ตอนที่ 2 โตเป็นสาว
มาร์วินท์ ได้ฟังแบบนี้แล้วก็รู้สึกสงสารเด็กสาวขึ้นมาทันที และนึกไปในวันเกิดเหตุที่เด็กสาวเสียขวัญ และร้องไห้ เขาไม่ได้ไปเยี่ยมเธอเพราะคิดว่าเธอคงมีคนดูแลหรือมีญาติดูแลอยู่ จึงไม่ได้แวะเวียนไปหาเธอเลย คิดไม่ถึงว่าในเวลานี้เด็กสาวจะเหลือตัวคนเดียว เธอจะใช้ชีวิตและดำเนินชีวิตยังไงต่อไป
30 นาทีผ่านไป
“หวัดดี หวัดดี หวัดดี”เสียงตุ๊กตาพูดได้ทักทายเด็กสาว
เด็กสาวหันหน้าไปทางประตูทันที “คุณอา คุณอามาแล้ว ฮือ ฮือ”เด็กสาวหันหน้าไปมอง และยิ้มอย่างดีใจ แล้วร้องไห้ออกมา
“ไม่ร้องแล้วนะคะ คุณอามาแล้ว มีตุ๊กตามาฝากหนูด้วย”
“ฮือ ฮือ หนูรอคุณอาทุกวันเลย รอคุณอาพาหนูไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ คุณอาบอกว่าจะพาหนูไปเมื่อหนูมาถึงโรงพยาบาล ตั้งแต่วันนั้นหนูก็ไม่เห็นคุณอาอีกเลย หนูคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณอาอีกแล้ว”
“ต้องได้เจอสิคะ นี่ไง คุณอาก็มาแล้วไง เอาไว้รอหนูหายดีแล้ว คุณอาจะพาหนูไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ดีมั้ยคะ”
“คะคุณอา”
ชายหนุ่มเห็นสภาพร่างกายของเด็กสาวก็รู้สึกสงสารจับใจ เธอผอมลงไปมาก แววตามัวหมอง เขาจึงโทรติดต่อไปสถานีตำรวจเพื่อสอบถามข้อมูลของครอบครัวเด็กสาว เมื่อทราบเรื่องทั้งหมดแล้วก็ยิ่งรู้สึกสงสารไปอีก เพราะตอนนี้เธอเหลือตัวคนเดียวแล้ว เรื่องศพก็ไม่มีใครมาเซ็นรับ ไหนจะค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลของเด็กสาวอีก เขาจึงตัดสินใจรับอุปการะเด็กสาวคนนี้ และจัดการงานศพให้กับพ่อและแม่ของเธอด้วย
1 เดือนผ่านไป
วันนี้เป็นวันที่เด็กสาวจะได้ออกจากโรงพยาบาล และไปทำพิธีศพให้ผู้เป็นพ่อและแม่ เพราะมาร์วินท์ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เด็กสาวฟังแล้ว ถึงแม้เธอจะทำใจยอมรับไม่ได้ แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องยอมรับมัน
เมื่อทำพิธีศพเสร็จแล้ว มาร์วินท์ก็พาเด็กสาวไปซื้อเสื้อผ้า เพื่อเข้าไปอยู่ในบ้านกับเขา ทั้ง 2 พูดคุยกันและแนะนำตัวกัน โดยที่มาร์วินท์เป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพราะดูจากอารมณ์ของเด็กสาวยังอยู่ในอารมณ์เศร้าอยู่
