บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 คู่กรณี (2)

JIN JIN : รอบนี้ไปบ้านเด็กกำพร้า ฉันแอบถามพี่รหัสมาแล้ว

ระริน ไม่ใช่ ละลิน : ไปค่า ไม่พลาด

ระริน ไม่ใช่ ละลิน : รักเด็ก อยากเลี้ยงเด็ก

JIN JIN : เด็กแบบไหนคะ

ระริน ไม่ใช่ ละลิน : เด็กทุกแบบค่ะ เด็กโตยิ่งดี

JIN JIN : พักเรื่องผู้ชายก่อนนะคะมุง วันก่อนเมาหยั่งหมา

ฉันแอบขำกับข้อความที่พวกนั้นคุยกันในกลุ่มแชทของพวกเราสามคน เพราะตอนนี้มือยังไม่ว่างจะตอบเลยได้แต่อ่านข้อความที่พวกมันคุยเล่นกัน

JIN JIN : ไปไหมน้ำค้าง อ่านไม่ตอบ

ระริน ไม่ใช่ ละลิน : ไม่ใช่แชทผู้ชาย เพื่อนดองก่อนค่ะ!

NAMKHANG : (ทำขนมช่วยยายอยู่จ้า สาวๆ อ่านแล้ว รับรู้แล้ว โอเคนะ)

ฉันใช้นิ้วที่ยังไม่เปื้อนน้ำตาลจิ้มลงไปบนหน้าจอมือถือรุ่นเก่าๆ ของตัวเองแล้วกดส่งข้อความเสียง ลำพังมันก็จะพังมิพังอยู่แล้วเลยต้องจิ้มเบาๆ หลายทีเพราะยังไม่มีเงินจะซื้อหรอก เครื่องนี้ยายซื้อให้ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่มอสี่แล้ว

JIN JIN : อยากไปช่วย อยากไปเที่ยวบ้านน้ำค้างคนสวยจังเลยค่ะ

ระริน ไม่ใช่ ละลิน : เห็นแก่กิน เรื่องช่วยอย่ามาพูด

ฉันหัวเราะกับข้อความของพวกมันที่เถียงกันไปมา พลางทำไส้ขนมให้ยายไปด้วย ทำไส้แค่อย่างเดียวแต่ยายเอาไปทำขนมได้หลากหลายเลย ถ้าเป็นตลาดนัดตอนเช้าในช่วงวันหยุดรับรองว่าขายหมดทุกครั้งไม่เคยเหลือกลับบ้าน

“ทำเสร็จแล้วเก็บให้ยายด้วยนะเดี๋ยวมดขึ้น แล้วก็มาเก็บใบตองให้ยายหน่อย”

“ค่า~”

ฉันขานรับแล้วทำงานของตัวเองให้เสร็จตามที่ยายสั่ง ช่วยยายเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว พอสามทุ่มก็เข้าห้องนอน แต่ยังไม่ได้นอนหรอกเพราะอยู่ๆ ก็มีสายโทรเข้าจากใครบางคนโทรเข้ามาขัดจังหวะก่อนที่หัวจะถึงหมอนด้วยซ้ำ

(...)

“...ฮัลโหล ใครคะ”

ฉันกดรับสายแล้วรอให้อีกฝ่ายพูดแต่ปลายสายกลับเงียบกริบจนต้องเอ่ยทักไปแทน ฉันเกือบจะกดวางสายเมื่ออีกฝ่ายยังคงเงียบ แต่อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้น เสียงเข้มนั้นทำให้ฉันต้องขมวดคิ้วเพราะเท่าที่จำได้ฉันไม่เคยให้เบอร์ตัวเองกับคนที่ไม่รู้จัก

(เธอ...)

“คะ คุณเป็นใคร”

(เจ้าของรถที่เธอต้องรับผิดชอบ)

พอได้ยินคำตอบฉันแทบอยากกดวางสายใจจะขาด แต่จิตใต้สำนึกที่มันมีความเป็นคนดีอยู่นั้นห้ามเอาไว้ อีกอย่างเขามีข้อมูลของฉันทั้งหมดแถมยังยึดบัตรนักศึกษาของฉันไปอีก

จริงอยู่ว่ามันสามารถไปขอทำใหม่ได้แต่วันนั้นฉันพูดไปแล้วว่าถ้าตัวเองไม่รับผิดชอบให้ตามมาจากที่อยู่นั้นได้เลย ซึ่งข้อมูลบนบัตรนั้นมันก็เป็นข้อมูลจริงทุกอย่าง เผลอๆ จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย โดยเฉพาะยาย

“คะ...คุณ เจ้าของรถวันนั้น”

(อืม)

“หนูต้องชดใช้ให้เท่าไหร่คะ แต่บอกก่อนว่าหนูยังเรียนอยู่ ถ้ามันมากมายหนูคงไม่มีปัญญาจ่าย ถ้าสองสามพันไหวอยู่”

(สองสามพัน?)

น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาจากปลายสายมันบ่งบอกอารมณ์ได้หลายอย่าง ทั้งตกใจ ทึ่ง หรืออาจกำลังโมโหอยู่ด้วย วินาทีนั้นฉันรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้มันคงไม่จบง่ายๆ แน่ ทั้งๆ ที่เกือบจะลืมไปแล้วเพราะเขาไม่ติดต่อมาเลยตั้งสามวัน

“ค่ะ ตอนนี้หนูมีเงินแค่นี้ บ้านหนูจน”

(เธอทำคนอื่นเดือนร้อนแล้วจะปัดความรับผิดชอบเหรอ)

“ไม่ใช่ไม่รับผิดชอบ แต่หนูบอกว่ามีแค่นี้ ถ้ามากกว่านี้จ่ายไม่ไหว”

จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อฉันไม่มีจริงๆ ไม่อยากบอกเรื่องนี้กับยายด้วยเพราะฉันไม่อยากให้ยายต้องคิดมากและมาลำบากเพราะตัวเอง แค่เรื่องน้าอิฐก็น่าปวดหัวพอแล้ว

(ฉันไม่ได้อยากฟังปัญหาชีวิตใคร แต่เธอต้องมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เธอทำให้รถฉันพัง)

“คุณก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ รถก็แค่ถลอกไม่ใช่เหรอ” ฉันเดาว่าอย่างนั้นเพราะวันนั้นเขาพุ่งไปหาโพรงหญ้าเท่านั้นเอง

(หึ เธอรู้ไหมว่ารถมันราคาเท่าไหร่ ค่าซ่อมห้าหมื่นฉันจะเก็บกับเธอแค่สองหมื่น เธอต้องหามาจ่ายไม่อย่างนั้นเธอเดือดร้อนแน่)

“สองหมื่น เลยเหรอ...”

(อืม วันจันทร์ตอนเช้าฉันจะไปหาเธอที่คณะ หาเงินมารับผิดชอบด้วย)

“...”

(ถ้าเธอตุกติก บอกเลยว่าเธอไม่รอด)

“อย่ามาข่มขู่นะ บอกก่อนว่าหนูไม่มีให้คุณหรอก ถ้าจะให้จ่ายก็ต้องรอ หนูต้องทำงานพาร์ทไทม์มาจ่ายให้”

(บอกพ่อแม่เธอดิวะ อย่ามาโกหกว่าไม่มี หรือไม่ได้ ฉันเป็นคนเสียหายให้ธอจ่ายไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ)

“หนูไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีเงินสองหมื่นที่คุณอยากได้ อีกอย่างค่าซ่อมมันเท่าไหร่หนูยังไม่ได้เห็นเลย คุณมาหลอกเอาเงินหรือเปล่า”

(กูมาเจอกับคนแบบไหนวะเนี่ย) เขาสบถแล้วบ่นกับใครสักคนที่อยู่ด้วยกันนั้นก่อนจะกรอกเสียงผ่านปลายสายเข้ามาต่อว่า (วันจันทร์มาเจอกันหน่อย จะเอายังไงค่อยว่า แต่ฉัน ต้อง ได้ เงิน!)

ฉันกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอเมื่อเขาย้ำคำพูดนั้นแล้วก็ตัดสายไป คำพูดของเขาแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ขู่แน่ๆ ถึงแม้ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่ฉันสัมผัสได้ถึงความมีอำนาจบางอย่าง

--------------

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel