ว่าที่ลูกสะใภ้ Ep.10
Ep.10
"พี่ราม...เมื่อไหร่พี่จะให้หนูกลับสักที หนูมีเรียนนะ!" ฉันนั่งโวยวายพี่รามที่เดินไปเดินมาเพราะว่ายุ่งอยู่กับการแต่งตัวของตัวเอง เขาไม่ยอมให้ฉันออกจากห้องเลยค่ะ แล้วดูสิ...เขาแต่งตัวเตรียมไปเรียนเรียบร้อยแต่ฉันยังอยู่ในชุดนอนของเขา
"เธอมีเรียนตอนสิบเอ็ดโมง พี่ก็สิบเอ็ดโมง นี่พึ่งแปดโมงกว่าเอง..." พี่รามพูดพร้อมๆ กับเตรียมหนังสือใส่กระเป๋าแล้วเดินไปหยิบโน๊ตบุ๊ค ย่ะ! ฉันมีเรียนสิบเอ็ดโมง แล้วยังไงล่ะ ฉันจำเป็นจะต้องมานั่งอยู่อย่างนี้ไหม ที่สำคัญ...มือถือฉันดังเป็นร้อยรอบแล้วแต่เขาไม่ให้ฉันรับสายเลย เขาไม่รำคาญแต่ฉันรำคาญเสียงโทรศัพท์ตัวเองมาก!
"เสื้อผ้าหนูอยู่ไหน? หนูจะใส่กลับคอนโด"
"ทิ้งไปแล้ว หาชุดพี่ใส่ไปก่อน.." ห๊า!! ฉันนั่งนิ่งมองพี่รามที่เดินไปเดินมาอย่างอึ้งๆ กล้าทิ้งชุดฉันเนี่ยนะ!
"มันจะมากเกินไปแล้วนะพี่ราม! พี่มีสิทธิ์อะไรมาทิ้งเสื้อผ้าหนู?" ฉันโวยวายอย่างอารมณ์เสีย ดูพี่รามจะวุ่นๆ กับการหาอุปกรณ์การเรียนเลยไม่ค่อยสนใจฉันเท่าไหร่ แต่ชุดฉัน!...ให้ตายพูดไม่ออกเลยจริงๆ
พี่รามเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า เหมือนเขาจะแหวกหาอะไรสักอย่าง ไม่นานเขาก็หยิบชุดกีฬาออกมาแล้วเดินมายื่นให้ฉัน
"ใส่เร็วๆ รีบกลับคอนโดไม่ใช่เหรอ?" มือหนายื่นชุดกีฬามาให้ฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง อะไรของเขา เหมือนจะรีบไปไหนเลย
ฉันคว้าชุดกีฬาที่พี่รามยื่นมาให้อย่างอารมณ์เสียนิดๆ แอบมองตาขวางใส่เขาแล้วเดินตึงๆ มาเข้าห้องน้ำ จะบอกว่าฉันกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์มาได้สักพักละ ที่จริงก็เป็นตั้งแต่หลังเจอเรื่องแย่ๆ คืนนั้นนั่นแหละค่ะ ก็ดูจากหน้าแล้วก็มุมปากพี่รามเอานะคะ แอบเป็นแผลแล้วก็รอยแดงช้ำด้วย คือพี่รามเป็นผู้ชายที่ผิวบอบบางอ่ะค่ะ โดนอะไรนิดหน่อยก็ช้ำแล้ว
แกร็ก
ฉันเดินสะบัดผมออกมาหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ฉันยอมรับว่าเล่นตัวนะคะ ฉันพึ่งได้มาเรียนรู้ว่าการเป็นผู้หญิงที่มีค่าไม่ควรยอมใครง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง กับพี่รามก็เหมือนกัน ฉันจะไม่ยอมเป็นพิงค์ที่ใสซื่อว่านอนสอนง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้าเขาจะเปลี่ยนใจอยากไปคบคนอื่นฉันก็จะไม่สน มะ..ไม่สน ก็ไม่สนไง! แต่ฉันจะหยิ่งอย่างที่พูดได้ไหมคงต้องดูการกระทำเขาไปเรื่อยๆ
"เออเจอกันหน้าตึกคณะก็ได้...อย่าลืมโน๊ตบุ๊คมึงล่ะ...เดี๋ยวกูคุยกับพ่อก่อนยังไงได้ไปแน่ๆ มึงบอกพวกไอวินให้เตรียมตัวเถอะ...เออๆ แค่นี้แหละ"
ฉันออกมาก็เห็นพี่รามยืนคุยโทรศัพท์ ฟังจากประโยคที่คุยแล้วน่าจะเป็นเพื่อน ว่าแต่...เตรียมตัวอะไรแล้วจะไปไหนกัน?
