1) แมวหน้าดุในคืนพระจันทร์เต็มดวง
เสียงสะอื้นแผ่วเบาในยามดึกดังคลอกับเสียงใบไม้ที่ถูกลมพัดให้ไหวเอนจนฟังดูน่าเศร้ากว่าเดิม แต่กลับไม่ได้ดังมากพอให้ใครๆที่ต่างหลับใหลยามนี้ตื่นขึ้นมารับรู้ได้ มีเพียงเจ้าของเสียงเท่านั้นที่ยังคงนั่งกอดเข่าและปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย
ท้องฟ้าที่มืดมิดกลับส่งให้แสงจากดวงจันทร์ดวงเดียวส่องสว่างยิ่งกว่าตอนที่มีดาวเป็นไหนๆ แต่เวลานี้เจ้าขาไม่ได้มีอารมณ์มาชื่นชมความสวยงามจากอะไรทั้งนั้น เพราะน้ำตาเม็ดโตที่ไหลลงอาบแก้มเนียนกำลังบ่งบอกว่าเจ้าตัวอยู่ในอารมณ์ที่หม่นหมองมากขนาดไหน
ความเดียวดายที่ต้องต่อสู้กับทุกอย่างตามลำพัง ความสำเร็จที่ไขว่คว้ามาได้แต่กลับไม่มีใครร่วมยินดีสักครั้ง ความพยายามที่เจ้าขาใช้ในการทำทุกอย่างตามที่ตั้งเป้าหมาย กลับได้แค่คำว่าให้พยายามขึ้นอีกจากคนในครอบครัวที่แสนเพอร์เฟคของเธอ
ครอบครัวที่เก่งรอบด้านทั้งพ่อแม่ และพี่สาวพี่ชายที่ต่างประสบความสำเร็จในชีวิตจนไม่มีเวลามาชื่นชมความสำเร็จของเจ้าขาสักครั้ง เจ้าขาทำได้ดีนั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าเจ้าขาทำพลาดนั่นคือสิ่งที่ครอบครัวยอมรับไม่ได้
สุดท้ายเจ้าขาเลยไม่รู้ว่าตัวเองต้องเก่งแค่ไหน ต้องพยายามอีกเท่าไหร่ถึงจะพอ ความสำเร็จที่คนอื่นๆกลับพากันชื่นชมกลับเป็นแค่เรื่องธรรมดาสำหรับครอบครัวของเธอ ความภูมิใจหดหายไปเรื่อยๆทั้งที่ทำได้ดีทุกๆอย่าง
และทุกๆครั้งที่เจอปัญหาก็ต้องมานั่งร้องไห้กอดตัวเองแบบนี้ เจ้าขาไม่กล้าเอาปัญหาน้อยนิดไปปรึกษากับครอบครัวที่ยุ่งตลอดเวลาขนาดนั้น เพราะสุดท้าย คนที่รู้ว่าเจ้าขาเหนื่อยแค่ไหน ก็มีแค่ตัวเจ้าขาเอง ต่อสู้กับความคิดด้านลบที่บั่นทอนพลังใจตัวเอง พยายามชมตัวเองทุกวันว่าเก่งแค่ไหน รักตัวเองให้มากพอที่จะมีเหตุผลในการใช้ชีวิต
แต่กลับปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าที่จริงแล้ว เจ้าขาก็แค่อยากได้ความรัก อยากเป็นที่รักของใครสักคนโดยไม่ต้องมีเงื่อนไข ไม่ต้องพยายามเพื่อจะได้เพียงความว่างเปล่ากลับมา
มือขาวยกขึ้นปาดน้ำตาอีกครั้งเมื่อยังห้ามให้มันหยุดไหลไม่ได้ เจ้าขาก็อดทนเก่งมาตลอด แต่แค่วันนี้มันหนัก หนักเกินกว่าจะทนหลับตาลงได้ เจ้าขาเป็นแค่เด็กฝึกงานไม่ใช่พนักงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์สูง
การถูกต่อว่าเมื่อทำผิดย่อมเข้าใจได้ แต่การถูกต่อว่าทั้งที่ยังไม่สอนงานเจ้าขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าแค่ไม่รู้เจ้าขาจะกลายเป็นคนโง่ให้รุ่นพี่ในแผนกแดกดันราวทำผิดใหญ่หลวงได้
“ที่นี่เป็นการทำงานจริง ไม่ใช่มหาลัยที่เธอจะผิดแล้วกลับไปแก้ได้ ถ้าไม่พร้อมก็กลับไปเรียนให้รู้จริงๆค่อยมาฝึกงาน อย่าเอาตัวเองมาเป็นภาระให้คนอื่นที่เค้าไม่ได้มีเวลานั่งยิ้มเหมือนเธอ”
คำพูดกับสายตาดูแคลนจากหัวหน้าแผนกอย่างพี่ปัน หรือ ปัณณดา มันวนเวียนอยู่ในหัวจนตอนนี้เจ้าขายังสลัดมันทิ้งไปไม่ได้เลย เจ้าขาคงไม่ใส่ใจถ้านี่เป็นครั้งแรกแล้วเจ้าขาทำพลาดจริง แต่มันเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ได้นับตั้งแต่เข้ามาฝึกงานได้หนึ่งเดือนแล้ว
เจ้าขาอดทนกับความไม่เป็นมิตรจากทั้งหัวหน้าและรุ่นพี่ร่วมแผนกหลายๆคนที่เจ้าขาก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้ไม่ชอบ เจ้าขายิ้มและคุยกับทุกคนแต่กลับโดนแซะว่าไม่ตั้งใจทำงานตลอดเวลา พออยากรู้อะไรแล้วไปถามก็จะโดนดุใส่ว่ารบกวนไม่ว่างสอน สุดท้ายพอต้องทำอะไรเองแล้วไม่ถูกแม้เรื่องเล็กน้อยก็ถูกต่อว่าใหญ่โตราวเรื่องคอขาดบาดตาย
เจ้าขาไม่รู้ว่าต้องใช้ความอดทนเท่าไหนถึงจะพอ เจ้าขาทนทุกอย่างตลอดเวลาจนเหนื่อยสะสม แล้ววันนี้มันก็ระเบิดเป็นน้ำตาออกมาแบบนี้ ไม่ได้จะยอมแพ้แล้วหายไป แต่เจ้าขาก็อยากพักอยากมีพื้นที่ให้สบายใจบ้างก็แค่นั้น เพียงแค่ตอนนี้ ไม่ว่าพื้นที่ไหนก็ไม่มีไว้เพื่อเจ้าขาเลย
“เมี๊ยว…”
เสียงที่แว่วมากับลมเพียงเบาๆเรียกสายตาให้เจ้าขาที่กอดเข่าซบหน้าเงยขึ้นมาแล้วหันมองรอบๆตัวอย่างแปลกใจ ก่อนจะหันไปเจอกับแมวที่นั่งอยู่บนระเบียงห้องอีกฝั่งที่กำลังมองมาที่เจ้าขาและส่งเสียงออกมาอีกครั้งเมื่อเจ้าขาสบตากับมัน
“เมี๊ยว…”