บทย่อ
สามปีก่อนหน้านี้ "ถ้าเลิกตีรันฟันแทงกันไม่ได้เราสองคนก็เลิกกันเถอะ" ปกป้องหันมามองต้นทางของเสียงในขณะที่มือกำหมัดแน่นจนแขนสั่นเทิ้ม "เลือกมาแล้วกัน ว่าป้องจะเอายังไง ระหว่างนินกับไปหาเรื่องชกต่อยกับคนอื่น" ญาณินปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มแดงก่ำ นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริง ๆ ที่เธอจะขอร้องเขาขณะที่ปกป้องยังปิดปากเงียบกริบ "หยุดนะ ถ้าป้องเดินออกไปแม้แต่ก้าวเดียว เราสองคนเลิกกัน" "ขอโทษนะ.." ปกป้องหันหลังเดินออกมาจากห้องพักทันทีโดยไม่หันกลับไปมองคนรักอีก ญาณินทรุดนั่งลงกับพื้นร้องไห้โฮด้วยความเสียใจที่ไม่อาจรั้งแฟนหนุ่มให้อยู่กับตัวเองได้ "นายมันเห็นแก่ตัว..ไอ้คนเลว!" ปัจจุบัน "ไอ้เชี่ย..แป๊บ ๆ ขึ้นดอย แป๊บ ๆ ลงดอย มึงไปสร้างบ้านอยู่บนดอนเถอะเชื่อกู" ธันวาขมวดคิ้วว่าให้เพื่อนรักขณะที่ตัวเองยืนพิงประตูรถยนต์สูบบุหรี่อยส่งสบายเฉิบ ปกป้องกลอกตาไปมาแล้วสะพายกระเป๋าสัมภาระที่เตรียมมาจากบ้านขึ้นหลัง "บ่นกูจัง" "ไม่ใช่แค่กูที่บ่น เพื่อนแม่งทุกคนอะบ่นมึงด้วย" "เข้าใจกูหน่อยดิ ก็ชวนแล้วไม่ไปกันเองหนิ" "โห..นี่ตอนไปออกค่ายอาสายังไม่กันดานพอเหรอวะ นี่บนดอยมีไฟไหม?" "ไม่" "ก็นั่นน่ะสิ แล้วยังจะพาพวกกูไปลำบากอีก แต่บนดอยไม่มีญาณินนะโว้ย.." "ก็ถ้ามีมันก็ดีสิ ถ้าบนดอยมีเธอกูจะไม่ลงมาเลย" "ถุย! พอตอนนี้ปากดี แล้วตอนนั้นไมไม่พูดแบบนี้บ้างวะ นี่ก็เลิกกันมาไม่รู้กี่ปีละ ยัง…ไม่ลืมเขาอีก มึงนี่มันสุดยอดจริง ๆ ว่ะเพื่อน"
บทนำ
สามปีก่อนหน้านี้
"ถ้าเลิกตีรันฟันแทงกันไม่ได้เราสองคนก็เลิกกันเถอะ"
ปกป้องหันมามองต้นทางของเสียงในขณะที่มือกำหมัดแน่นจนแขนสั่นเทิ้ม
"เลือกมาแล้วกัน ว่าป้องจะเอายังไง ระหว่าง นิน กับไปหาเรื่องชกต่อยกับคนอื่น" ญาณินปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มแดงก่ำ นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริง ๆ ที่เธอจะขอร้องเขาขณะที่ปกป้องยังปิดปากเงียบกริบ "หยุดนะ ถ้าป้องเดินออกไปแม้แต่ก้าวเดียว เราสองคนเลิกกัน"
"ขอโทษนะ.." ปกป้องหันหลังเดินออกมาจากห้องพักทันทีโดยไม่หันกลับไปมองคนรักอีก ญาณินทรุดนั่งลงกับพื้นร้องไห้โฮด้วยความเสียใจที่ไม่อาจรั้งแฟนหนุ่มให้อยู่กับตัวเองได้
"นายมันเห็นแก่ตัว.. ไอ้คนเลว!"
