บทที่ 9 งานหมั้นที่ไม่เต็มใจ
"อัน ยัยอัน ตื่นได้แล้ว ช่างแต่งหน้ามากันแล้ว อันดามันเร็วเข้า จะมาขี้เซาในวันหมั้นตัวเองไม่ได้นะ" น้ำเสียงทรงอำนาจของผู้เป็นมารดาดังขึ้น พลางเขย่าตัวลูกสาวไปด้วย
คนเป็นแม่ปวดขมับจี๊ดเมื่อได้เห็นสภาพลูกสาวคนสวย อันดามันยังอยู่ในชุดเดรสดำของเมื่อคืน หน้าก็ไม่ได้ล้างออก แถมมีกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึกโชยออกมาจากตัวเธอ ไม่รู้ว่าวิคเตอร์จะคิดอย่างไรที่เห็นคู่หมั้นตัวเองเมื่อคืน
"ลุกเดี๋ยวนี้ แม่บอกให้ตื่นได้แล้ว"
"อื้อออ~ ปวดหัวอ่าแม่ กี่โมงเนี่ย ยังมืดอยู่เลย" เสียงแหบพร่างัวเงียปรือตาขึ้นมองนอกหน้าต่างแล้วดึงผ้าห่มหนาคลุมหัวอีกครั้ง ซ่อนตัวจากแสงไฟในห้องที่ถูกมารดาเปิดจนสว่างโร่
"ตี 4 แล้ว ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ช่างแต่งหน้าทำผมมากันพร้อมแล้ว"
"ไม่เอา ง่วง ขออันนอน"
"ไม่ได้! ยัยคนนี้ ลุกมาเลย นี่วันหมั้นแกนะ ลืมหรือไง"
"ม่ายยยย ปล่อยอันนอน~"
หลังจากถกเถียงหว่านล้อมจนแทบใช้กำลัง สุดท้ายเธอก็ไม่อาจสู้ความพยายามของมารดาได้ ต้องแหกตาตื่นมาแต่งตัวตามสั่ง
ร่างเล็กหาวหวอดไม่หยุด แม้จะได้ไปอาบน้ำมาแล้วกลับไม่ได้รู้สึกสดชื่นสักนิด อาการเมาค้างทำเธอปวดหัวอย่างแรง ใบหน้าสวยหงิกงอแสดงชัดถึงความไม่เต็มใจ ช่างแต่งหน้าสาวสองอดเอ่ยถามเพราะเป็นห่วงไม่ได้
"น้องไม่ได้ถูกบังคับใช่ไหมคะเนี่ย"
"..."
"พูดอะไรแบบนั้น ลูกน้าเมื่อคืนตื่นเต้นจนนอนไม่หลับต่างหาก"
สิมิลันที่ยืนคุมลูกสาวไม่ห่างตาหันไปตอบคำถามช่างแต่งหน้าแทน ไม่ลืมถลึงตาดุลูกสาวไปด้วย ไม่อยากให้มีข่าวลือแย่ๆ ออกมาหลังเสร็จงาน
"ทำหน้าดีๆ สิยัยอัน!"
"ก็หนูง่วง งานมี 8 โมงแล้วทำไมต้องปลุกอันมาตั้งแต่ตี 4"
"แล้วแกจะตื่น 8 โมงแล้วเดินสภาพเมาค้างไปร่วมงานหรือไง!"
"ไม่ได้เหรอ?"
