ตอนที่ 3 แมวน้อยน่าสงสาร
ตอนที่ 3 แมวน้อยน่าสงสาร
ธานินทร์จัดการเรื่องโรงเรียนที่ใหม่ของน้ำหนึ่งเสร็จอย่างรวดเร็ว เช้าวันนี้น้ำหนึ่งเริ่มไปโรงเรียนที่ใหม่วันแรก บ้านใหม่ โรงเรียนใหม่ คุณครูใหม่ เพื่อนๆที่โรงเรียนก็ใหม่ ชีวิตของเธอพลิกผัน สภาพแวดล้อมรอบตัวของน้ำหนึ่งใหม่ทั้งหมด ทำให้เธอรู้สึกเหงา และโดดเดี่ยวมาก น้ำหนึ่งยังคงต้องใช้เวลาปรับตัวอีกสักพัก และแน่นอนว่าวันนี้เวลานี้เธอยังคงปรับตัวกับสิ่งที่รู้สึกอยู่ตอนนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน
หลังเลิกเรียนน้ำหนึ่งลงจากรถรับส่งนักเรียน เธอกำลังเดินเข้าบ้านบังเอิญสายตาเหลือบไปเห็นลูกแมวตัวเล็กเดินอยู่ตัวเดียว เหมือนมีคนเอามันมาปล่อยทิ้งไว้ จะไม่สนใจก็เป็นห่วงมัน น่าจะโดนรถทับตายวันนี้แน่ น้ำหนึ่งจึงตัดสินใจอุ้มลูกแมวตัวนี้กลับเข้าไปในบ้านด้วย
"คุณหนู...แมวใครคะนั่น" เสียงพี่ชบาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงคล้ายกับว่ากลัวใครจะมาได้ยินเข้า
"หนึ่งเจอมันที่ถนนทางเข้าหน้าบ้านเราค่ะ มันน่าสงสารเหมือนหนึ่งเลย" ลูกแมวตัวเล็กไม่มีทั้งพ่อและแม่ เดินเคว้งคว้างอยู่ตัวเดียว
"สงสารยังไงก็เอามาเลี้ยงที่บ้านหลังนี้ไม่ได้นะคะ คุณนินไม่ให้เลี้ยงสัตว์ทุกชนิดค่ะ" น้ำหนึ่งมีสีหน้าเจื่อนไปทันทีอย่างเห็นได้ชัด
"แต่หนึ่งสงสารมัน นะคะป้าแก้ว นะคะพี่ชบา หนึ่งอยากเลี้ยงมันค่ะ" ป้าแก้วกับชบามองหน้ากัน...
"ถ้าอย่างนั้นคุณหนูลองไปขออนุญาตคุณนินก่อนดีกว่ามั้ยคะ" พี่ชบาแนะนำ แต่น้ำหนึ่งกลับไม่กล้า ที่จะเข้าไปขออนุญาต
"หนึ่งขอเลี้ยงมันแค่สามวันก็ได้" น้ำหนึ่งต่อรอง...ขอเก็บลูกแมวตัวนี้ไว้คุยเล่นแก้เหงาสักสามวันก็ยังดี
"คุณหนู...จะดีเหรอคะ"
"นะคะป้า นะคะพี่ชบา" น้ำหนึ่งอ้อน สีหน้าน่าสงสาร
"สามวันแน่นะคะ" เป็นเสียงของป้าแก้ว ทุกคนที่ได้เห็นใบหน้าของน้ำหนึ่งตอนนี้เป็นใครก็ต้องสงสารกันทั้งนั้น ความสุขเล็กๆน้อยๆของเด็กที่เพิ่งจะเสียคุณพ่อไป ทุกคนจึงยอมช่วยคุณหนูปกปิด
"แน่ค่ะ"
"เอาแมวตัวนี้ส่งมาให้พี่ชบาก่อนค่ะ ใกล้จะได้เวลาเข้าห้องฟิตเนสแล้วนะคะ" มาถึงยังไม่ทันไร น้ำหนึ่งก็ต้องเข้าห้องฟิตเนสไปออกกำลังกายตามคำสั่งที่คุณอาได้บอกเอาไว้
"คุณอากลับมาแล้วเหรอคะ" พี่ชบาพยักหน้าให้เป็นคำตอบ ส่วนน้ำหนึ่งกลับคิดในใจว่า...ทำไมกลับมาเร็วจัง!
"เข้าไปออกกำลังกายได้สักพักแล้วค่ะ คุณหนูรีบไปเปลี่ยนชุดเถอะค่ะ"
"หนึ่งฝากเจ้า...เจ้า...เจ้าข้าวกล้องด้วยนะคะ" น้ำหนึ่งตั้งชื่อให้ลูกแมวตัวที่อุ้มอยู่ ก่อนที่จะส่งให้พี่ชบาเอาไปช่วยดูแลให้
"รีบไปค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงแมว" น้ำหนึ่งเดินคอตกขึ้นชั้นบนไปเปลี่ยนชุด เพื่อที่จะไปออกกำลังกายตามคำสั่งของคุณอา
"ป้าจ๊ะ...เจ้าลูกแมวตัวนี้กับคุณหนูหนึ่งจะรอดมั้ยจ๊ะ" ชบาหันไปถามป้าแก้ว
"ข้าก็ไม่รู้ เอาไปเลี้ยงหลังบ้านเลย ห้ามให้เสียงร้องของมันดังเข้าหูคุณนินเด็ดขาด" ชบารีบหาอาหารให้ลูกแมวกินให้อิ่ม อิ่มแล้วจะได้ไม่ส่งเสียงร้อง
@ห้องฟิตเนส
"ให้ไว...เลยเวลาไปห้านาทีแล้ว" เสียงเข้มๆของคุณอาพูดขึ้นทันทีที่น้ำหนึ่งเดินเข้าไปในห้องฟิตเนส ซึ่งตอนนี้คุณอาหนุ่มกำลังยกดัมเบลโชว์กล้ามอยู่ ณ ตอนนี้ เขาสวมเสื้อกล้ามเนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ
"ทำไมต้องบังคับด้วย" น้ำหนึ่งบ่นมุบมิบเบาๆได้ยินคนเดียว
"อยากเล่นเครื่องไหนตามสบายเลยนะ" เครื่องออกกำลังกายในห้องนี้มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย แต่ละเครื่องราคาคงไม่เบาอย่างแน่นอน แต่สำหรับน้ำหนึ่งเธอไม่ได้สนใจเลยสักนิด ที่บ้านของเธอก็มีเยอะแยะแบบนี้ คุณพ่อของเธอชอบออกกำลังกายเป็นประจำเหมือนคุณอาเลย เครื่องเล่นแต่ละชนิดเธอพอได้สัมผัสมันมาบ้าง วิธีเล่นเธอก็พอรู้มาบ้างแต่ไม่ได้ถึงกับเชี่ยวชาญหรอก แค่เคยนั่งดูคุณพ่อเล่น
"ไม่เห็นจะอยากเล่นเครื่องไหนสักอัน เฮ่อ..." ถอนหายใจดังเฮือกแล้วเดินไปที่ลู่วิ่งตัวใหญ่...น่าจะเบาแรงที่สุด เธอคิดเอาเอง
"ก่อนขึ้นเครื่องวอร์มร่างกายก่อนสักห้านาที" เสียงของคุณอาดังเข้าหู น้ำหนึ่งเคยถูกเลี้ยงมาแบบตามใจมาตลอดเริ่มรู้สึกอึดอัดและเบื่อ แต่เธอก็ยอมวอร์มร่างกายตามที่คุณอาบอก โดยไม่ได้หันหน้าไปมองเขาเลยสักนิด
"ขึ้นได้แล้ว" เสียงของคุณอาดังเข้าหูอีกครั้ง เธอเลือกเดินสบายๆ อยู่นานสองนาน จนคุณอาหนุ่มที่กำลังยกดัมเบลอยู่ส่ายหน้าเบาๆแล้วพูดขึ้นว่า...
"ปรับความเร็วอีกหน่อย" น้ำหนึ่งได้ยินดังนั้นก็ยอมปรับให้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป คิดในใจว่าเมื่อไหร่จะหมดเวลาสักที
"หลังตรง สายตามองไปข้างหน้า" เสียงของคุณอาที่ดังอยู่ข้างหลังทำให้น้ำหนึ่งหน้าบึ้งตึงในแบบเซ็งๆ
หลังจากออกกำลังกายเสร็จ น้ำหนึ่งก็รีบวิ่งขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้วลงมานั่งเล่นกับเจ้าข้าวกล้องที่ฝากให้พี่ชบาดูไว้ให้
"ข้าวกล้อง...แกปลอบใจฉันหน่อยสิ ไปเรียนก็เหนื่อยจะแย่ กลับมายังต้องมาออกกำลังกายอีก คอยดูเถอะเย็นนี้ฉันจะกินข้าวสามจานเลยคอยดู" น้ำหนึ่งนั่งลูบศีรษะข้าวกล้องพลางพูดกับมันไปเรื่อยๆคล้ายกับอยากหาเพื่อนคุย
"พี่ชบาเอาอะไรให้แกกินเนี่ย อิ่มแล้วหลับสบายเลยนะ" ในขณะที่น้ำหนึ่งกำลังนั่งคุยกับเจ้าข้าวกล้องไปเรื่อยๆเสียงพี่ชบาก็ดังขึ้น คล้ายกับส่งสัญญาณ
"คุณหนู...คุณนินมาแล้วค่ะ"
"มาเร็วจังยังไม่ถึงเวลามื้อเย็นเลย"
"ถ้าเขาเสร็จเร็วเขาจะมาก่อนเวลาค่ะ กินอิ่มแล้วป้าแก้วกับพี่จะได้พักผ่อนเร็ว แต่จะไม่มาช้ากว่าเวลาที่ตั้งไว้ค่ะ" สิ่งที่ธานินทร์ทำมันคือการเห็นอกเห็นใจ ถ้าเจ้านายอิ่มเร็ว คนงานในบ้านที่มีหน้าที่เก็บล้างก็จะได้พักผ่อนได้เร็ว ถ้าทิ้งจานชามไว้เก็บล้างตอนเช้า ในบ้านอาจจะมีสัตว์เข้ามาเช่น มด หนู แมลงสาบ ซึ่งธานินทร์ไม่ชอบเอามากๆ ลูกน้องในบ้านจึงต้องดูแลเรื่องความสะอาดในเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด
"ไปทำอะไรในครัวมา" น้ำหนึ่งเดินออกมาจากประตูห้องครัวพอดี คำถามของคุณอาทำเอาทุกๆคนที่รู้เห็นเป็นใจหลบหน้าหลบตากันเป็นแถว
"เปล่าค่ะ" น้ำหนึ่งก้มหน้าตอบ
"นั่งลงสิ"
"ค่ะ" อาหารค่อยๆถูกยกทยอยเอาเข้ามาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ พร้อมกับตักข้าวสวยร้อนๆใส่จานให้ทั้งสองคนคุณอากับคุณหลาน ในขณะที่นั่งรับประทานอาหารกันไป คุณอาหนุ่มก็เริ่มชวนหลานสาวคุย
"วันนี้ไปโรงเรียนวันแรกเป็นยังไงบ้าง โอเคมั้ย"
"ไม่ค่อยโอเค...เท่าไหร่ค่ะ" ประโยคหลังน้ำเสียงแผ่วเบามากๆ เสียงที่เปล่งออกมาแทบจะถูกกลืนหายลงคอไป
"ค่อยๆปรับตัวไปก็แล้วกัน อาโอนเงินเข้าบัตรของโรงเรียนให้แล้วนะ ถ้าไม่พอก็มาขอเพิ่มได้ ส่วนเงินสดอาจะให้ต่างหาก" ทางโรงเรียนเวลาซื้อของจะใช้บัตรรูดเอา ส่วนเงินสดเอาไว้ใช้ด้านนอกโรงเรียน เผื่ออยากจะกินน้ำกินขนมหน้าโรงเรียนจะได้มีซื้อ
"ขอบคุณค่ะ" น้ำหนึ่งยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณคุณอา จากนั้นเธอก็นั่งทานข้าวต่อเงียบๆ ถามคำตอบคำ
ปกติแล้วน้ำหนึ่งเป็นเด็กพูดเก่ง คุยเก่ง ร่าเริง แจ่มใส แต่ตอนนี้เธอแค่ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆก็เท่านั้น