บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 เขาคือใคร (2)

“เป็นอะไรยัยค้าง มองหาอะไร” จินถามพลางชะเง้อคอมองตามฉันบ้าง

“สงสัยเหมือนกันวันนี้แกทำตัวแปลกๆ”

“เปล่า ไม่มีอะไร”

ฉันปฏิเสธทั้งที่รู้แก่ใจว่าตัวเองเป็นอะไร เอาจริงก็ไม่ได้อยากจะหนีผู้ชายคนนั้นหรอกแต่ฉันกลัวว่าเขาจะขู่เอาเงินแล้วทำให้เสียหน้า เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วค่อยปลีกตัวไปโทรหาเขาอีกทีก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าเขาอยู่ใกล้ๆ นี้ จ้องจะจัดการฉันได้ตลอดเวลา

“แล้วเรื่องวันนั้นเป็นไง เจ้าของรถโทรมายัง”

ยัยจินจับจุดอ่อนฉันได้อีกแล้ว เหมือนมันแอบอ่านใจฉันอยู่เลย แต่ก็ไม่แปลกหรอกที่มันจะสงสัยเพราะมันอยู่ในเหตุการณ์แล้วยังมาเห็นฉันทำตัวหวาดระแวงอยู่ด้วย

“อืม”

“แกว่ายังไง” ระรินถามบ้าง

“เขาจะเอาเงินจากฉันสองหมื่น” ฉันบอกพวกมันไปด้วยสายตาหมดหวังก่อนจะเม้มริมฝีปากตัวเองพูดต่อ “แต่ฉันไม่มีจะให้ ก็เลย หลบเขาอยู่”

“หา!”

“สองหมื่นเลยเหรอ”

ฉันพยักหน้าเป็นคำตอบ แค่ลองนับหลักตัวเลขในใจก็เหนื่อยและท้อเต็มทน ชีวิตนี้เคยจับก็แค่เงินหลักพันที่พอจะหามาเองได้ ค่าเทอมก็รับจากทุนการศึกษาทั้งนั้น สองหมื่นบ้าบออะไร จะเอาที่ไหนมาให้กัน

“แกก็เลยระแวงว่าเขาจะมาตามตัวนะเหรอ”

“อือ”

“เขาไม่เก่งขนาดนั้นหรอกมั้ง อย่างเก่งก็ไปตามหาที่บ้าน” ระรินออกความเห็น

“เขาโทรนัดให้เจอเช้านี้ที่คณะ แต่ฉันไม่รับสายเพราะกลัวเขาจะขู่เรื่องเงิน”

เอาเข้าจริงๆ ฉันก็รู้สึกผิดที่ไม่ยอมไปตามนัด เพราะบางที แต่ว่าเขาอาจจะไม่ได้ใจร้ายอย่างที่คิดก็ได้ ขอผ่อนผันอีกสักหน่อย อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่านี้ ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลัง โดนจ้องทำร้ายอยู่เลย

“ถ้านัดให้มาเจอคณะแปลว่าเขาต้องเป็นคนที่อยู่ในมหาลัยเราน่ะสิ” จินขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิด

“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

“เพราะแบบนี้ไงฉันถึงระแวง”

“แล้วพอแกไม่ตอบไม่รับสายเขาว่ายังไงบ้าง”

“ส่งข้อความมาขู่ นี่ไง”

ฉันหยิบเอาโทรศัพท์มาเปิดข้อความที่เพิ่งได้รับจากอีกฝ่ายส่งไปให้เพื่อนทั้งสองคนดูพวกมันทำตาโต ก่อนจะพึมพำ เหมือนไม่อยากจะเชื่อ

“แจ้งความดีไหม แบบนี้ดูอันตรายนะ น่ากลัวมาก ถ้าเกิดเขา ไม่พอใจแล้วดักทำร้ายแกจะทำยังไง” ยัยจีนออกความเห็น

“ไม่หรอก ฉันว่าจะติดต่อเขาไป เพราะว่ายังไงฉันก็เป็นฝ่ายผิดที่ทำให้เขาเสียหายแบบนั้น”

“แล้วแกจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเขาล่ะน้ำค้าง” ระรินถาม สีหน้าของพวกมันดูกังวลคงเพราะว่าเป็นห่วงฉันนั้นแหละ

“ว่าจะขอผ่อน แต่ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า เพราะเท่าที่คุยกัน ครั้งนั้นเขาดูเป็นคนไม่ค่อยยอมใครเท่าไร”

“แล้วแกจะพอใช้หรอ งานก็ได้ทำแค่สามวันเอง หรือจะขอเจ้าของร้านเขา เพิ่มวันทำงานให้ เพราะแกจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ”

“อืม คิดว่าอย่างนั้น”

ตอนนี้มันก็มีอยู่แค่ทางเลือกเดียวเท่านั้นนั่นคือฉันต้องไปขอผู้จัดการร้านที่ทำงานอยู่ตอนนี้ เพิ่มวันทำงานให้ฉันเต็มทั้งอาทิตย์ เพราะปกติจะทำแค่อาทิตย์ละสามถึงสี่วันเท่านั้น

หลังจากทานข้าวกับพวกมันเสร็จ ฉันก็ปลีกตัวออกมาแล้วกลับหอ ทำใจอยู่นาน ว่าจะโทรหาผู้ชายคนนั้นแล้วเริ่มพูดจาก ตรงไหนดี เพราะเมื่อเช้าฉันดันนี่แหละผิดนัดกับเขา ทำใจไว้แล้วว่าเขาจะต้องไม่พอใจแน่ๆ เหมือนกับที่ส่งข้อความมาข่มขู่ อารมณ์ของเขาตอนนั้น คงเดือดเป็นน้ำร้อนเลย

(…)

รอสายเพียง ไม่กี่วินาที คนปลายสายก็กดรับแต่กลับไม่พูดอะไรเลย จนฉันต้อง เลื่อนมือถือ มาดูอีกรอบ ว่ามีอะไรผิดพลาดอยู่หรือเปล่า แต่ก็เห็นว่าเขากดรับและมีเวลาขึ้นบนหน้าจอจริงๆ

“สวัสดีค่ะ”

(เมื่อเช้าเธอหนีนัดทำไม)

“ไม่ได้หนี ฉันแค่มีเรียน เลยไม่ทันไปตามนัด”

(...)

ผู้ชายคนนั้น หัวเราะในลำคอเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ฉันพูด น่าแปลก ที่ฉันคิดว่าเขาจะโวยวายมากกว่านี้แต่เขากลับเงียบ จนฉันเดาไม่ถูกว่าตอนนี้เขากำลังคิดยังไงอยู่

“ฉันไม่สะดวก จะนัดเจอ เราเพิ่มเพื่อนกันได้ไหม ส่วนเรื่องเงินฉันบอกคุณแล้วว่า ถ้าให้จ่าย ทั้งสองหมื่นทีเดียวฉันไม่มีปัญญาแน่ จะขอผ่อนเอาแล้วกัน”

(งั้นก็หามาจ่าย แล้วฉันจะคืนบัตรให้)

“ค่ะ คุณเพิ่มเพื่อนมาหน่อย เบอร์นี้”

(อืม)

ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะ แต่ก็โชคดีแล้วที่ไม่ได้เจอหน้ากันเพราะไม่รู้ว่าถ้าเผชิญหน้าเขาจะเป็นอย่างตอนนี้หรือเปล่า หรือบางทีเขาอาจจะเหนื่อยใจที่ต้องมาทวงเงินกับฉัน เท่าที่ดูเขาคงรวยมากไม่อย่างนั้นคงไม่ขับรถบิ๊กไบก์ราคาแพงๆ แบบนั้นแน่

หลังจากวางสายด้วยความรู้สึกโล่งใจ ฉันก็กระโดดลงเตียงนอนเอาเรี่ยวแรง เพราะคืนนี้ต้องไปทำงานที่ร้าน กว่าจะได้นอนก็คงตีหนึ่งตีสองอย่างทุกที แล้วเย็นนี้รุ่นพี่ก็ยังนัดไปคุยเรื่องชมรมอีก

ครืด~

F เพิ่มคุณเป็นเพื่อนแล้ว

-----------------

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel