1
มณีจันทร์มีสีหน้าตื่นตระหนกเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของแสนเดินเข้ามาในห้องนอนของหล่อน
“พี่แสนต้องการอันใดรือเจ้าคะ” มณีจันทร์รีบเอ่ยถามออกไป ในใจนึกหวาดหวั่นอยู่มิน้อยเมื่อเห็นสีหน้าถมึงทึงของเขา หล่อนกลืนน้ำลายลงคอด้วยความรู้สึกฝืดเคือง เขาคือแสน ราชเดชเดชา คนรักของเพื่อนสาวที่ใคร ๆ คิดว่าหล่อนจมน้ำตายไปแล้ว
“มิรู้รือ ว่าข้าจักทำสิ่งใด” แสนปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจากกาย ในขณะเดินเข้าหามณีจันทร์ หญิงสาวเสียหลักล้มลงไปบนเตียง ทำให้แสนขึ้นคร่อมทับร่างของหล่อนเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“พี่แสน อุ๊ย! อย่าเจ้าค่ะ” มณีจันทร์ร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อมือหนาของเขากระชากอาภรณ์ของหล่อนออกจากกาย
“เจ้าอยากเป็นเมียของข้ามากนักมิใช่รึ ถึงได้ทำเลวทรามได้ถึงเพียงนี้”
“ข้ามิได้ทำอันใดเลย”
“ผู้ร้ายปากแข็ง”
“มิใช่อย่างที่พี่คิดนะเจ้าคะ”
“จักดีดดิ้นทำไมกันเล่า ข้ากำลังจักตอบสนองให้เจ้าอยู่นี่ไง มิต้องทำท่าทีเหมือนมิอยากเยี่ยงนั้นดอก” แสนบีบปลายคางสวยของมณีจันทร์ จนหล่อนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
เรื่องราวของหล่อนกับแสนมันจักมิเป็นเยี่ยงนี้เลย หากปานวาดมิจมน้ำแลหายสาบสูญไป
ทุกคนคิดว่าปานวาดตายแล้ว ศพอาจลอยน้ำไปที่ไหนสักแห่ง และสาวใช้ของปานวาดบอกทุกคนว่าหล่อนผลักปานวาดตกน้ำ
ปานวาดกับแสนรักกัน กำลังจักแต่งงานกัน ได้หมั้นหมายกันเอาไว้ตั้งแต่เล็ก ในขณะที่หล่อนเป็นเพียงเพื่อนของปานวาดเท่านั้น หล่อนแอบรักแสนน่ะคือเรื่องจริง แต่หล่อนมิเคยคิดแย่งแสนมาจากปานวาดเลยแม้แต่น้อย
หล่อนเป็นบุตรสาวของเพื่อนรักบัวคลี่ มารดาของแสน บัวคลี่เห็นว่าหล่อนกำพร้าเลยนำมาชุบเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก ๆ เพราะนึกถึงบุญคุณที่มารดาของหล่อนเคยมีให้ท่านตั้งแต่ครั้งเก่าก่อน
หล่อนเจียมเนื้อเจียมตัวเสมอ มิเคยคิดอาจเอื้อมที่จักยกตัวเองขึ้นมาเป็นคนรักของแสน หล่อนมิรู้ว่าเหตุอันใด ปานวาดถึงได้ชวนหล่อนทะเลาะเรื่องแสนในวันนั้น อีกฝ่ายหาว่าหล่อนจะแย่งแสนไป แถมปานวาดยังหาเรื่องทะเลาะกับแสนด้วย นั่นทำให้แสนคิดว่าสาเหตุของปัญหาทุกอย่างมาจากหล่อน
ยิ่งผู้หญิงที่แสนรักจมน้ำหายสาบสูญไป จนใคร ๆ คิดว่าตายไปแล้ว จากคำยืนยันหนักแน่นของสาลี่สาวใช้คนสนิทของปานวาด ว่าหล่อนผลักปานวาดตกน้ำ ก็ยิ่งทำให้ทุกคนเกลียดชังหล่อนเข้าไปใหญ่ เข้าใจว่าหล่อนคิดร้ายกับปานวาดเพื่อจะแย่งแสนมาเป็นของตน
ในตอนนี้ หล่อนเป็นแค่เพียงนางบำเรอก้นครัวที่แสนรังเกียจเสียยิ่งกว่าอะไร
ร่างของแสนแนบชิดเข้าหา ปากเขาบอกว่าเกลียดหล่อนจับใจ แต่การกระทำในทุกค่ำคืนคือการเข้าหาย้ำยีหล่อนมิเว้นวาง ยิ่งในเรือนไร้ผู้ใหญ่คอยปกป้อง บิดามารดาของเขาได้เสียชีวิตไปสิ้นแล้ว เขาจึงมิต้องยำเกรงผู้ใดอีก หากมารดาของเขายังอยู่ หล่อนคงพอจะหาที่พึ่งพิงได้บ้าง
ร่างกายแข็งแกร่งบดเบียดเข้าหา กระแทกกระทั้นอย่างไร้ความปรานี เรือนร่างของหล่อนกระเด้งกระดอนไปตามแรงโยกของเขา
เตียงใหญ่ไหวโยกไปตามแรงรักที่เขากดแทรกเข้าหาระรัวด้วยจังหวะรักอันร้อนแรง เพียงมินานทุกอย่างก็แตกพร่า เขาเสร็จสมในขณะที่หล่อนถูกทิ้งเอาไว้อย่างเดียวดาย โดยเขามิคิดจักเหลียวแล
คนใจช้ำค่อย ๆ คลานไปเก็บอาภรณ์ที่ถูกถอดทิ้งเกลื่อนพื้น หล่อนเป็นได้แค่ตัวสำรองของปานวาด ถึงแม้ว่าแสนจะช่วงชิงความสาวของหล่อนไปแล้ว แต่ปานวาดก็ยังเป็นที่หนึ่งในใจของเขาเสมอมา ในขณะที่หล่อนเป็นได้แค่เพียงตัวสำรองเอาไว้แก้ขัดในยามที่เขามีอารมณ์ใคร่ พอสุขสมก็ตีจากเหมือนหล่อนเป็นกาฝากรักที่เขามิเคยคิดเหลือบแลต้องการ
มณีจันทร์ใช้ชีวิตในบ้านของแสนอย่างยากลำบาก นอกจากแสนที่เกลียดชังน้ำหน้าหล่อนแล้ว บ่าวไพร่ในเรือนาก็มิมีใครชอบหล่อนเลย คิดว่าหล่อนเป็นคนชั่วร้าย จิตใจต่ำช้าแลใจดำยิ่งกว่าอีกา
ด้วยคิดว่าหล่อนเป็นหญิงใจยักษ์ใจมารที่ฆ่าเพื่อนรักเพื่อต้องการแย่งคนรักของเพื่อน ทั้ง ๆ ที่ผู้ชายมิเคยเหลียวแลเลยทำให้หล่อนเป็นที่เกลียดชังของทุกคน
ในช่วงกลางวันหล่อนคือทาสรับใช้ในบ้านของแสนดี ๆ นี่เอง แต่ในช่วงกลางคืนหล่อนคือนางบำเรอที่เขาคอยตักตวงความสุขจากเรือนร่างของหล่อน
คนใจช้ำได้แต่ก้มหน้าก้มตารับกรรมที่ตนเองมิได้ก่อ
“วะ! ว้าย!” มณีจันทร์สะดุดหกล้มจนน้ำที่ตักมาจากท่าน้ำหกเรี่ยราดไปหมด
“อุ๊ยตาย! พวกบ่าวมิเห็นจริง ๆ เจ้าค่ะ ขอประทานโทษด้วยนะเจ้าคะ น้ำหกหมดเลย คงต้องไปตักใหม่เสียแล้วละเจ้าค่ะ” บ่าวในเรือนปกติก็มิได้ชื่นชอบหล่อนอยู่แล้ว อาจเพราะปานวาดซื้อตัวคนเก่ง ของฝากติดไม้ติดมือมิขาด บ่าวไพร่ในเรือนจึงเป็นคนของปานวาดทั้งหมด ปานวาดต้องการรู้ข่าวอันใด ก็จะมีบ่าวไพร่คอยรายงานมิขาด
หล่อนเองเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้มิกี่ปี แถมยังกำพร้าพลัดถิ่นมาอีก ตอนบัวคลี่มารดาของแสนยังอยู่ บ่าวไพร่ในเรือนก็ยังยำเกรงกันบ้าง พอท่านเสียชีวิต หล่อนก็เหมือนตัวคนเดียว ยิ่งแสนมาเกลียดชังหล่อนเช่นนี้ หล่อนก็เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีที่ไปเลยต้องทนให้เขาเหยียบย่ำยิ่งกว่าหมาจนตรอก
“พวกพี่แกล้งข้าทำไมกัน” มณีจันทร์เอ่ยถามอย่างน้อยใจ มิเข้าใจว่าทำไมบ่าวไพร่ในบ้านถึงได้รุมกลั่นแกล้งหล่อนถึงเพียงนี้
“นี่ยังมิรู้ตัวอีกรือเจ้าคะ คนใจร้ายเยี่ยงแม่หญิงโดนแค่นี้ยังน้อยไป”
“ข้าไปทำอันใดให้พวกพี่ต้องเจ็บแค้นกันเล่า”
“มิได้ทำพวกบ่าวหรอกเจ้าค่ะ แต่ทำให้คุณแสนต้องทุกข์ใจเสียใจเพราะแม่หญิงน่ะมันเป็นตัวกาลกิณี เป็นตัวเสนียด กลั่นแกล้งจนแม่หญิงปานวาดต้องจมน้ำตาย คิดว่าถ้าแม่หญิงปานวาดตายไป ตัวแม่หญิงเองจักได้นั่งชูคอเป็นเมียรือ อีโธ่เอ๊ย! เขามิเอาทำเมียหร๊อก อย่างดีก็แค่นางบำเรอก้นครัวที่เขาเกลียดเสียยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน”
“ข้ามิเคยทำร้ายแม่หญิงปานวาดเลยสักน้อย เชื่อกันบ้างเถิด แม่หญิงปานวาดตกน้ำลงไปเอง” มณีจันทร์พยายามอธิบายแต่ดูเหมือนว่าจะมิมีใครฟังนางเลยสักคนเดียว ทุกคนเบ้ปากแสดงสีหน้าดูถูกดูแคลนมิเชื่อถือ
“ใครจะไปเชื่อแม่หญิงเลว ๆ ที่อยากได้ผู้ชายของเพื่อนกันล่ะเจ้าคะ แม่หญิงปานวาดช่างดีแสนดี ลดตัวมาคบกับเด็กกำพร้าก็บุญหัวหนักหนาแล้ว บ้านรึก็ยากจน มิมีสมบัติติดตัวอันใดมาเลยแม้แต่สักชิ้นเดียว ยังมิเจียมกะลาหัว”