ตอนที่ 5
มิรินเดินย่างกรายเข้ามาในห้องเรียน เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบค่อย ๆ หมุน มิรินทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทันที
"โอ๊ย เจ็บชะมัด!"
มิรินสบถขึ้นด้วยความเจ็บปวด เมื่อเธอเผลอทิ้งน้ำหนัก แรงเกินไป
มิรินซุกใบหน้าเข้าหาโต๊ะทันที ก่อนจะเผลอหลับไปในที่สุด ทว่าเธอกลับรู้สึกถึงการถูกจ้องมอง ดวงตาสีนิลค่อย ๆ ปรับโฟกัส ก่อนจะเห็นเด็กรุ่นน้องปีสองที่ตามวอแวเธอหลายอาทิตย์ก่อน จ้องมองเธอโดยใบหน้าห่างกันแค่คืบ
" นี่ นาย!" มิรินสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
"ผมเห็นว่าพี่หลับอยู่เลยไม่อยากรบกวน เลยเอาเสื้อคลุมมาให้"
มิรินก้มมองเสื้อแจ็กเกตยีนส์ตัวโคร่งที่คลุมร่างของเธอแทบมิด
"ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง"
มิรินเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสดใสก่อนจะส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม “เอ่อ! ขอโทษนะครับ” เปเปอร์ค่อย ๆ หยิบเจลลดไข้ออกมาจากกระเป๋าและติดลงบนหน้าผากของเธอ
"พอดีตอนเดินสวนกันพี่ตัวร้อนมาก ผมเลยแวะซื้อเจลลดไข้มาแปะไว้น่ะครับ"
มิรินส่งยิ้มให้รุ่นน้อง ก่อนจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะอีกครั้งและผล็อยหลับไปในที่สุด
เจเลอร์ที่ยืนมองอยู่จึงกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะนึกถึงคำพูดของมาร์ติน เมื่อตอนที่มาร์ตินนั้นจะสารภาพรักกับมิริน แต่กลับได้ยินประโยคที่เธอเอ่ยกับเฌอเบลล์เสียก่อน จึงเลือกที่เก็บมันไว้ในใจต่อไป และไม่บอกความในใจออกไป
เป็นเวลากว่าชั่วโมงที่มิรินหลับไป ก่อนจะมีเสียงเพื่อน ๆ ดังรบกวน ทำให้เธอรู้ว่าถึงเวลาเรียนแล้ว
นานะ เดินเข้ามาหามิรินด้วยท่าทีเป็นห่วง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ยัยริน แกเอาเสื้อคลุมใครมาใส่อะ แกเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวแล้วเหรอ"
นานะก้มสูดดมเสื้อ กลิ่นน้ำหอมผู้ชายราคาแพงตลบอบอวลไปทั่วบริเวณเสื้อ
"ยัยริน นี่มันน้ำหอมผู้ชายหนิ"
นานะเอ่ยขึ้นก่อนที่เพื่อน ๆ จะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"นี่มิรินที่รีบวิ่งออกมา เพราะนัดใครไว้ที่นี่รึเปล่า"
เฌอเบลล์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหนทำให้มิรินรู้สึกไม่โอเคกับคำพูดของเธอ
"นี่! ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นนะ อยากจะคิดอยากพูดอะไรก็เชิญ"
มิรินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ก่อนที่มาร์ตินจะเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอีกครั้ง และแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
"เสื้อใคร"
"เห้อ! จะรู้กันให้ได้เลยใช่ไหม"
มิรินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะจ้องมองใบหน้าเจ้าของคำถาม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกสายตาดุดันจ้องมองมาที่เธอ มิรินเม้มริมฝีปากเข้าหากันทันที
"ไม่ต้องคิดหาคำโกหก ไม่บอกก็ไม่มีใครอยากรู้"
มาร์ตินรับรู้ได้ทันทีทุกครั้งที่มิรินโกหกหรือทำผิด เธอจะเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เพื่อหาข้อแก้ตัว ซึ่งมาร์ตินรู้ดี เพราะเขามักจะสังเกตเธออยู่ตลอดเวลา ทำพูดของมาร์ตินเมื่อครู่ ทำให้เธอรับรู้ได้ทันทีว่ามาร์ตินไม่เคยอยากจะสนใจเรื่องของเธอเลยสักนิด
"ติน เบลล์หนาวอะ"
"สลับที่กับตินไหม"
"โอเค ขอบคุณนะ"
เสียงทั้งคู่ยังคงดังกึกก้องวนอยู่ในโสตประสาทของเธอ สายตามิรินยังคงจับจ้องไปที่อาจารย์ แต่เธอกลับได้ยินแต่เสียงของเขาและเธอกำลังพูดคุยราวกับคนรัก
"นานะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายอะ ฝากจดเลคเชอร์ด้วยนะ"
มิรินกระซิบกับเพื่อนสนิทอย่างแผ่วเบา ก่อนจะลุกเดินออกไปจากห้องทันที
โดยมีสายตาของเพื่อนสนิทอย่างมาร์ตินจับจ้องอยู่ตลอดเวลา
มิรินเดินย่างกรายไปที่รถบิ๊กไบค์ของรุ่นน้องปีสองเจ้าของเสื้อ ก่อนจะแขวนไว้ที่รถ แล้วเดินกลับไปที่รถของตัวเองและขับออกมาทันที
วันเวลาผ่านไป แต่เรื่องเลวร้ายยังไม่จบแค่นั้น เมื่อมิรินกลับมาที่บ้าน ต้องเห็นความว่างเปล่า บริเวณภายในบ้าน มีเพียงพ่อของเธอ ที่นอนนอนจมกองเลือด มิริน วิ่งเข้าไปพยุงพ่อของเธอขึ้น
"เกิดอะไรขึ้นคะพ่อ ทำไมบ้านเรามันถึงได้ว่างเปล่าแบบนี้"
"มันเอาไปหมดแล้วลูก มันเอาไปหมดแล้ว"
แค่ก!