"ไม่ได้! เลิกบ่นได้แล้ว เราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วนะ"
"เฮ้ออออ~ ค่าๆ"
แม้จะตอบรับคำมารดาแบบนั้น คนตัวเล็กก็หลับตาเตรียมตัวเข้าเฝ้าพระอินทร์อีกครั้ง จนสิมิลันอดหยิกหลังเธอด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้
พี่ช่างแต่งหน้าไม่ได้พูดอะไรอีก สิ่งที่หญิงสาวแสดงออกก็ชัดเจนพอทำให้คนมากประสบการณ์เข้าในสถานการณ์ ได้แต่ทำหน้าที่ของตนเองต่อไป อย่างไรก็ได้รับค่าจ้างมาแล้ว พลางส่งสายตาเห็นใจให้คนนั่งหลับเป็นระยะ
เมื่อแต่งเติมใบหน้าสวยจนหยาดเยิ้มราวนางฟ้า ช่างก็ลงมือจัดการกับผมหญิงสาวต่อ เนื่องจากเธอผมสั้นจึงทัดผมข้างหนึ่งที่หลังใบหู ประดับกิ๊บไข่มุกเพื่อเพิ่มความสวย เธอมือเบาจนสาวน้อยที่นั่งสัปหงกแทบไม่รู้สึกตัวตื่น กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ 7 โมงกว่าเข้าไปแล้ว
"ยัยอัน นี่! อันดามันฟังแม่พูดอยู่หรือเปล่า" คุณนายสาวร้องเรียกสติลูกสาวอีกครั้ง หลังจากบ่นพฤติกรรมเหลวไหลของเธอไปยาวยืดแต่คนถูกบ่นกลับทำท่าไม่ได้สนใจฟัง
"แม่อย่าเสียงดังสิ ปวดจี๊ดเลยเนี่ย"
หญิงสาวตัวเล็กในชุดเดรสสั้นแขนตุ๊กตาน่ารัก ใบหน้าเย้ายวนมีเสน่ห์ถูกแต่งเติมอย่างลงตัว ขนตายาวงอนถูกปัดด้วยมาสคาราจนดวงตาคู่สวยแทบสะกดทุกสายตา พวงแก้มแดงระเรื่อ เปลี่ยนสาวเซ็กซี่เป็นสาวหวานเรียบร้อยน่าทะนุถนอม
ทุกอย่างออกมาดีมากจนคนเป็นแม่อยากจะออกปากชมใจจะขาด แต่ก็ติดที่ใบหน้าที่ควรดูอิ่มเอิบมีความสุขหงิกงอบอกบุญไม่รับ
"เฮ้อ~ ฉันทำกรรมอะไรมา มีลูกสาวถึงห้าวกว่าลูกชายแบบนี้ จะมีบทตื้นตันไม่ได้เลย"
"แค่อันยอมให้ช่างทึ้งหัวเป็นชั่วโมงแม่ก็ควรดีใจได้แล้ว ไม่ต้องร้องไห้นะ อันขี้เกียจเดินไปหยิบทิชชูให้"
"ฉันควรทำยังไงกับแกดีเนี่ย เมาเละก่อนวันหมั้น ยังไม่ได้เคลียร์เลยนะว่าทำไมถึงกลับมาพร้อมวิคเตอร์ได้"
"ใครอะ" คนตัวเล็กที่นั่งกุมหัว ขมวดคิ้วมองมารดาด้วยสายตาว่างเปล่า แอบรู้สึกคุ้นชื่อแต่ก็จำไม่ค่อยได้
"จะบ้าตาย วิคเตอร์คนที่แกจะหมั้นด้วยในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้าไง"
"แล้วเกี่ยวอะไรกับเขา"
"เอ้า นี่แกไม่รู้หรือไง ว่าวิคเตอร์มาส่งที่บ้านเมื่อคืน" คนเป็นแม่ถามกลับเสียงสูงด้วยความแปลกใจ
"..."
อันดามันนิ่งไปเล็กน้อย พยายามเค้นความทรงจำเมื่อคืน แต่มันก็ช่างเลือนรางเต็มทน
เมื่อคืนเหมือนมีฝรั่งหล่อๆ มาอ่อยเธอตอนอยู่ในบาร์ เธอเล่นด้วยนิดหน่อย แต่พูดอะไรบ้างก็จำไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็ถูกแม่ปลุกแล้ว สรุปไอ้ว่าที่คู่หมั้นมามีบทในเรื่องนี้ตอนไหน
"นึกไม่ออกอะ"
"โอ๊ย ฉันอยากจะเป็นลม เมาเละเทะจำอะไรไม่ได้แบบนี้ ถ้าคนที่ไปเจอลูกไม่ใช่วิคเตอร์จะเป็นยังไง โดนเขาลากไปไหนต่อไหน จะรู้ตัวไหม"
สิมิลันว่าพลางหยิกท่อนแขนลูกสาวไปด้วย อยากจะหาไม้มาตีให้ก้นลายจะได้เข็ดหลาบเสียบ้าง จนเธอต้องรีบขยับหนีร้องขอความเห็นใจ
"พอแล้วแม่ อันเจ็บ!"
"ก็หยิกให้เจ็บ เป็นสาวเป็นนางทำตัวเหลวไหลใหญ่แล้ว แม่ก็คิดว่าไปกินข้าวกับเพื่อนไม่นานก็กลับ"
"ก็พวกนั้นไม่ว่าง"
เธอพยายามแก้ตัว รู้ว่าเมื่อคืนเธอก็ไม่ระวังตัวเองจริงๆ ความเซ็ง อึดอัด เครียดมันรุมเร้าจนต้องระบายกับแอลกอฮอล์ จนลืมคำนึงถึงความปลอดภัยไป
"ความดันแม่จะขึ้น แม่ต้องลงไปต้อนรับฝั่งนั้นแล้ว ระหว่างรอฤกษ์ก็ช่วยทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย รู้ว่าไม่เต็มใจ แต่เราตกลงกันแล้ว อย่าทำพ่อกับแม่ขายหน้า"
"ค่าาา ใกล้เวลาแล้วมาปลุกนะ อันขอนอนอีกแป๊บ"
"เฮ้อออ~"
สิมิลันจนคำพูด ได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจระบายความเหนื่อยล้ากับนิสัยแข็งกระด้างของลูกสาว ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
พิธีในวันนี้ไม่มีอะไรมาก สองครอบครัวไม่ได้เชิญแขกเหรื่ออื่นมาร่วมงาน มีเพียงคนในครอบครัวและเพื่อนทางฝั่งฝ่ายชายที่เสนอหน้าอยากมาซ้ำเติมมากกว่าร่วมยินดี ส่วนอันดามันไม่บอกใครเลย
พีพี ยืนพิงราวบันไดด้วยความเบื่อหน่าย ลอบสังเกตคนที่จะมาเป็นคู่หมั้นพี่สาวตัวเองจากกระจกชั้นสองของบ้าน แม้วันนี้วิคเตอร์จะแต่งกายเรียบร้อยสวมสูทตัดเย็บประณีต ใบหน้าหล่อร้ายกาจฉายแววหงุดหงิดตลอดเวลา คิ้วเฉียงได้รูปมีรอยบากเล็กน้อย กระดุมเสื้อเชิ้ตติดจนถึงเม็ดบนก็ไม่อาจซ่อนความดิบเถื่อนดื้อรั้นในตัวเขาได้
ทำน้องชายแอบกังวลว่าคนเช่นนี้จะไม่ตีกับพี่สาวตนตายไปก่อนจบงานใช่ไหม
ร่างสูงยืนทำหน้าเซ็งท่ามกลางวงล้อมของเพื่อนในสวนข้างบ้านหลังใหญ่
"แม่ล่ะปวดหัวกับพี่สาวเรา"
สิมิลันเอ่ยบ่นกับลูกชายเมื่อก้าวออกมาจากห้องนอนลูกสาวคนโต
"แม่ควรชินตั้งนานแล้ว"
"ไปช่วยคุยกับพี่เราให้อารมณ์ดีหน่อย แล้วอย่าชวนทะเลาะตีกันก่อนเริ่มงานนะ"
"แม่ส่งพีเข้ากรงเสือยังปลอดภัยกว่าอีก" ชายหนุ่มรับรู้ถึงชะตากรรมหากเข้าไปอยู่ในห้องพร้อมพี่สาวที่กำลังหงุดหงิดจะเป็นอย่างไร
"ช่วยแม่หน่อยเถอะ"
"ครับๆ"
พีพีเห็นสีหน้าอ่อนล้าของมารดาก็ต้องใจอ่อน ตั้งแต่เช้านายหญิงของบ้านก็ต้องวิ่งวุ่น ทั้งต้อนรับแขก จับตาดูลูกสาวไม่ให้ล่มงาน ตรวจเช็กความเรียบร้อยในงาน
อันดามันเดินก้มหน้าก้มตาลงบันได ศีรษะปวดร้าว ตายังคงลายพร่าเลือนจากการเพิ่งตื่นนอน แม้ใบหน้าจะเรียบนิ่งดูไร้อารมณ์ แต่ความสวยของเธอก็โดดเด่นเกินหน้า จนทุกคนจับจ้องที่เธอเป็นตาเดียว
อกซ้ายคันยิบๆ ราวกับมีมดตัวเล็กรุมกัดเมื่อคนตัวเล็กทรุดตัวนั่งลงตรงหน้า กระโปรงบานน่ารักทำคนตัวเล็กดูเหมือนตุ๊กตามากกว่าจะเชื่อว่ามีชีวิตจริง ต่อให้ในใจต่อต้าน อคติกับหญิงสาวแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่าวันนี้เธอสวยมากจริงๆ
เหล่าเพื่อนมาเฟียหนุ่มที่นั่งสังเกตการณ์ห่างๆ ต่างสะกิดกันให้ดูตัวฝ่ายชายที่ปากบอกไม่เต็มใจแต่มองคู่หมั้นตาไม่กะพริบราวกับตกไปในมนต์สะกด
ผิดกับอันดามันที่ไม่มองอะไรเลย เธอนั่งอยู่บนพื้นพรมหน้าโซฟารับแขกข้างชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำยำ โดยผู้ใหญ่สองครอบครัวนั่งประจำที่บนโซฟา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เป็นปลื้มกับงานมงคลในวันนี้
วิคเตอร์เห็นหญิงสาวไม่ยอมเงยหน้าขึ้นเลยก็นึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง
ยัยเตี้ยกล้ามาทำหน้ามุ่ยแบบนี้ได้ไง คนที่ควรต้องรับบทรู้สึกแย่กับงานหมั้นนี่ควรเป็นเขาต่างหาก
ร่างเล็กไม่ได้ฟังคำพูดจาเยินยอของทั้งสองครอบครัวเลย เธอยกมือปิดปากที่หาวหวอดออกมากลางพิธี จนรับรู้ได้ถึงสายตาร้อนที่มองมา
เมื่อตวัดตาขึ้นมองก็พบใบหน้าหล่อร้ายดูไม่ค่อยสบอารมณ์จ้องเขม็งมองมา เธอเลิกคิ้วให้อย่างกวนประสาท ก่อนจะกลอกตาระอา นึกตำหนิบิดามารดาในใจ
สรุปแล้วพ่อแม่เธอจับให้หมั้นกับอันธพาลเหรอเนี่ย? ไหนบอกบ้านนี้ดีนักดีหนา ทำไมลูกถึงดูร้ายเหมือนตัวโกงขนาดนี้ รอยสักที่พ้นคอเสื้อเล็กน้อยแม้จะพยายามปกปิดแล้ว ยิ่งทำให้เหมือนพวกนักเลงมากกว่านักธุรกิจ
หญิงสาวหลับตาลง ยกมือนวดขมับไปด้วยบรรเทาอาการวิงเวียน แม้บิดามารดาจะจ้องพฤติกรรมห่ามๆ ของเธอตาแข็ง แต่อันดามันก็ไม่ได้ใส่ใจ นั่งรอเวลาให้ถึงช่วงสวมแหวน เสร็จแล้วเธอจะได้ไปนอนต่อสักที
สิมิลันได้แต่ส่งยิ้มเก้อเขินให้รุ่นพี่ พลางหัวเราะกลบเกลื่อน
"ขอโทษนะคะ เมื่อคืนยัยอันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ วันนี้เลยดูไม่ค่อยสดชื่น"
"ไม่เป็นไร เรื่องปกติฉันเข้าใจ"
วิคเตอร์เลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อหูเมื่อสิมิลันหลุดโกหกคำโต พลางคิดถึงเหตุการณ์ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ตื่นเต้นนอนไม่หลับ? ยัยนี่เกือบจะน้ำลายไหลใส่อกเขาอยู่แล้ว
สิมิลันที่หันมาเจอวิคเตอร์ขมวดคิ้วจ้องอันดามันด้วยแววตาแปลกๆ ก็ต้องตกใจ เพราะลืมว่าเมื่อคืนวิคเตอร์คงเห็นสภาพเละเทะของลูกสาวตนเรียบร้อย แต่ก็ปล่อยเลยตามเลยเพื่อรักษาบรรยากาศในงานไม่ให้แย่ไปมากกว่านี้
กว่าจะถึงช่วงแลกแหวนได้คนตัวเล็กก็เกือบหลับจริงๆ เธอสะดุ้งปรือตามองอีกฝ่าย เมื่อถูกมือหนากุมเอาไว้ เธอขืนมือกลับแต่ฝ่ามือที่ใหญ่กว่าก็ออกแรงบีบแน่นจนเธอนิ่วหน้า ส่งสายตาคุกรุ่นกลับไปให้คนตัวสูง
วิคเตอร์ไม่สนใจ ยัดแหวนใส่นิ้วบางอย่างไร้ซึ่งความอ่อนโยน
"ไหว้พี่เขาสิลูก" สิมิลันกระซิบบอกบทลอดไรฟันเมื่อคนตัวเล็กนั่งนิ่งจ้องชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง
"ไหว้ทำไม"
"อัน อย่ามาสร้างเรื่อง"
"เฮ้อออ~" เธอพ่นลมออกจมูก ยกมือขึ้นพนมลวกๆ ทำทั้งคนเป็นคู่หมั้นและบิดาควันออกหูกับกิริยาดังกล่าว
ก่อนจะหยิบแหวนในพานด้านหน้า ยัดใส่นิ้วหนาคู่หมั้นรุนแรงพอกัน เบะปากเมื่อเห็นรอยสักเต็มหลังมือลามมาจนถึงข้อนิ้ว
สองครอบครัวได้แต่มองเมินพฤติกรรมต่อต้านของฝ่ายหญิง พูดคุยกันต่ออีกครู่ใหญ่งานพิธีก็สิ้นสุด
อันดามันไม่รอช้า เมื่อเห็นผู้ใหญ่ลุกจากโซฟาเตรียมย้ายไปนั่งพูดคุยในสวนก็ลุกพรึ่บเดินตรงดิ่งขึ้นบันไดบ้าน
"อัน! อันดามัน นั่นแกจะไปไหน!" น้ำเสียงทรงอำนาจของวีรศักดิ์ดังขึ้น แต่คนตัวเล็กก็ไม่สนใจหันกลับมาตอบคำถาม ถลกกระโปรงฟูฟ่องขึ้นชั้นบน
"พี ไปดูพี่หน่อย" สิมิลันกุมมือสามีให้ใจเย็น หันไปสั่งลูกชายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
"ครับ"
โทสะในกายชายหนุ่มแล่นพล่านเช่นกัน ถูกคู่หมั้นหักหน้าขนาดนี้ทำเอาเขาอยากขึ้นไปจัดการลงโทษเธอให้หนัก แต่ก็ทำได้เพียงกำมือแน่นจนเส้นเลือดใต้ชุดสูทปูดโปน ปล่อยให้ผู้ใหญ่จัดการกันเอง
"ร้ายเอาเรื่องเหมือนกันนี่หว่า เห็นหน้าสวยๆ ดื้อเงียบฉิบ" ลีออนแซวขึ้นมาเมื่อวิคเตอร์เดินกระฟัดกระเฟียดมารวมกลุ่ม
"ไม่เรียกดื้อ เรียกไม่มีมารยาท"
ในหัวมาเฟียคิดเตรียมบทลงโทษต่างๆ นานา หากวันหลังเธอพยศใส่เขาเช่นนี้ จะจัดการให้หมดแรงเลยทีเดียว
"ได้ข่าวว่าไม่เต็มใจนี่ ก็ธรรมดา" ไคโรวิเคราะห์ขึ้นบ้าง
"กูก็ไม่เต็มใจ อย่างน้อยก็ช่วยเสแสร้งจนเสร็จงานไม่ได้หรือไง"
"เออๆ เอาน่า อย่าไปใส่ใจ นี่กูล้างท้องรอแดกเหล้าแล้วนะเนี่ย เริ่มแดกได้ยัง"
"ค่อยไปกินที่อื่น บ้านกูกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายแล้ว แม่งยัยนั่นโคตรน่าหงุดหงิด"
"ถ้าไม่สนใจก็อย่าเก็บเรื่องไร้สาระมาใส่ใจสิ" ไคโรกระตุกยิ้มเอ่ยแซว ทำให้ระดับความหงุดหงิดชายหนุ่มพุ่งสูงกว่าเดิม
"ใครสนใจ เรียกว่าเกลียดจะเข้าท่ากว่า"
"หึหึ ถ้าเกลียดคงไม่พากลับบ้านมั้ง"
"ไอ้ไคโร!"
ไคโรหัวเราะทิ้งท้ายเป็นปริศนา สายตารู้ทันมองร่างสูงใหญ่ของวิคเตอร์อย่างล้อเลียน มีเพียงโอนิกซ์ที่ล้วงกระเป๋าฟังบทสนทนาเงียบๆ ใบหน้าใต้กรอบแว่นไร้ความรู้สึกไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องเมื่อครู่แม้แต่น้อย
สุดท้ายงานหมั้นแสนวุ่นวายก็จบลงอย่างทุลักทุเล ครอบครัวอันดามันกล่าวขอโทษทางบ้านวิคเตอร์หลายรอบ ซึ่งโซเฟียก็หัวเราะชอบใจ บอกปัดว่าไม่คิดมาก ก่อนจะแยกย้ายเมื่อพีพีลงมาบอกว่าอันดามันหลับไปแล้ว