ตอนที่ 5 เมื่อเฮียต้องมาอยู่ดูแล
“ พ่อของเฮียเป็นคนอินเดียก็เลยได้ความเข้มมาเต็ม ๆ แต่ก็ไม่เห็นแปลกที่ลูกจะไม่เหมือนแม่หรือพ่อบ้าง ขนาดเธอยังรูปร่างไม่เหมือนคุณลุงพงษ์เลย ทั้ง ๆ ที่ท่านก็สูงโปร่งหุ่นดีออกขนาดนั้น ” ปราบพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับว่ามันเป็นการเปรียบเทียบให้เธอฟังเท่านั้น แต่คนฟังกลับรู้สึกเหมือนเขาเอาเข็มมาทิ่งกลางใจดำจนเจ็บจี๊ด นี่เขากำลังล้อเรื่องรูปร่างของเธออยู่ใช่มั้ย
แพรพธูเม้มปากแน่นแล้วหันขวับมามองหน้าเขาอีกครั้ง เขาเห็นเธอเม้มปากทำตาเขียวใส่ก็เลยทำทีเลิกคิ้วเข้มขึ้นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ มีอะไรรึ ” เธอมองปลายจมูกโด่ง ๆ และนัยน์ตาที่ฉายแววระยิบระยับแล้วนึกอยากจะจิ้มตาคม ๆ นั่นให้บอด ข่วนหน้าหล่อ ๆ ให้เสียโฉมไปซะเลยด้วยความหมั่นไส้ ปากคอเลาะร้ายพอ ๆ กับความหล่อเลยนะนี่
“ เปล่าค่ะ เฮียนี่ถ้าเติมไม้โทเข้าไปคงไม่ดีแน่เลยเนอะ ” เธอพูดขึ้นแล้วเชิดหน้าขึ้นเท่าที่คอสั้น ๆ ของเธอจะเชิดขึ้นได้ ริมฝีปากจิ้มลิ้มแย้มยิ้มหวานหยดย้อยราวกับรอยยิ้มอาบยาพิษ
“ เอาเซ่ กวนมากวนกลับไม่โกง ตงิด ๆ ตั้งแต่เรียกแพรปลาทูละ ต่อให้หล่อลากไส้แค่ไหนไอ้แพรก็ไม่ยอมให้หรอกโว๊ย ” เธอคิดอย่างกระหยิ่มในใจที่เอาคืนเขาได้ แต่ยังไม่ทันกระหยิ่มได้นานถึงสองนาทีเขาก็เบรครถกะทันหันแล้วหักพวงมาลัยรถเข้าไปจอดหน้าร้านสะดวกซื้อข้างทางจนเธอหัวทิ่มพุ่งไปโขกกับกระจกหน้ารถจังเบ้อเร่อ เพราะไม่ทันได้ระวังมัวแต่เชิดหน้ายิ้มกริ่ม แถมเธอลืมดันคาดเข็มขัดนิรภัยอีกด้วย
“ โอ๊ย! นี่เฮียจะฆ่าหนูรึไงฮึ หัวหูแตกหมดแล้วมั้งเนี่ย ”
แพรพธูโวยวายโอดครวญพลางยกมืออวบ ๆ ขึ้นลูบป้อย ๆ ที่หน้าผากที่โนขึ้นมาทันตาเห็นด้วยความเจ็บ
“ อ๊ะ โทษทีพอดีเห็นเซเว่นเลยเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าจะซื้อน้ำกินซะหน่อย ไม่คิดว่าเธอจะไม่ได้คาดเข็มขัด ไหนมาให้เฮียดูหน่อยซิเป็นอะไรมากรึเปล่า ” ปราบเห็นร่างอวบอ้วนของเธอพุ่งไปโขกกระจกหน้ารถก็ตกใจและรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เขาแค่อยากแกล้งเธอเล่นเท่านั้นไม่คิดว่าแพรพธูจะลืมคาดเข็มขัด ดีที่ไม่ได้ขับมาแรงมากไม่อย่างนั้นกระจกคงได้แตกไปพร้อมกับหัวยัยแพรปลาทูแน่นอน
“ เจ็บมากมั้ย บวมปูดเลยเดี๋ยวเฮียลงไปซื้อยากับผ้าเย็นมาประคบให้ก็แล้วกัน ” เขาพูดเสียงอ่อนโยนลงพร้อมกับโน้มตัวเข้ามาใกล้เพื่อมองรอยบวมช้ำบนหน้าผากขาว ๆ ของเธอ มือแข็งแรงเอื้อมมาลูบเส้นผมบนหน้าผากเธอให้เปิดขึ้น เพื่อมองรอยช้ำให้ชัดเจน ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดลงมาข้างแก้มจนคนหัวโนนั่งใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อต้องอยู่ใกล้ชิดเขาขนาดนี้ ลืมความเจ็บปวดที่หัวไปชั่วขณะเลยทีเดียว
“ ไม่น่าถามเลยนะเฮีย ปูดขนาดนี้คงแค่ขำ ๆ มั้ง ”
“ แล้วทำไมเราไม่คาดเข็มขัด หือ ทีหลังห้ามลืมเด็ดขาดนะ จะลงไปด้วยมั้ยอยากได้อะไรรึเปล่า ” ปลาบเห็นแก้มเธอแดงขึ้นก็แกล้งก้มลงไปพูดใกล้ ๆ จนริมฝีปากแทบจะชิดกับปลายจมูกเชิด ๆ ของเธอ ด้วยความที่แพรพธูเป็นคนขาวมากจึงเห็นใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความอายได้อย่างชัดเจน
“ มะ ไม่ค่ะ เฮียซื้อน้ำเปล่ามาเผื่อซักขวดก็พอแล้ว รีบไปสิหนูเจ็บหัวจะตายแล้วเนี่ย ” รีบบอกพร้อมกับผลักแผงอกเขาออกห่างจากตัว แก้มแดงเห่อลามไปยันคอ นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างยามจ้องมองเขา น่าแปลกที่เขากลับมองเห็นความน่ารักของเธอผ่านแก้มยุ้ย ๆ แดงก่ำนั่นและดวงตาโตที่มองเขาด้วยความตื่นเต้นราวกับไม่เคยได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนมาก่อน
“ โอเคงั้นนั่งรออยู่ในรถก็แล้วกัน ” เขายิ้มมุมปากแล้วผละออกจากร่างอวบอ้วน ลงจากรถเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ
แพรพธูถึงกับถอนลมหายใจออกมายาวเหยียดเมื่อร่างใหญ่ของปลาบลงจากรถไป พยายามเรียกสติกลับคืนมาและปรับการเต้นของหัวใจให้เป็นปรกติตามเดิม ยิ่งได้มองใบหน้าเขาใกล้ ๆ ยิ่งเห็นความมีเสน่ห์ในดวงตาคู่คม ยามเขาจ้องมองราวกับมนต์สะกดให้เธอหลงใหลเคลิบเคลิ้ม
“ อิตาเฮียหน้าหล่อนี่ขี้แกล้งไม่เบา เข้ามาใกล้ขนาดนี้ไม่หัวใจวายตายก็บุญแล้ว อู๊ย เจ็บหัวจัง ” เธอพึมพำกับตัวเองพร้อมกับสะบัดหน้าเบา ๆ เมื่อความปวดตุบ ๆ บนหน้าผากมาเยือน