ทรงยศเอ่ยด้วยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ก่อนจะกระอักเลือดออกมา
" ไปโรงพยาบาลกันนะคะ"
"ไม่ ไม่ไป พ่อยังไหว"
ทรงยศพยายามพยุงร่างกายอันบอบช้ำของตัวเองลุกขึ้นยืน ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ที่เหลือเพียงความว่างเปล่า นี่สินะที่เขาเรียกว่าหมดตัว
"คุณพ่อคะ คุณพ่อบอกรินได้ไหม ว่าคุณพ่อติดหนี้เท่าไหร่"
"รวมนอกระบบและธนาคารก็ราว ๆ 50 ล้าน"
มิรินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เงินมากมายขนาดนั้นเธอคงไม่มีปัญญาหามาได้แน่ ๆ มิรินมองไปรอบ ๆ บ้านของตัวเอง ก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้ว่า เมื่อสมบัติที่เหลืออยู่ไม่พอใช้หนี้ เพราะว่าพ่อของเธอนั้นไปกู้หนี้นอกระบบมาด้วยความจริงที่พ่อปิดบังมาตลอด เธอเหนื่อยกับปัญหาเหล่านี้เต็มทน รวมถึงปัญหาหัวใจที่ต้องทนเห็นสองเพื่อนสนิทสวีทกันต่อหน้า มิรินตัดสินใจขอร้องให้พ่อของเธอขายบ้านทันที
"พ่อคะ ขายบ้านหลังนี้ แล้วไปใช้ชีวิตที่อื่นกันนะคะ รินไม่อยากเห็นพ่อโดนใครทำร้ายอีกแล้ว ขายมันใช้หนี้ให้หมดแล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กันนะคะ"
ทรงยศยอมทำตามลูกสาวเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของลูก เจ้าหนี้คนอื่น ๆ และมาเฟียยังคงมาวนเวียนแถวบ้านทุกวัน และยังหมายปองที่จะเอาลูกสาวเขาให้ได้
"เดี๋ยวพ่อจะลองให้ธนาคารประเมินราคาดูนะลูก อาจจะได้มากกว่า 50 ล้าน เราจะได้มีเงินไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กันนะลูกนะ"
@มหา’ลัย
เป็นอีกวันที่มิรินมามหา’ลัยด้วยท่าทีที่ไม่สดใส เรื่องราวปัญหาถาโถมเข้ามา และวันนี้คงเป็นวันสุดท้าย ที่เธอจะได้อยู่กับเพื่อน ๆ ของเธอ
มิรินเดินย่างกรายเข้ามาหาเพื่อน ๆ เฌอเบลล์และนานะนั่งอยู่
"มิริน นานะบอกว่าตินก็ชอบฉัน เราสองคนกำลังคบกัน"
เฌอเบลล์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส
ราวกับฟ้าฝ่าลงกลางใจที่ร้าวระบมของเธอ มิรินเธอไม่รู้ว่าควรเอ่ยคำไหนออกไป มันจุกแน่นอยู่ในอกจนแทบล้มทั้งยืน
ดวงตาสีนิลจ้องมองใบหน้าเฌอเบลล์ ด้วยความรู้สึกมากมาย ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งเรียบดังเดิม
"อ๋อ! เอ้อ!... ดีใจด้วยนะ เธอมีแฟนคนแรกของกลุ่มเลย"
มิรินแสดงความยินดีออกไป ทั้งที่แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
"มิริน คืนนี้มีทำรายการกลุ่มที่ห้องมาร์ตินนะ แล้วเราก็จะฉลองที่สองคนนี้ยอมคบกันสักทีด้วย"
นานะเอ่ยขึ้น ก่อนจะจ้องมองใบหน้ามิรินด้วยสายตาเย้ยหยัน
มิรินยังคงนั่งเงียบอยู่อย่างนั้น ในหัวของเธอมีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลา ช่วงเวลาหลายเดือนนี้
มิรินซูบผอมลงไปเยอะมาก เพราะเกิดจากเครียดสะสม และนอนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายอ่อนแอได้ง่าย
"ต้องไปกี่ทุ่ม ไลน์มาบอกแล้วกัน"
มิรินเอ่ยขึ้น ก่อนจะส่งยิ้มให้เพื่อน ๆ
“ถ้าฉันเตรียมห้องพร้อม เดี๋ยวไลน์หาแต่ละคนเองนะ”
" งั้นฉันไปค้างห้องตินดีไหม"
มิรินที่กำลังเก็บของเข้ากระเป๋าชะงักไปทันที ก่อนจะเก็บของต่อและเดินออกไปทันที
"เราไปก่อนนะ พ่อรออยู่"