ตอนที่ 2
เมียผมคะยั้นคะยอ ผมนิ่ง… ลุ้น กระทั่งแม่ยายกล่าว
“เอางั้นก็ได้”
แม่ยายรับปากในที่สุด เพราะทนเสียงรบเร้าของลูกสาวไม่ไหว ช่างน่าแปลกที่ผมแอบดีใจอยู่เงียบๆ… ที่รู้ว่าจะได้ไปเที่ยวกับแม่ยายสองต่อสอง
วันรุ่งขึ้น
พิมพ์ขับรถออกไปทำงานตั้งแต่เช้า ผมตื่นสายเพราะเมื่อคืนดูบอลจนดึก พอลงมาจากห้องนอนที่อยู่ชั้นสอง ก็เห็นแม่ยายอยู่ในห้องครัว เดินออกมาทักทายผมในสภาพนุ่งผ้าถุงกระโจมอก
“วันนี้จะไปกี่โมงจ๊ะอาร์ต”
แม่ยายถาม ผมหันมามอง ยอมรับว่าสะดุดตากับรูปร่างของแม่ยายที่ยังสะสวยไม่สร่าง
ใครจะเชื่อว่าแม่เดือนอายุแตะสี่สิบแล้ว แต่ยังเต่งตึงไม่แพ้สาวๆ หนั่นเนื้อสองเต้าขาวราวกับหยวก ใหญ่มากจนแทบล้นออกมาจากขอบผ้าถุงกระโจมอก ตอนแกหันหลังก้มๆ เงยๆ อยู่ในครัว ผมเห็นผ้าถุงลายดอกเนื้อบางแนบเน้นสะโพกกลมกลึงจนแลเห็นกลีบก้นเป็นร่องรัดรึง เอวคอดโค้งรับกับทรวงอกอวบ ทำเอาผมหายใจติดๆ ขัดๆ มองแล้วต้องยกแก้วกาแฟขึ้นซดเสียงดังซ่วด ก่อนจะตอบว่า
“อีกครึ่งชั่วโมงค่อยเดินทางนะครับ ขอผมกินกาแฟสักแก้วนะครับ”
ผมตอบ สายตาจังไม่ละจากสะโพกของแม่ยาย
“ตามสบายจ้ะ… แม่จะอาบน้ำสักเดี๋ยว”
แม่ยายก้าวนวยนาดเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ชั้นล่าง ติดกับห้องครัว
อึดใจสั้นๆ ต่อมาก็ได้ยินเสียงสายน้ำจากฝักบัวโลหะสีเงินวาว พรมพร่างลงบนเรือนร่างเอิบอิ่มของแม่ยาย
ผมเดินเข้ามาในครัว ทรุดร่างลงนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ใกล้โต๊ะกินข้าว พลิกหนังสือพิมพ์อ่านไปมา
สายตาของผมกวาดอยู่กับแถวตัวอักษรบนหน้าหนังสือพิมพ์ก็จริง หากแต่ใจไม่กลับได้อยู่ตรงนี้ เพราะเอาแต่แอบนึกถึงเรือนร่างขาวผ่องของแม่ยายที่อยู่ในห้องน้ำ
ผมหลับตาจินตนาการถึงความเอิบอิ่มของนวลเนื้อสาวใหญ่ ซ่อนซุกอยู่ในร่มผ้า แม่ยายคงไม่รู้… หรือจะรู้ก็ไม่แน่ใจ ว่าผมแอบมองหล่อนมานาน อันที่จริงก็ตั้งแต่วันแรกที่ผมย่างกรายเข้ามาอยู่ร่วมบ้านหลังนี้ในฐานะลูกเขย
แม่เดือนอาบน้ำเสร็จแล้ว หล่อนเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพกระโจมอกด้วยผ้าถุง ผมหันมาพอดี ตาถลนมองสองเต้า ทะลักล้นขึ้นมาจากขอบผ้าถุงเพราะนมใหญ่มาก
ผมอุทานในใจ นั่งดื่มกาแฟต่อมาอีกครู่สั้นๆ รู้สึกปวดฉี่จึงเดินเข้ามาในห้องน้ำ เห็นเสื้อซับในลายลูกไม้ของแม่ยายและกางเกงใน ถอดพาดเอาไว้กับราวแขวนข้างผนัง
