บท
ตั้งค่า

บทที่10

“ท่านพ่อ”

“เอ้า! ต๋าไห่ ลูกเมียของเจ้ามากันพร้อมแล้วรึยัง อย่าได้ทำข้าเสียหน้าเป็นอันขาดในค่ำคืนนี้ อ้อ! เจ้าไปตามแม่ของเจ้ามาได้แล้ว ประเดี๋ยวแขกมาถึงจะเป็นการเสียมารยาทที่ให้นั่งรอ”

มู่ตงซินเอ่ยกับบุตรชายด้วยน้ำเสียงรัวเร็ว ทำให้ผู้เป็นลูกชายแอบสะท้อนอยู่ในใจ แม้ว่าเวลานี้ เขาเป็นถึงเสนาบดี แต่หากขั้วอำนาจที่บิดาเคยหมายมั่นที่จะมอบให้ย้ายไปอยู่ในมือของผู้อื่น แน่นอนว่า เขาและครอบครัวต้องตกที่นั่งลำบากเกินกว่าจะเอ่ยบรรยายออกมาได้ ความผิดในอดีตนั้น มันซับซ้อนมากนัก หากทุกอย่างถูกขุดคุ้ยขึ้นมาเมื่อใด ยากนักที่จะมีโอกาสเชิดหน้าชูตาอยู่ในราชสำนักได้

“ขอรับท่านพ่อ”

มู่ต๋าไห่หมุนกายกลับไปยังด้านหน้าประตู ทว่า เท้าหนาจำต้องชะงักหยุดอยู่ยังที่เดิมเมื่อเห็นว่าผู้เป็นมารดายืนอยู่ยังหน้าประตูห้องจัดเลี้ยงรับรองแล้วนั่นเอง

“คารวะท่านแม่”

“อืม”

คำตอบของผู้เป็นมารดาทำให้มู่ต๋าไห่รู้สึกชินชาเสียแล้ว นับตั้งแต่นางกลับจากบำเพ็ญตนยังอารามหลวงเมื่อหลายปีก่อน แล้วทราบเรื่องการจากไปของบุตรชายหญิงทั้งสามคนของเขาเป็นต้นมา ความสัมพันธ์อันห่างเหินที่มีอยู่ก่อนหน้าก็มีมากขึ้นจนเรียกว่า ในสายตามารดานั้น เขาเป็นบุคคลไร้ซึ่งตัวตน

“ท่านพี่”

ลั่วเชียงเชียงเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะย่อกายให้ผู้เป็นสามี มู่ตงซินทำเพียงพยักหน้าให้แก่ภรรยาเอกโดยไม่ได้เอ่ยสิ่งใดกับนางอีก ทั้งคู่เสมือนอยู่ร่วมจวนเพียงเพราะหน้าที่ของสามีภรรยา มิได้มีความ

สัมพันธ์ในแบบคู่รักเหมือนในอดีตที่ผ่านมา หญิงชราเองก็ไม่ได้ใส่ใจหรือรู้สึกอันใดกับการกระทำของผู้เป็นสามีที่มีต่อนาง

มู่ต๋าไห่ก้าวออกจากห้องอาหารไปด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง สิ่งที่เขาทำเพื่อตนเองและภรรยากลับกลายเป็นการสร้างความร้าวฉานในครอบครัวเสียอย่างนั้น

‘ข้าผิดมากใช่หรือไม่….’

เมื่อนึกถึงใครอีกคน อาการจุกในอกแกร่งพลันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แม้ชื่อของอีกฝ่าย เขายังมิกล้าที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาในใจ ด้วยความสำนึกผิดนั้นมีอยู่มากมาย แต่ก็ไม่อาจมากเท่าความกระหายในอำนาจที่ตนต้องการไขว่คว้ามาไว้ในกำมือ

กึก!

เท้าหนาหยุดลงอย่างกะทันหัน เมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างของชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังเดินตรงมายังเรือนที่เขาเดินจากมาเมื่อครู่

ร่างสูงของชายหนุ่มที่เดินนำหญิงสาวทั้งสองนั้นทำให้มู่ต๋าไห่ถึงกับสะท้านไหว ยิ่งรอยยิ้มของอีกฝ่ายยิ่งเสมือนหมุดแหลมปักลงสู่กลางอกแกร่งที่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงอารมณ์ของตัวเขาในขณะนี้ ร่างกายชาดิก เท้าหนาเหมือนถูกตอกตึงเอาไว้กับพื้นมิอาจขยับได้

“ลู่หลงเทียนคารวะท่านเสนาบดีมู่”

เสียงทุ้มลึกของผู้มาเยือนเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งหมดหยุดอยู่ตรงหน้าชายสูงวัยได้ครู่หนึ่ง แต่ไร้การตอบรับจากผู้เป็นเจ้าบ้านที่เอาแต่ยืนนิ่ง

“เอ่อ! สกุลมู่ยินดีต้อนรับ คุณชายลู่”

มู่ต๋าไห่อยากที่จะตบหน้าตนเองแรง ๆ สักหนที่เหม่อลอยจนแขกของจวนต้องเป็นฝ่ายเอ่ยเรียกสติของเขาให้กลับมาเช่นนี้

‘ข้าเป็นไปได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ?’

“ลู่หลินเซียนคารวะท่านเสนาบดีมู่เจ้าค่ะ”

“ลู่ชิงชิงคารวะท่านเสนาบดีมู่เจ้าค่ะ”

“ชะ…เชิญด้านใน คุณชายลู่ คุณหนูลู่ ท่านพ่อท่านแม่ของข้ารอพวกท่านอยู่ด้านในเช่นกัน”

“รบกวนท่านเสนาบดีนำทางด้วยขอรับ” หลงเทียนเอ่ยเรียบนิ่ง ใบหน้ายังมีรอยยิ้มประดับไม่จาง

“เชิญ…มิต้องเกรงใจ”

มู่ต๋าไห่ผายมือเชื้อเชิญแขกด้วยท่าทางไม่เป็นธรรมชาติเท่าใดนัก ทุกอากัปกิริยาของเจ้าบ้านนั้นตกอยู่ในสายตาของสามพี่น้องแทบตลอดเวลา ไม่แปลกเลยที่คนเช่นเสนาบดีมู่ต๋าไห่จะตื่นตระหนกเสมือนตรงหน้าคือมัจจุราชที่รอมาพรากวิญญาณก็มิปาน ด้วยใบหน้าของลู่หลงเทียนนั้นถอดแบบเดียวกันกับเขามาเลยก็ว่าได้ ทว่า ทั้งสามต่างพากันแสร้งไม่รับรู้ ปล่อยให้คนที่เดินนำหน้าไปก่อนคิดไปเองจะสนุกกว่า

“ท่านแม่”

มู่อี้ชิ่งคว้าแขนมารดาเอาไว้เมื่อนางมองเห็นว่าใครเดินไปตามผู้เป็นบิดาไป มือบางสั่นระริกด้วยความตื่นตระหนก หวาดกลัวสิ่งที่ผู้เป็นแม่พูดกับนางเมื่อกลางวัน ว่าหากแขกของคืนนี้เป็นสามพี่น้องจริง โอกาสที่ผู้นำตระกูลจะเปลี่ยนใจ จากช่วยเหลือกลายเป็นปล่อยให้นางรับชะตากรรมเพียงลำพังย่อมมีสูงนัก

‘ข้าจะไม่มีทางให้พวกเจ้ากลับมาทวงทุกอย่างไปจากข้าได้’

หากนายหญิงแห่งหอโอสถเมฆาเป็นมู่หลินเซียนจริง ด้วยอำนาจในมือที่มีอยู่และความใกล้ชิดกับองค์ฮ่องเต้ ย่อมมีน้ำหนักพอที่จะทูลขอยกเลิกการสมรสได้ แต่ใช่ว่าจะปัดมาให้อี้ชิ่งรับมิได้เมื่อไหร่กัน หากเป็นเช่นนั้นเท่ากับนางผลักตัวเองลงเหวด้วยมือของตน ที่นำสามพี่น้องกลับเข้าสู่สกุลมู่โดยมิทันตริตรองให้ถ้วนถี่เสียก่อน

“นิ่งเข้าไว้อี้ชิ่ง หากเจ้าทำเช่นนี้ ยิ่งเท่ากับเจ้ายอมรับถึงความพ่ายแพ้ เข้าใจหรือไม่”

“เจ้าค่ะท่านแม่”

ฉีอี้หลินรับรู้ถึงอาการสั่นเทาของบุตรสาวดี นางเองก็ใช่จะนอนใจ เพราะแผนการที่วางไว้ เพียงข้ามคืนเหมือนทุกอย่างมันกำลังกลับตาลปัตรไปเสียหมด เมื่อพ่อสามีดูจะเห็นค่าของอำนาจมากกว่าหลานสาวอันเป็นที่รัก

“ท่านแม่ ท่านพี่ ไยท่านทั้งสองยังมิเข้าไปด้านในอีกเล่าขอรับ”

มู่เฉินอันเอ่ยขึ้น พร้อมก้าวเท้าเข้ามาหยุดยืนอยู่มิห่างจากผู้เป็นมารดาและพี่สาว ใบหน้าของเด็กหนุ่มนั้นตึงเครียดอย่างชัดเจน แม้ท่าทางและคำพูดจะดูนิ่งเพียงใดก็มิอาจปกปิดความรู้สึกภายในที่ปรากฏผ่านสีหน้าและแววตาในตอนนี้ไปได้

“เฉินอัน ควรเป็นแม่ที่ต้องถามเจ้ามากกว่า เจ้าเป็นคุณชายใหญ่ของบ้าน ไยยังมายืนอยู่ตรงนี้ เจ้าควรแสดงถึงอำนาจในมือที่มี มิใช่จะมาคอยหลีกถอยให้พวกสวะมันเสนอหน้าเอาดีเข้าตัว”

“ข้าแค่ทำธุระส่วนตัวอยู่ขอรับ พอดีรู้สึกปวดท้องหนักจึงเสียเวลานานไปหน่อยขอรับท่านแม่”

มู่เฉินอันเอ่ยอ้างสิ่งที่ตนรู้ดีว่ามันมิใช่ความเป็นจริง ก่อนจะเลี่ยงหลบสายตาของมารดามองไปยังทิศทางอื่น เด็กหนุ่มถอนหายใจแรงเมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับคู่ปรับของตัวเอง ในสกุลมู่มีเพียงคนผู้นี้เท่านั้นที่หลายคนจำต้องยำเกรง แม้จะอายุยังไม่มากนัก แต่ด้วยความสามารถที่นับว่าเหนือกว่าเขาอยู่หลายเท่าตัว มู่เจาจึงกล้ามีปากเสียงในสกุลมู่ แม้จะเป็นบุตรชายคนโตของสกุลสายรอง

“มู่เจาคารวะท่านป้าสะใภ้ ท่านพี่อี้ชิ่ง น้องเฉินอัน” ชายหนุ่มวัยยี่สิบก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของสามแม่ลูก

“อ้อ! มู่เจา วันนี้ เจ้าก็ถูกเรียกมาร่วมอาหารค่ำที่จวนด้วยเช่นนั้นรึ”

ฉีอี้หลินเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะชายหนุ่มตรงหน้ามิได้พักอยู่ในจวนสกุลมู่ ด้วยบิดาของมู่เจานั้นรักในความเรียบง่าย จึงได้แยกตัวออกไปอยู่ยังที่ดินนอกกำแพงเมืองหลวง นาน ๆ ครั้งจะมาเยี่ยมเยียนผู้เป็นประมุขของบ้าน

สายรองเส้นนี้อย่างไรเล่าที่นางหวั่นเกรงว่าจะเป็นตัวเลือกที่พ่อสามีจะมอบอำนาจในมือให้ มู่จ้านคือบุตรชายคนโปรดเลยก็ว่าได้ ยิ่งฝีมือของมู่เจาผู้เป็นลูกมิแพ้ผู้เป็นบิดา ยิ่งเพิ่มความรักใคร่ให้แก่มู่ตงซินที่มีต่อครอบครัวของน้องสามีของนางหลายเท่าตัว

“แปลกที่ใดหรือขอรับ ท่านป้า หากท่านปู่จะเรียกข้ามาร่วมกินอาหารค่ำในคืนนี้”

“จะมากไปแล้วนะมู่เจา อย่างไร เจ้าก็เป็นหลาน มิควรยอกย้อนมารดาข้าเช่นนี้ เรื่องนี้ ข้าจะรายงานท่านปู่ให้ทราบอย่างแน่นอน”

มู่อี้ชิ่งเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มหยันของญาติผู้น้อง ความขุ่นเคืองยิ่งมีมากขึ้นตามลำดับ มู่เจานั้นมิใช่ได้รับความรักจากผู้เป็นปู่ แต่รวมไปถึงย่าแท้ ๆ ของนางด้วยเช่นกันที่รักใคร่ชายหนุ่มตรงหน้ามากกว่านางและน้องชาย

“ท่านพี่อี้ชิ่งช่างเก่งกาจในการฟ้องเหลือเกินนะขอรับ”

“หยุดได้แล้วมู่เจา ข้าเป็นถึงป้าสะใภ้ของเจ้านะ จะพูดจาอันใดก็รู้จักให้ความยำเกรงต่อกันเสียบ้าง หรือคิดว่าเป็นหลานชายคนโปรดของท่านย่า แล้วเจ้าจะใช้วาจาสามหาวกับข้าอย่างไรก็ได้”

ฉีอี้หลินเอ่ยจบแล้ว ทว่าเมื่อสบสายตารู้ทันของหลานชายของสามีจึงนึกขึ้นได้ว่า ชายหนุ่มตรงหน้าหาใช่แค่เป็นที่โปรดปรานของสกุลมู่ ทว่ายังเป็นคนที่มีข่าวลือว่าเป็นคนสนิทของฮ่องเต้ด้วย ใบหน้างามจึงเปลี่ยนจากท่าทีไม่พอใจเป็นแย้มยิ้มแทนที่ ยิ่งมองเห็นชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงพร้อมยกยิ้มอย่างมีความนัย ก็จำต้องปั้นหน้ากากน้ำมิตรให้มากที่สุด

“เอาเป็นว่าพอกันแค่นี้เถอะนะ หลานรัก ถึงอย่างไร เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแท้ ๆ จะมาโต้เถียงกันเพื่อสิ่งใด หืม?”

ฉีอี้หลินรีบเอ่ยตัดบทก่อนจะเกิดเรื่องราวใหญ่โตตามมา ยิ่งวันนี้มีแขกสำคัญมาเยือนจวน หากเกิดเรื่องขึ้นจนทำให้พ่อสามีเสียหน้า โทษหนักย่อมต้องมาลงที่นาง ผู้อาวุโสสุดในที่นี้อย่างแน่นอน

“ครอบครัวหรือขอรับ ท่านป้าคิดได้เช่นนี้จริงหรือขอรับ หากคิดได้จริง ไยท่านพี่หลงเทียน ท่านพี่หลินเซียนและน้องชิงชิงจึงถูกกำจัดออกจากสกุลมู่ โดยที่แม่แท้ ๆ เช่นท่านไม่คิดแม้แต่จะกางแขนปกป้อง ท่านทำเหมือนพวกเขาไม่ใช่ลูกที่ท่านอุ้มท้องมาเลยสักนิด หรือเพราะแค่พวกเขาทั้งสามไร้สามารถกันขอรับ”

“กำแหงนัก” ฉีอี้หลินเอ่ยเสียงลอดไรฟันด้วยคับแค้นใจ แต่มิอาจทำสิ่งใดได้มากกว่านี้

“อ้อ…พวกเจ้าสองพี่น้องก็ระวังตัวเอาไว้บ้างล่ะ เผื่อว่าสักวันเกิดไร้สามารถขึ้นมาแบบท่านพี่ทั้งสอง อาจต้องตายก็เป็นได้ เพราะเท่าที่ข้าเห็น พ่อแม่ของพวกเจ้าท่าทางจะรักตัวเองมากกว่าสายเลือด

ไร้ค่า หึ ๆ”

“จะ…เจ้า มู่เจา”

ทุกถ้อยคำของชายหนุ่มนั้นกระแทกใจของทั้งสามคนอย่างมาก มู่เจาไม่ได้สนใจที่จะสนทนากับคนเหล่านี้อีก เท้าหนาก้าวตรงไปยังจุดหมายที่ต้องไป โดยไม่ได้เหลียวกลับไปมองว่าทั้งสามจะเป็นเช่นไร หรือรู้สึกอย่างไรบ้าง เพราะมันมิได้สำคัญมากพอที่เขาจะเสียเวลาไปกับเรื่องราวเหล่านี้

“คุณชายควรสงบคำเอาไว้ให้มากนะขอรับ นายท่านบอกเอาไว้อย่างไร ลืมแล้วหรือขอรับ”

พ่อบ้านวัยกลางคนที่ติดตามผู้เป็นนายน้อยมายังจวนใหญ่ เอ่ยขึ้นเบา ๆ แม้จะพึงพอใจกับคำพูดของเจ้านายอยู่มากทีเดียว แต่อย่างไร ความปลอดภัยของคนตรงหน้านั้นย่อมสำคัญกว่าสิ่งใด

“ข้ารู้น่าท่านลุง ข้าแค่ไม่เข้าใจว่านางเป็นแม่ประเภทใดกัน ถึงได้รักบุตรลำเอียงได้ถึงเพียงนี้ หากเป็นบุรุษ ข้าจะมิแปลกใจเลยสักนิด แต่นางคือคนที่อุ้มท้องท่านพี่ทั้งสองมาด้วยตนเอง ไยจึงไร้ซึ่งเยื่อใยต่อพวกเขาถึงเพียงนั้นได้เล่า”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel