ตอนที่ 3
ดูท่าทางแม่ยายของผมชื่นชอบที่นี่มาก ผมเปิดท้ายรถให้พนักงานของรีสอร์ตเข้ามาช่วยยกกระเป๋าสัมภาระเข้าไปไว้ในห้องพัก
ผมกับแม่ยายเดินตามเข้ามา ห้องพักหรูหราสมกับที่พิมพ์บอกเอาไว้ แม้เป็นเรือนหลังเดียว แต่ก็มีสองห้องนอนติดกัน พื้นที่ตรงกลางเป็นห้องรับแขก ด้านหลังเป็นสระว่ายน้ำขนาดกำลังดี เหมาะสำหรับการพักผ่อนของครอบครับ
“น่าเสียดายที่ยัยพิมพ์มาไม่ได้… ไม่งั้นคงสนุกกว่านี้”
แม่ยายเอ่ยถึงลูกสาว
“ไม่เป็นไรครับแม่… มากับลูกเขยสองคนก็สนุกได้เหมือนกัน… หรืออาจจะสนุกกว่า”
ผมกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ เหลือบมองสบตาแม่ยาย หล่อนหลบสายตาวูบ แต่ผมก็มองเห็นประกายความเร่าร้อนบางอย่าง วูบไหววิววับอยู่เบื้องหลังแววตาของแม่ยาย ผมเข้าใจ… ผู้หญิงม่ายมักจะอ้างว้างว้าเหว่เป็นธรรมดา
ผมคงแซวแรงไปนิด ทำเอาแม่ยายนิ่งเงียบไม่กล้ามองตา ผมรีบวกกลับมาที่บทสนทนาก่อนหน้า พยายามสะกดเก็บอาการหื่นเอาไว้ ก่อนที่จะทำให้แม่ยายกลัว
“ไม่เป็นไรครับแม่เดือน… ถ้าชอบเดี๋ยวคราวหน้ารอให้พิมพ์ว่างผมพามาอีก… ”
หลังจากเอาสัมภาระเข้าห้อง เรานั่งดื่มน้ำเย็นอยู่ในห้องรับแขกครู่สั้นๆ จากนั้นก็พากันออกมาเที่ยว ตามเส้นทางที่ได้จากแผ่นพับโบรชัวร์แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ รีสอร์ต
ผมพาแม่ยายไปเที่ยวสะพานข้ามแม่น้ำแคว เรากินข้าวเที่ยงกันที่นั่น เสร็จแล้วก็พาแม่ยายเดินซื้อของฝาก แม่เดือนซื้อหมวกสานปีกกว้างมาหนึ่งใบ เป็นหมวกสานด้วยใบลาน มีริบบิ้นผ้าสีครีมผูกรอบและติดช่อกุหลาบสีชมพูหวาน
“สวยไหมจ๊ะอาร์ต”
แม่เดือนถาม
“หมวกสวยมากครับ… แต่คนใส่สวยกว่า”
ผมตอบเสียงหวาน ยกโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปให้แม่ยาย ก่อนจะพากันเดินทางต่อไปยังน้ำตกไทรโยคใหญ่และน้ำตกไทรน้อย กระทั่งเย็นก็พากันกลับมาที่รีสอร์ต
“ขอบใจมากนะจ๊ะอาร์ต… อุตส่าห์พาแม่เที่ยวทั้งวัน”
แม่ยายทรุดร่างลงนั่งบนโซฟาหนังสีดำ ตั้งอยู่กลางห้องรับแขก หันมาส่งยิ้มขอบใจ ผมเหลือบมองหน้าแม่เดือน ส่งยิ้มหวานให้… แล้วตอบว่า
“ไม่เหนื่อยหรอกครับ… พิมพ์อุตส่าห์ไว้ใจให้ผมพาแม่เดือนมาเที่ยวทั้งที ผมต้องดูแลแม่เดือนให้ดีที่สุดครับ… ยินดีให้บริการแม่เดือนทุกอย่างที่แม่ต้องการ”
ผมตอบอย่างเอาใจ แม่ยายยิ้มเขิน เอนหลังพิงหมอนอิงลายดอกไม้สีหวานที่วางอยู่บนโซฟา
“แล้วแม่เดือนล่ะครับ เหนื่อยไหมครับ”
ผมชวนคุย ในช่วงเวลาที่ต้องสร้างความคุ้นเคยกันใหม่ น่าแปลกที่การมาด้วยกันสองต่อสองในครั้งนี้ทำให้เราไว้ท่าทีต่อกัน
“ไม่เหนื่อยจ้ะ… แต่เจ็บข้อเท้านิดหน่อย”
แม่เดือนเอื้อมมือมาลูบเท้าตัวเองเบาๆ ทำให้ผมนึกถึงตอนที่แม่เดือนลื่นที่น้ำตก เกือบจะล้มอยู่แล้วเชียว โชคดีที่ผมปรี่เข้าประคองได้ทัน
“ผมช่วยนวดให้ไหมครับ… มีครีมนวดอยู่ในกระเป๋า ผมเอาติดมาด้วย”
ผมเหลือบมองแม่เดือน ได้ทีจึงรีบอาสา ปลายเท้าแม่เดือนดูขาวสะอาดสะอ้าน เล็บเท้าได้รับการตัดแต่งดูแลสมกับเป็นเจ้าของร้านเสริมสวย
“ดีเหมือนกัน… ขอบใจจ้ะ”
แม่เดือนพยักหน้า
“สักครู่นะครับ”
ผมเดินกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง คว้าครีมนวดแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ ผมมักจะพกครีมนวดติดตัวเสมอ ด้วยมักจะเกิดอาการปวดคอปวดบ่าบ่อยๆ เวลานั่งขับรถนานๆ
อึดใจสั้นๆ ต่อมา ผมเดินกลับเข้ามาในห้องรับแขก เห็นแม่ยายกำลังถอดเสื้อ เหลือเพียงซับในลายลูกไม้สีดำ ตัดกับผิวพรรณขาวผ่องสะดุดตา มือเรียวเอื้อมคว้าหมอนอิงมาวางรองหลัง เอนกายลงนอนบนโซฟาในท่าผ่อนคลาย
“เดี๋ยมผมทายานวดให้นะครับ”
ผมทรุดร่างลงนั่งปลายเตียง
“แม่แพ้ครีมนวดจ้ะ มันแสบผิวน่ะ… ใช้น้ำมันนวดดีกว่า แม่เอาน้ำมันหอมอโรมาติดมาด้วย”
แม่เดือนขยับกาย ผมตาวาวจ้องมองทรวงอกอวบใหญ่ เบียดกันอย่างน่าอึดอัดอยู่ในเสื้อซับในตัวบาง
แม่เดือนเป็นผู้หญิงที่มีทรวดทรงสะกดใจชาย โดยเฉพาะนมซึ่งใหญ่มาก ยิ่งได้เห็นใกล้ๆ ยิ่งทำให้ผมรู้ว่าของแม่ยายใหญ่กว่าของพิมพ์ผู้เป็นลูกสาวหลายเท่านัก
“ปู่ของอาร์ตเป็นคนสเปนใช่ไหมจ๊ะ… ”
แม่ยายชวนคุย อันที่จริงผมเคยบอกเรื่องนี้ แต่แม่ยายอาจจะลืม จึงถามอีกครั้ง หากท่าทางดูเหมือนแม่เดือนอยากชวนคุยมากกว่า สายตาหล่อนจับจ้องอยู่ที่เรือนร่างของผมเช่นกัน
“ใช่ครับ… ปู่ผมเป็นคนสเปน พ่อเลยได้เชื้อสเปนมาเต็มๆ”
ผมเล่าย้อนความไปถึงเรื่องครอบครัวอีกครั้ง เหมือนทบทวนเรื่องราวบางอย่างที่ตกหล่นไปบ้าง เอากลับมาเล่าให้แม่เดือนฟังอีกครั้ง หาเรื่องชวนคุยไปพลางในระหว่างที่ผมกำลังจะลงมือนวด
“เชื่อไหมว่าตอนเจออาร์ตครั้งแรก… แม่ตกใจมาก แบบว่าอาร์ตเป็นหนุ่มลูกครึ่งที่ตัวใหญ่มาก… ขณะที่ยัยพิมพ์ลูกสาวแม่ตัวเล็กนิดเดียว”