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมคว้ากางเกงในของแม่ยายมาสูดดม
“โอ้ว… ซี้ด… ”
ผมสูดกลิ่นจากรอยชื้นเป็นวงจางๆ กลางเป้า กลิ่นผู้หญิงของแม่เดือนหอมมาก ยิ่งสูดดมก็ยิ่งทำเอาแก่นกายของผมคัดแข็งขึ้นเป็นลำ
“อาร์ตจ๋า… แม่ฝากกระเป๋าไปใส่รถด้วยนะ”
เสียงแม่เดือนตะโกนมา ผมสะดุ้ง คลายมือที่กำลังลูบไล้ท่อนเอ็นของตัวเอง ขณะสูดดมกางเกงในของแม่เดือนไปพลาง
“ครับแม่… เดี๋ยวผมจัดการยกไปใส่รถให้ครับ”
ผมรีบตะโกนบอก แขวนกางเกงในของแม่ยายคืนไว้ตรงจุดเดิม ด้วยกลัวว่าแกจะรู้ว่าผมแอบทำบางอย่างน่าอายกับกางเกงในของหล่อน
‘บ้าฉิบ… โรคจิตหรือเปล่าวะเนี่ยตรู’
ผมนึกตำหนิการกระทำของตัวเองเมื่อครู่ รู้ว่าไม่ใช่โรคจิต หากเป็นเพียงแค่ความคิดแปลกๆ ที่วาบขึ้นมาในสมองหื่นๆ ของผม รู้แต่ว่าได้ทำแล้วรู้สึกตื่นเต้นก็เท่านั้น
ในเวลาต่อมา
ผมกับแม่ยายพากันมาถึงรีสอร์ตในตอนบ่าย พอขับรถเข้ามาถึงภายในอาณาบริเวณด้านใน ก็รู้ว่าสถานที่แห่งนี้สวยงามสมราคา ไม่ผิดหวังที่ได้รับการโหวดให้เป็นรีสอร์ตห้าดาว
หลังจากก้าวลงจากรถ เราพากันเดินมาถึงประตูทางเข้าด้านในรีสอร์ตซึ่งมีลักษณะเป็นซุ้มพฤกษาสีเขียวขจี เลื้อยพันขึ้นมาระหว่างเสาซุ้มประตูต้นใหญ่
“ดอกไม้สวยจัง… ”
แม่ยายผมทอดสายตามองประตูทางเข้า มีไม้เลื้อยแผ่พุ่มคลุมใบอยู่เหนือหลังคาที่มุงเอาไว้ด้วยปีกไม้ หากความหนาแน่นของดอกและใบก็ทำให้มองไม่เห็นหลังคาเดิมกันเลยทีเดียว มันถูกแทนที่ด้วยสีเขียวของใบและดอกสีน้ำเงินครามของต้นมอร์นิ่งกลอรี่ ผลิสะพรั่งท่ามกลางรีสอร์ตที่อุดมไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ
“ร่มรื่นมากครับแม่เดือน”
ผมกวาดสายตามองด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ รอบๆ มีทั้งต้นยาง ต้นปีบ หมาก และปาล์มขนาดใหญ่ อุดมสมบูรณ์ราวกับสวนป่ากลายๆ
“อากาศสดชื่นสุดๆ… ”
แม่เดือนกล่าว ในขณะที่แหงนใบหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ก็เห็นแต่สำแสงที่สาดลอดพุ่มไม้ลงมาลางๆ อีกทั้งต้นเฟิร์นป่าและเฟิร์นก้านดำที่ปลูกขนานไปกับแนวทางเดินแคบๆ เชื่อมต่อระหว่างห้องพักแต่ละหลัง ยิ่งทำให้รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันชื้นเย็น สงบสงัด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่พิสมัยการพักผ่อนในบรรยากาศอิงแอบไปกับธรรมชาติ
“แม่ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมยัยพิมพ์อยากให้แม่มาเห็นที่นี่นักหนา”