ปัจจุบัน
"ไอ้เชี่ย.. แป๊บ ๆ ขึ้นดอย แป๊บ ๆ ลงดอย มึงไปสร้างบ้านอยู่บนดอนเถอะเชื่อกู" ธันวาขมวดคิ้วว่าให้เพื่อนรักขณะที่ตัวเองยืนพิงประตูรถยนต์สูบบุหรี่อย่างสบายเฉิบ ปกป้องกลอกตาไปมาแล้วสะพายกระเป๋าสัมภาระที่เตรียมมาจากบ้านขึ้นหลัง
"บ่นกูจัง"
"ไม่ใช่แค่กูที่บ่น เพื่อนแม่งทุกคนอะบ่นมึงด้วย"
"เข้าใจกูหน่อยดิ ก็ชวนแล้วไม่ไปกันเองหนิ"
"โห.. นี่ตอนไปออกค่ายอาสายังไม่กันดารพอเหรอวะ นี่บนดอยมีไฟไหม?"
"ไม่"
"ก็นั่นน่ะสิ แล้วยังจะพาพวกกูไปลำบากอีก แต่บนดอยไม่มีญาณินนะโว้ย.."
"ก็ถ้ามีมันก็ดีสิ ถ้าบนดอยมีเธอกูจะไม่ลงมาเลย"
"ถุย! พอตอนนี้ปากดี แล้วตอนนั้นทำไมไม่พูดแบบนี้บ้างวะ นี่ก็เลิกกันมาไม่รู้กี่ปีละ ยัง… ไม่ลืมเขาอีก มึงนี่มันสุดยอดจริง ๆ ว่ะเพื่อน"
"นี่มึงตั้งใจมาซ้ำเติมกูหรือตั้งใจมาส่งกู?"
"เออ.. ขอโทษละกัน งั้นแยกกันตรงนี้นะ อีกสองอาทิตย์เจอกัน"
"อืม ขับรถดี ๆ"
"ครับท่าน อยากได้อะไรก็ส่งจดหมายมานะ ชาติหน้าเดียวกูส่งของที่อยากได้ไปให้"
"ไอ้เวร.." ปกป้องส่ายหน้าอย่างยิ้ม ๆ แล้วโบกมือให้เพื่อนรัก มือหนากระชับสายเป้สัมภาระแล้วเดินลัดเลาะตามเส้นทางเรียบแนวเขาเพื่อไปขึ้นรถกับชาวบ้านที่จะขึ้นดอยอีกที
"อ้าว... สวัสดีครับคุณปกป้อง"
"สวัสดีครับผู้ใหญ่"
"ไม่ได้เจอกันตั้งหลายสัปดาห์เลยนะครับ แล้วนี่มาคนเดียวอีกแล้ว?" ปกป้องหันไปมองทางด้านหลังก่อนจะยิ้มให้พ่อผู้ใหญ่บ้าน
"ก็ตามนั้นแหละครับ มาคนเดียวเหมือนเดิม"
"เมื่อไหร่จะพาแฟนมาขึ้นดอยบ้างเนี่ย"
"ฮึฮึ.. คงอีกหลายปีครับ" ปกป้องตอบอย่างยิ้มแย้ม แล้วเอาเป้สัมภาระไปใส่ท้ายรถกระบะที่จะใช้เป็นพาหนะขึ้นไปยังหมู่บ้านที่อยู่บนเขา ซึ่งหนทางที่จะไปมันไม่ได้ราบรื่นสักเท่าไหร่ รถยนต์จึงถูกดัดแปลงมาเพื่อใช้งานในด้านนี้โดยเฉพาะ เมื่อถึงเวลาผู้ใหญ่บ้านก็พาปกป้องขับรถออกมาจากจุดนั้น
"เออครูป้องครับ"
"ครับ"
"ผมกับลูกบ้านเนี่ยช่วยกันออกความคิดเห็น และลงมติกันว่าจะเปิดรับสมัครครูอาสาอีกครั้งครับ พอดีช่วงนี้ครูอาสาที่ทางการส่งมาก็ขาดแคลนมาก ไม่ค่อยมีคนอยากมาเท่าไหร่"
"ดีเลยครับ ช่วงนี้ก็ใกล้สอบกันแล้วด้วย"
"ใช่ครับ ๆ พวกผมเลยให้ทางการเดินเรื่องให้ แล้วก็เอาใบปลิวไปแปะตามเสาไฟฟ้าในตัวเมือง แล้วก็โพสต์ลงโซเชียลด้วย" พ่อผู้ใหญ่บ้านขำอย่างขบขันเมื่อนึกถึงภาพใบปลิวที่ติดตามเสาไฟในเมือง "ผมหวังว่าจะมีคนเดินมาเห็น ไม่ก็มีคนในโซเชียลเห็นบ้างนะครับ สงสารเด็ก ๆ มัน"
ปกป้องก็ขอให้เป็นแบบนั้น หมู่บ้านที่ผู้ใหญ่อยู่ไม่ค่อยมีความเจริญเข้าถึง ทุกวันนี้เด็ก ๆ และคนในหมู่บ้านยังต้องเดินลงเขาเพื่อเข้าไปทำธุระในเมืองอยู่เลย แถมไฟฟ้าก็เข้าไม่ถึงอีก จำได้ว่าเขาเคยของบกับทางการไปแล้ว แต่ก็หายเงียบเพราะค่าใช้จ่ายในการนำไฟฟ้าเข้าหมู่บ้านต้องใช้เงินจำนวนมากเลยทีเดียว
"ว่าแต่ว่าเพื่อนครูป้องไม่มาด้วยเหรอครับ คุณดิน คุณโชน คุณปินแล้วก็คุณธันวา อ้อ! คุณขุนเขาด้วย" ปกป้องยิ้มให้ผู้ใหญ่
"พวกนั้นไม่ว่างมาหรอกครับผู้ใหญ่ เดี๋ยวนี้ทำงานกันหมดแล้ว อีกอย่างปรินเพื่อนผมก็ไม่อยากให้มันมาหรอกเพราะขาไม่ค่อยดี"
"อ๋อ.. หวังว่าสักวันจะเห็นทั้งหกคนอยู่รวมกันอีกนะครับ พวกคุณปกป้องนี่น่ารักกันทุกคนเลย"
"ครับ น่ารักแล้วก็น่าถีบในเวลาเดียวกัน" ผู้ใหญ่กับปกป้องหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่เขาจะเปิดกระจกรถแล้วยื่นหน้าออกไปรับลมในช่วงสายของวัน การเดินทางที่แสนเดียวดายกลับพาให้เขามาพบกับความสุขที่หาที่เมืองกรุงไม่ได้
หลายชั่วโมงที่รถกระบะของผู้ใหญ่ถูกใช้งานอย่างหนัก เพราะวันนี้ต้องขนเสบียงและสัมภาระอีกหลายอย่างขึ้นหมู่บ้านด้วย
"ผู้ใหญ่ครับ แล้วครูอาสาคนก่อนทำไมเขาไม่กลับมาแล้ว"
"อ๋อ ครูมายเหรอครับ"
"ใช่ครับ"
"เห็นว่าทะเลาะกับครอบครัวน่ะครับ ครอบครัวไม่เข้าใจที่ลูกมาทนลำบากอยู่ที่นี่ เลยไม่ให้ลูกสาวมาอีก"
"อ๋อ.. เฮ้อ~ อย่างว่านะครับ ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกมาลำบากหรอก(พ่อแม่ผมก็เหมือนกัน..)" ปกป้องพูดในใจแล้วเปิดโทรศัพท์ถ่ายรูปเก็บไว้ เพราะเลยจุดนี้ไปสัญญาณก็ไม่มีแล้ว เขาต้องรีบรายงานเพื่อนรักและรายงานพ่อแม่ก่อนที่โทรศัพท์มือถือเครื่องหลายหมื่นบาทมันจะมีหน้าที่แค่เปิดเพลงและถ่ายรูปแค่นั้น พอแบตหมดก็เป็นแค่ซากเครื่องมือสื่อสารที่ไร้ประโยชน์
ณ คาเฟ่แห่งหนึ่ง
"สั่งอะไรหน่อยไหม นั่งทำหน้าหงอยมาจะครึ่งชั่วโมงแล้วนะนิน" ญาณินกลอกตาไปมาแล้วชี้ไปที่เมนูน้ำหวานของทางร้านอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก
"รู้สึกเบื่อ ๆ น่ะ พักนี้รู้สึกว่าใช้ชีวิตแบบสะเปะสะปะมาก ไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์เลย"
"ถามจริง?" เพื่อนสนิททำหน้ามึนงงกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ในนาทีต่อมาญาณินก็ยิ้มหน้าบานราวกับคนไร้สติ ผิดกับเมื่อครู่ที่ทำหน้าหงอยมาก
"เราไปทำประโยชน์ให้คนอื่นดีไหม"
"แบบไหน"
"ก็… ไม่รู้อะ" เธอถอนหายใจยาว ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่น เลื่อนหน้าจอไปเรื่อย ๆ จนเจอกับโพสต์หนึ่ง "อ้อม! แกดูนี่ดิ" เธอกวักมือเรียกเพื่อนให้มาดูโพสต์ในโทรศัพท์
"เอาจริงดิ"
"น่าสนนะ เราก็เรียนจบแล้ว พอมีความรู้อยู่บ้าง.. ฉันว่าเป็นครูอาสาก็ไม่น่าเสียหายอะไร"
"แต่แกจะลากฉันไปลำบากไม่ได้นะยัยนิน"
"ไม่อยากไปเหรอ" ญาณินทำหน้าเศร้า "ไม่ไปเป็นเพื่อนกันหน่อยเหรอ" เธอเขย่าแขนเพื่อนสาวเร่า ๆ เป็นการอ้อนวอนเพื่อน
"ไม่ต้องมาอ้อนเลย"
"นะ.. นะเพื่อนคนสวย นะอ้อมนะ ๆ"
"โอ๊ย! อย่ามาส่งสายตาแบบนั้นให้ฉันนะ"
"นะอ้อมนะ~"
"ไม่! ไป!" เพื่อนสาวปฏิเสธเสียงแข็ง
หลายวันต่อมา
"ที่รักมาถ่ายรูปกันหน่อย" ญาณินเดินเข้าไปหาอ้อมที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ศาลารอรถประจำทางที่นัดหมายกับรถที่พาขึ้นดอยไว้
"สุดท้ายแล้ว.." อ้อมถอนหายใจยาว ๆ แล้วคลี่ยิ้มหวานถ่ายรูปกับเพื่อนรัก
"ส่งให้แม่ดูแล้วนะ จะได้ไม่ต้องห่วง"
"จ้ะ.. แล้วนี่รถจะมาตอนไหนเนี่ย ใครไปบ้าง"
"อีกยี่สิบนาที"
"แล้วไปกันกี่คนเหรอ"
"สอง"
"ผับผ่า! สองคน แกกับฉันเหรอ"
"ใช่จ้ะ"
"ยัยนิน!" ญาณินยิ้มหวานจนตาหยีแล้วเดินเข้าไปกอดเพื่อนไว้ "ไม่ต้องมาอ้อน" อ้อมผลักตัวญาณินออก
"เอาน่า… เดี๋ยวนินจะดูแลอ้อมเองนะ"
"ให้ตายสิ" อ้อมยกมือขึ้นมากุมขมับแล้วหันไปมองรถตู้ที่กำลังแล่นมาทางนี้ "นั่นรถมาแล้วใช่ไหม"
"ใช่ ๆ"
"เฮ้อ~ เห็นแบบนี้แล้วก็นึกถึงสมัยก่อนนะ"
"…" ญาณินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มหวาน
"พอนึกถึงเรื่องราวในสมัยก่อนนี่เงียบเหมือนไก่ป่วยเลยนะ" อ้อมเบ้ปากใส่เพื่อนอย่างนึกหมั่นไส้
"ความทรงจำที่สลัดออกจากหัวไม่ได้สิ"
"แล้วถ้าแกสามารถย้อนเวลากลับไปในอดีตได้ แกจะทำยังไงกับปกป้องเหรอ"
"ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะรั้งความสัมพันธ์เราไว้.."