4
“ข้าออกไปเดินเล่นมาเจ้าค่ะ พี่แสนมีอันใดรือเจ้าคะ” ปานวาดปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด เมื่อหายจากอาการตกใจ
“พี่มิเห็นเจ้าก็เลยเดินออกมาตามหา มาอยู่เรือนของพี่เป็นเยี่ยงไรบ้าง นอนหลับสบายรึไม่ กับข้าวกับปลาพอกินได้ไหม” แสนเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“ข้านอนหลับสบายดี กับข้าวกับปลาก็อร่อยมาก เจริญอาหารเหลือเกินเจ้าค่ะ” ปานวาดตอบด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ
“หากต้องการอันใดก็ขอให้เจ้าบอกพี่แลบ่าวไพร่ในเรือน พี่อยากให้เจ้ามีความสุขที่สุดเมื่อมาพำนักอยู่ที่เรือนของพี่” แสนพูดอย่างมีน้ำใจ
“ขอบน้ำใจพี่แสนมากนะเจ้าคะ” หล่อนยกมือไหว้ ก่อนจะเดินเคียงคู่ขึ้นมาบนเรือนกับเขา
ร่างสูงสง่าของแสนสะอาดสะอ้าน กลิ่นกายหอมกรุ่น หล่อนคิดผิดจริง ๆ ที่หนีตามหมื่นราชไป มิเช่นนั้นหล่อนกับเขาก็คงแต่งงานออกเรือนกันไปแล้ว นึกแล้วก็อดเสียดายมิได้
“พี่แสนเข้าไปในห้องของข้าก่อนไหมเจ้าคะ”
“เข้าไปทำไมรึ” แสนเอ่ยถามพลางทอดสายตามองหญิงสาวที่มีใบหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงปานวาดคู่หมั้นคู่หมายของเขาราวกับแกะ
“เผื่อพี่แสนอยากจะนั่งสนทนากับข้า” คนตอบมีท่าทีเขินอาย ชม้ายชายตามองอย่างอ้อยอิ่ง
“สนทนากันข้างนอกก็ได้หนาแม่ดวงใจ” ประโยคนั้นทำให้ปานวาดหน้าชา หล่อนให้ท่าเขาขนาดนี้ เขายังมิสนใจ ผู้หญิงชวนเข้าห้องก็แปลว่าผู้หญิงมีใจให้ ยังจะโง่ซื่อบื้ออีก
แสนเป็นแบบนี้ไง หล่อนถึงได้ตัดสินใจหนีตามหมื่นราชไป เขาจะให้เกียรติหล่อนไปถึงไหนกันนะ น่ารำคาญเสียจริง มันมิได้ดั่งใจหล่อนเอาเสียเลย
แสนผายมือให้หล่อนเดินตามเขาไปนั่งที่ห้องโถงกลางบ้าน ก่อนจะเรียกบ่าวไพร่ให้นำสับรับขนมหวานและผลไม้ รวมถึงน้ำโรยดอกมะลิเย็น ๆ มาให้หล่อน
“ขนมน่ากินเหลือเกินเจ้าค่ะพี่แสน” ขนมหลายอย่างเป็นขนมที่หล่อนชอบ แสนคงคิดว่าหล่อนมีใบหน้าละม้ายคล้ายกับปานวาด จึงจัดขนมพวกนี้มาเอาใจ แสดงว่าเขายังรักหล่อนอยู่เต็มหัวใจ แบบนี้ก็เข้าทางหล่อนน่ะสิ เพราะหล่อนจะยั่วเขาให้ตกเป็นของหล่อนให้จงได้ เขาจะได้ยกย่องหล่อนเป็นเมียเอกของเขา
บิดามารดาเองก็คงทำใจคิดว่าหล่อนตายจากไปแล้ว ซึ่งหล่อนก็มิได้สนใจนักหรอก เพราะว่าท่านก็ยังมีลูกคนอื่นอันเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตของหล่อนให้ท่านได้พึ่งพิง ขาดหล่อนไปคนหนึ่งก็คงมิได้ทำให้ต้นตระกูลของหล่อนล่มจมหรอกกระมัง เพราะหล่อนเกิดเป็นหญิง มิได้เกิดเป็นชายที่ต้องหน้าเป็นตาแก่วงศ์ตระกูล
