้มาทั้งชีวิต จะทำใจตามใจบุตรสาวได้อย่างนั้นเชียวหรือ

“เว้น...เสียแต่อย่าขายเท่านั้น ถ้าขายมาเอาลมหายใจอั๊วไปก่อนก็แล้วกัน” เจ้าสัวฮงกล่าวอย่างมุ่งมั่น ทอดสายตาออกไปนอกบ้านเพื่อเฝ้ารอนิชา

“ใจเย็นๆ ก่อนเถอะเจ้าสัว รับประทานขนมเต้าซ้อกับน้ำชารอคุณหนูไปพลางๆ ก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวสาลี่ขอตัวไปดูอาหารในครัวก่อนเจ้าค่ะ ไม่รู้พวกเด็กๆ มันได้เรื่องกันหรือเปล่า”

“ตามสบายเถอะอาสาลี่ อั๊วอยู่รออาเหมยคนเดียวได้” นิ้วมือชรายกถ้วยชาใบเล็กลายดอกเหมยพื้นสีฟ้าถนัดมือคุ้นกับการใช้งานเป็นประจำขึ้นจรดริมฝีปากดื่ม ทั้งที่ควันกรุ่นลอยคละคลุ้ง เจ้าสัวดื่มอย่างนี้จนชินชา

รองเท้าส้นสูงสีหวานก้าวขยับ เข้ามายืนอยู่ตรงหน้าอาคารไม้ขนาดสามคูหา ป้ายสีทองเหนือศีรษะแบบโบราณ เจ้าของรองเท้าคู่หวานนั้นแหงนมองป้ายอักษรสีทอง โรงแรมรอยตะวัน โรงแรมที่เคยโด่งดังและโดดเด่นมากที่สุดเมื่อในอดีต ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ คนในยุคเมื่อห้าสิบปีกว่าๆ ไม่เคยมีใครไม่รู้จักโรงแรมแห่งนี้ หากแต่เวลาผันผ่านโรงแรมยิ่งใหญ่คลาสสิคแห่งนี้กลายเป็นโรงแรมที่ไม่มีใครรู้จัก

นางสาวนิชา ก้องเกียรติไพศาล ลากกระเป๋าใบใหญ่เข้าไปในโรงแรม ซึ่งคือมรดกตกทอดมาช้านานสามรุ่นของตระกูล คำว่าโรงแรมจิ้งหรีด ช่างกรีดหัวใจจนไหววาบ ทุกอย่างเก่าแก่ตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาในล็อบบี้ เก้าอี้รับแขกสามตัววางเรียงกันอยู่ ริมผนังหุ้มหนังสีฟ้าถลอกตามรอยกาลเวลา รูปภาพเก่าแก่บ่งบอกความเป็นเมืองภูเก็ต เมื่อสมัยโรงแรมนี้เรืองรอง ถูกแขวนไว้บนผนังด้านหลังเก้าอี้รับแขกสีฟ้าสีมอสามตัว

เจ้าของหุ่นสวย บอบบางหย่อนก้นลงนั่ง มองภาพอัดกรอบไม้หกภาพต่างขนาดกัน แขวนลดลั่นต่างระดับทุกภาพที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยจากสี่ปีก่อน ที่เธอจะเดินทางไปเรียนต่อด้านการโรงแรมที่ประเทศอังกฤษ จนกระทั่งหอบปริญญากลับมาเมืองไทย เพื่อให้บิดาชื่นชมความสำเร็จ หากแต่ความเป็นลูกตอกย้ำให้เธอทำทุกอย่างให้สำเร็จ และต้องออกมาดีเสมอ