"ลงไปข้างล่างกันเถอะ กระเป๋าเธออยู่นี่..." ฉันมองพี่รามที่หอบเป้และกระเป๋าโน๊ตบุ๊คพะรุงพะรังแล้วยังจะมาถือกระเป๋าแอร์เมสให้ฉันอีก แต่ก็ดีเหมือนกัน ฉันในชุดกีฬากับกระเป๋าราคาแพงใบนั้นมันดูขัดกันชอบกล คนหน้าตาไฮโซลุคคุณชายอย่างพี่รามถือก็เหมาะแล้ว
พี่รามพาฉันลงมาจากห้องแล้วพาเลี้ยวมาอีกทางที่ไม่ใช่ประตูทางออก ฉันก็มัวแต่มองรอบๆ เลยไม่ได้ถามเขาค่ะว่าจะพาไปไหน ฉันก็เคยมาที่นี่นะคะ แต่ก็อยู่แต่ในห้องของเขา ก็ตอนที่เรามีอะไรกันสองครั้งก็มาที่ห้องพี่รามนี่แหละค่ะ แต่ตอนนั้นฉันยังเด็กเกินไปพี่รามเลยไม่กล้าพาฉันมาแนะนำกับพ่อแม่ของเขาเพราะเดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่
"ขอโทษนะครับที่มาช้า..." ฉันละสายตาจากสิ่งรอบข้างไปมองข้างหน้าแทนเพราะได้ยินพี่รามพูดกับใครบางคน แต่แล้วบุคคลที่สองสามสี่ก็ทำเอาฉันแทบช็อคไปเลยค่ะ ก็จะอะไรอีกล่ะคะ! พ่อกับแม่พี่รามนั่งมองมาทางฉันแล้วทำหน้าประหลาดใจ แต่ไอลักษณ์กลับกินข้าวหน้าตาเฉยเหมือนรู้อยู่แล้ว
"พะ..พี่ราม!" ฉันทำตัวไม่ถูกเลยต้องเรียกชื่อพี่รามไว้ก่อนค่ะ จะให้เรียกไอลักษณ์มันก็คงไม่ช่วย และตอนนี้พ่อกับแม่พี่รามก็ยังมองค้างมาที่ฉันสีหน้าพวกท่านกำลังถามว่าฉันเป็นใคร ว่าแต่ขอนอกเรื่องแป๊บได้ไหมคะ คือ...พ่อพี่รามยังดูหนุ่มแถมยังหน้าตาดีสะอาดสะอ้านผิวพรรณดูอ่อนละมุนเหมือนพี่รามกับไอลักษณ์เลย ส่วนแม่พี่รามก็ยังสาวยังสวยผิวพรรณก็ขาวนวลเนียนคืองดงามไม่มีที่ติ ว่าแล้วทำไมพี่รามกับไอลักษณ์ถึงได้หน้าตาดีขนาดนี้แถมสองคนพี่น้องยังมีผิวที่ขาวเนียนนุ่มดูบอบบางเพราะได้พ่อกับแม่มานี่เอง
"รามลูก...ลูกพาใครมา?" แม่พี่รามพูดกับลูกชายเพราะมากค่ะ สีหน้าท่านดูงงๆ แล้วยิ้มแห้งๆ มองหน้าลูกชาย พี่รามหันมามองหน้าฉันแล้วหันกลับไปมองแม่เขา
"ว่าที่ลูกสะใภ้คนโตแม่ไง..."
"!!!!" ฉันเบิกตาโตมองพี่รามแล้วเอามือไปหยิกหลังเขา นี่เขาจะบ้ารึไง! แนะนำฉันไปแบบนั้นถามฉันรึยังห๊ะ!! แล้วผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะมานอนค้างคืนบ้านผู้ชายกันล่ะ ฉันจะถูกมองเป็นคนยังไงคนหน้ามึนอย่างพี่รามคงไม่เข้าใจ
"อืม งั้นก็มานั่งกินข้าวสิลูก แกก็มานั่งได้แล้วมัวยืนทำอะไร..." พ่อพี่รามเหมือนจะอึ้งไปแต่ก็พยักหน้ายอมรับแล้วเรียกฉันไปกินข้าวด้วย น้ำเสียงท่านไม่ได้ดุพี่รามนะคะ คือทั้งพ่อและแม่พี่รามพูดจานุ่มนวลมาก ไม่เสียงดังใส่กันเลยค่ะ นี่แหละที่เขาเรียกว่ามารยาทผู้ดีของแท้ ฉันพึ่งเจอผู้ดีที่เป็นผู้ดีจริงๆ ก็วันนี้แหละค่ะ
"มานั่งสิ..." พี่รามเอื้อมมือมาสะกิดแขนฉันแล้วเดินนำไปนั่งที่โต๊ะ ฉันได้นั่งข้างไอลักษณ์ค่ะ ส่วนพี่รามนั่งข้างคุณแม่เขาอีกฝั่ง ส่วนคุณพ่อพี่รามนั่งหัวโต๊ะ พอฉันกับพี่รามนั่งลงเรียบร้อยก็มีแม่บ้านเข้ามาตักข้าวให้ฉันสองคน ฉันก็ได้แต่ก้มหัวขอบคุณแม่บ้านไปเพราะทำตัวไม่ถูก คือตอนนี้เกร็งจนตะคริวจะกินแล้วค่ะ
"พิงค์ๆ" ไอลักษณ์หันมากระซิบเรียกฉันค่ะ ซึ่งฉันก็ได้แต่เลิกคิ้วเป็นเชิงถามมันว่ามีอะไร แล้วมันก็เอาช้อนกลางควานหาอะไรสักอย่างที่อยู่ในถ้วยต้มไก่ ไม่นานมันก็หาเจอแล้วเอามาใส่ในจานข้าวฉันค่ะ
"ในฐานะที่มึงเป็นว่าที่พี่สะใภ้กู.." ประโยคนี้มันพูดน้ำเสียงปกติค่ะ ทุกคนบนโต๊ะได้ยินหมด ฉันก้มลงไปมองบางอย่างที่ไอลักษณ์มันตักใส่จาน ปรากฏว่ามันคือข่าค่ะ ข่าเนี่ยนะ! หนอยยย...ไอบ้านี่มันวอนมือซะแล้ว
"ไอลักษณ์!"
"ฮ่าๆๆๆ กินผักจะได้แข็งแรงไง ตัวมึงเท่าลูกหมาโดนพี่กูจับนิดเดียวก็หักแล้ว" แล้วมันก็หัวเราะสะใจโดยไม่สนผู้หลักผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ เอาจริงๆ นะคะ ถ้าฉันไม่เกรงใจพ่อกับแม่มันฉันฟาดหัวกบาลมันไปแล้วค่ะ ตอนนี้ก็เลยได้แต่ทำหน้ายักษ์ใส่มันไปเพื่อรักษาความเป็นกุลสตรี
"ทำไมพูดกับแฟนพี่ไม่เพราะเลยล่ะลักษณ์!" คุณป้าเอื้อมมือมาตีไอลักษณ์ไม่แรงมากนักพร้อมกับดุลูกชายอย่างนิ่มนวล น่าจะตีมันให้แรงกว่านี้นะคะ มีแม่ใจดีแบบนี้นี่เองมันถึงได้กล้าทะเล้นแบบนี้
"โห่ยแม่...ไอพิงค์มันเพื่อนผมตั้งแต่สมัยมอต้น เรียนมหาลัยตอนนี้ก็ยังอยู่ห้องเดียวกัน ผมสนิทกับมันจะตาย..." มันทำหน้างอแงอธิบายให้คุณป้าฟังค่ะ แต่มึงถามกูก่อนไหมว่าอยากสนิทกับมึงรึเปล่า กัดกันอย่างกับหมาตลอด เรียกศัตรูยังจะเข้าท่ากว่าอีก แต่ฉันก็ไม่ได้เถียงอะไรออกไปหรอกค่ะ ได้แต่พยักหน้าเบาๆ ให้คุณป้าไปแล้วยิ้มแห้งๆ ให้ ก่อนจะมองไปหาพี่รามเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ช่วยอะไรเลย
"ตายจริง! หน้าไปโดนอะไรมาลูก ทำไมปากเป็นแผลแบบนี้ห๊ะราม?"
ตายจริง!! ฉันลืมไปเลยว่าหน้าพี่รามช้ำเพราะโดนฉันตบ ดูแม่เขาจะเจ็บปวดเมื่อเห็นพี่รามมีแผลถึงได้ค่อยๆ จับหน้าพี่รามแบบนั้น ถ้าพ่อพี่รามรู้ว่าฉันทำร้ายร่างกายลูกชายเขาฉันจะต้องติดคุกแน่ๆ ไม่ๆๆ! อย่าเกร็งพิงค์อย่าเกร็ง พี่รามไม่บอกคุณป้าหรอกว่าฉันเป็นคนทำ
"ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เล่นกันกับพวกไอวิน" พี่รามยิ้มแล้วจับมือคุณป้าออกจากใบหน้า
ฟู่ววว!...ว่าแล้วพี่รามต้องไม่พูด เพราะฉะนั้นฉันต้องเลิกร้อนตัวได้แล้ว
ฉันค่อยๆ ช้อนตาขึ้นไปมองพี่รามที่นั่งยกยิ้มมุมปากเหมือนจะพอใจที่เห็นฉันนั่งเกร็งอยู่แบบนี้ คือ...เขารู้ว่าฉันทำตัวไม่ถูกเพราะอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของเขา และฉันก็เหมือนจะว่านอนสอนง่ายเพราะต้องยิ้มแห้งๆ ก้มหน้ารับทุกอย่างที่สองพี่น้องยัดเยียดมา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทที่ฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าไปสนิทกับมันตอนไหน ไหนจะตำแหน่งว่าที่ลูกสะใภ้คนโตอีก คือสี่ต่อหนึ่งฉันย่อมเถียงอะไรไปไม่ได้อยู่แล้ว รอออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ พี่รามได้แผลที่หน้าเพิ่มแน่!