“แม่ดวงใจชอบขนมพวกนี้รือ” แสนเอ่ยถามแม่หญิงตรงหน้าอย่างสงสัยใคร่รู้
“ชอบเจ้าค่ะ เป็นขนมที่ข้าชอบกินมากที่สุดเลยเจ้าค่ะ” ประโยคนั้นของหล่อนทำให้เขาต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน
“เจ้าชอบขนมพวกนี้เหมือนใครคนหนึ่งที่พี่รู้จัก มิน่าเชื่อว่าแม่หญิงบ้านป่าเยี่ยงเจ้าจะได้กินขนมดี ๆ เยี่ยงนี้ด้วย” ประโยคของเขาทำให้หล่อนแทบสำลัก
“ใครกันเหรอเจ้าคะพี่แสน” ปานวาดชะงักมือที่จะหยิบขนมเข้าปากเมื่อได้มองสบตาเขา ก่อนที่หล่อนจะหลบสายตาวูบ
“นางเป็นคู่หมั้นคู่หมายของพี่น่ะชื่อว่าปานวาด พี่รักนางมาก แต่นางมาด่วนจากไปเสียก่อน”
“ทำไมรึเจ้าคะ” ปานวาดแกล้งถาม เพราะหล่อนอยู่ในชื่อของดวงใจ จะต้องแสร้งทำเป็นมิรู้มิเห็นอันใดเลย
“นางคิดสั้นฆ่าตัวตายน่ะ”
“มิใช่โดนผลักตกน้ำจนตายรึเจ้าคะ” ประโยคของแม่หญิงตรงหน้าทำให้แสนยิ่งขมวดคิ้วเข้าหากัน คนที่เผลอหลุดปากออกมาถึงกับยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้
“ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าแค่เดาเท่านั้น”
“ทำไมถึงเดาเช่นนั้นกันเล่า” แสนเอ่ยถามอย่างสนใจ อยากรู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะตอบว่ากระไร
“ข้าคิดว่าพี่เป็นคนดี ผู้หญิงคนไหนได้เป็นคู่ชีวิตย่อมถือว่าโชคดี แล้วแม่หญิงปานวาดนั่น จะคิดสั้นฆ่าตัวตายได้เยี่ยงไรกันล่ะเจ้าคะ”
“พี่มิได้เป็นคนดีขนาดนั้นดอกหนา ผู้หญิงบางคนอาจจะเบื่อพี่ก็ได้”
“แต่ข้ามิเบื่อพี่แสนนะเจ้าคะ พี่แสนน่ารักและแสนดีเพียงนี้ ข้ามีความสุขที่ได้อยู่ใกล้พี่แสน”
“รู้ได้เยี่ยงไรว่าพี่แสนดี”
“ก็พี่แสนช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ แถมยังพาข้ามาอยู่ที่นี่อีก พี่แสนเป็นคนดี แล้วจะมิให้ข้าชื่นชมพี่ได้เยี่ยงไรกัน” หล่อนชม้ายชายตาให้เขาด้วยรอยยิ้มยั่วยวน
“ถ้าชอบก็กินเยอะ ๆ เถิดหนา ขนมมีอีกมากมายมิต้องกลัวว่าจะหมด”
“เจ้าค่ะ” หล่อนรับคำด้วยรอยยิ้ม
“กินให้อิ่ม ถ้าขนมหมด พี่ก็จักให้บ่าวไพร่ทำให้มาให้เจ้าอีก” เขาพูดอย่างเอาใจ
“ขอบน้ำใจพี่แสนมากเจ้าค่ะ” คนพูดยิ้มหวานส่งไปให้
“งั้นพี่ขอตัวก่อนหนา”
“พี่แสนจักไปไหนรึเจ้าคะ” จู่ ๆ เขาก็เอ่ยขอตัว หล่อนเลยนึกสงสัยมิน้อย
“พี่จักไปสั่งบ่าวไพร่ให้จัดกับข้าวต้อนรับแขกในเย็นนี้น่ะเจ้า เจ้าชอบกินอันใดบอกพี่เถิดหนา พี่จะสั่งให้บ่าวไพร่ทำอาหารที่เจ้าชอบให้กิน”
“ใครจะมารึเจ้าคะ”
“แขกคนสำคัญของพี่ เย็นนี้เจ้าก็คงจักได้เห็น”
“แขกคนสำคัญเลยรึเจ้าคะ”
“ใช่ แล้วเจ้าชอบกินอันใดบ้าง ยังมิตอบพี่เลย”
“ข้าอยากกินกุ้งหวาน ห่อหมกปลาช่อน แกงส้มปลาช่อนดอกแคร์เจ้าค่ะ” หล่อนยิ้มหวานให้เขา
“ยิ่งเมนูที่เจ้าชอบกิน ยิ่งทำให้พี่คิดถึงคนรักของพี่เหลือเกิน นางชอบกินเหมือนเจ้ามิมีผิดเพี้ยน นี่ถ้าบอกว่าเป็นคนคนเดียวกัน พี่คงเชื่อ”
“จะเป็นคนคนเดียวกันได้เยี่ยงไรกันเล่า แม่หญิงปานวาดของพี่แสนนางเป็นลูกคุณหนู เป็นผู้ดีมีเงิน ข้าเป็นเพียงแค่หญิงบ้านป่าธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น”
“พี่ยังมิเคยบอกเลยสักครั้งว่าแม่หญิงปานวาดเป็นลูกผู้ดีมีเงิน เหตุใดเจ้าถึงรู้เรื่องนี้ด้วยเล่า”
“ก็แหม... ข้าเดาเอาน่ะสิเจ้าคะ เพราะว่าพี่แสนออกจะร่ำรวยปานนี้ ดังนั้นก็ต้องมีคู่หมั้นคู่หมายที่เหมาะสมคู่ควรกัน จริงไหมเจ้าคะ”
“พี่มิเคยคิดว่าแม่หญิงที่จะแต่งงานด้วยต้องร่ำรวยเสมอกัน พี่แค่หวังว่านางจะเป็นคนดีเท่านั้น”
“พี่แสนเป็นคนดีเช่นนี้ ใครได้เป็นคนรักของพี่แสนถือว่าเป็นแม่หญิงที่โชคดีมากนะเจ้าคะ”
“ชมกันเกินไปแล้ว งั้นพี่ไปสั่งบ่าวไพร่ให้ทำกับข้าวก่อนหนา เจ้าก็พักผ่อนไปเถิด พี่มิกวนเจ้าแล้ว”
“เจ้าค่ะ” ปานวาดรับคำ ยิ้มหวานให้กับแสน ก่อนที่จะลอบผ่อนลมหายใจออกมา แสนเกือบจับได้แล้วไหมล่ะว่าแท้ที่จริงแล้วหล่อนเป็นใคร
แสนเป็นทายาทเศรษฐีพ่อค้าขายกระดาษ เขาจึงได้ร่ำเรียนหนังสือมามาก ค่อนข้างเป็นคนฉลาดหลักแหลม หล่อนจะทำตัวให้มีพิรุธอีกมิได้ มิเช่นนั้นความแตกขึ้นมา เขาต้องจัดการหล่อนมิเหลือชิ้นดีแน่ ๆ
ปานวาดเดินไปหยุดยืนมองวิวริมหน้าต่างของเรือน จึงได้เห็นว่าแสนกำลังยืนคุยอยู่กับมณีจันทร์ ท่าทีการจับมือถือแขนที่ยื้อยุดกันไปมาทำให้ปานวาดหงุดหงิดใจมิน้อย
“นังมณีจันทร์ อย่าคิดว่าเอ็งจะรอดไปได้ ข้านี่แหละจะจัดการเอ็งให้สาสมกับที่เอ็งกล้ามายุ่งกับพี่แสนของข้า”
“แม่หญิงดวงใจต้องการขนมหวานอีกหรือมิเจ้าคะ” พุดซ้อนรีบเข้ามาเอ่ยถาม เพราะอยากเอาใจนายหญิงคนใหม่ หากหล่อนเป็นที่โปรดปรานของดวงใจ เช่นไรก็คงได้ดิบได้ดีมิต้องทำงานก้นครัวให้ต้องเหน็ดเหนื่อย แค่คอยตามรับใช้ดวงใจ ก็สุขสบายกว่าบ่าวไพร่คนอื่นเรือนแล้ว