“เดี๋ยวคุณอาจะพาหนูไปซื้อเสื้อผ้านะครับ แต่ตอนนี้เราต้องมาทำความรู้จักกันก่อนนะครับ ดีมั้ย”
“คะ”
“คุณอาชื่อมาร์วินท์ เรียกพี่วินท์ก็ได้ ตอนนี้พี่วินท์อายุ 25 ปี ที่บ้านพี่วินท์มีคุณแม่อยู่ด้วย ส่วนคุณพ่อของพี่วินท์ท่านก็เสียไปแล้ว เหมือนคุณพ่อของหนูไงครับ แต่พี่วินท์ต้องเข้มแข็ง เพราะเรายังต้องใช้ชีวิตต่อไป ส่วนหนูก็เหมือนกัน ต่อไปก็ตาหนูแล้ว แนะนำตัวให้พี่วินท์รู้จักหน่อยซิ พี่วินท์ยังไม่รู้จักหนูเลย”
“สวัสดีคะ หนูชื่อฮารุคะ หนูเป็นเด็กลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นคะ ตอนนี้หนูอายุ 10 ปีคะ ครอบครัวหนูพักอยู่บ้านเช่าคะ และที่บ้านหนูตอนนี้ไม่เหลือใครแล้วคะ ฮือ ฮือ”เด็กสาวพูดเสร็จแล้วก้มหน้าลงร้องไห้
“ไม่เป็นไร ตอนนี้หนูมีพี่วินท์อยู่นะคะ ต่อไปนี้พี่วินท์จะดูแลหนูเอง โอเครมั้ยคะ” มาร์โอบกอดร่างเด็กสาวแล้วปลอบโยนเบา ๆ
“ขอบคุณคะ คุณอา หนูขอเรียกคุณอาน่ะค่ะ”
“โอเคร ได้ เรียกฉันว่าอะไรก็ได้”
5 ปีผ่านไป
“คุณหนูคะ ตื่นได้แล้วคะ วันนี้ต้องไปรับคุณแม่ที่สนามบินนะคะ คุณชายรออยู่ที่ห้องอาหารแล้วคะ”ป้าบัวแม่บ้านเอ่ยขึ้น
“คะ ป้าบัว รบกวนบอกคุณอาหน่อยคะว่าอีก 5 นาทีหนูจะลงไป หนูกำลังแต่งตัวใกล้จะเสร็จแล้วคะ”
….ห้องอาหาร….
“คุณหนูแต่งตัวอยู่คะ อีก 5 นาทีจะลงมาคะ”
“งั้นก็ตักข้าวเลยครับ”
“มาแล้วคะ คุณอาหนูใส่ชุดนี้ไปรับคุณแม่ได้มั้ยคะ”เด็กสาวแต่งตัวใส่กางเกงยีนส์เสื้อกล้าม และสวมหมวกไปด้วย
“ตามใจแล้วกัน ไม่อยากจะพูดแล้ว ดื้อจริง ๆ เอาไว้หากคุณแม่เห็นโดนดุ อย่ามาให้ช่วยแล้วกัน” มาวินท์รู้สึกเหนื่อยใจกับนิสัยแก่นแก้วของเด็กสาว เพราะทุกวันนี้เธอไม่เหมือนผู้หญิงเลย แต่งตัวเหมือนกับผู้ชายเข้าไปทุกวัน เสื้อผ้าผู้หญิงที่ซื้อให้ก็ไม่เคยจะแตะ ยังแอบไปตัดผมสั้นเหมือนผู้ชายอีก ออกจะเป็นทอมบอยเข้าไปทุกวัน
….สนามบิน….
“นั่งเครื่องมา 13 ชั่วโมง เหนื่อยหรือเปล่าครับ ”มาร์วินท์ทักทายผู้เป็นแม่
“เมื่อยไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวเลย แล้วฮารุละ ไม่มาด้วยหรอ”
“ไปเข้าห้องน้ำครับ นั่นไงเดินมาพอดี” ชายหนุ่มชี้ไปทางด้านหลังของมารดา
“คุณแม่คะ สวัสดีคะ เมื่อยมั้ยคะ เดี๋ยวกลับไปถึงบ้านหนูจะนวดให้นะคะ หนูเป็นเด็กดีนะคะ คุณแม่ไม่อยู่หนูไม่ดื้อเลยคะ ใชามั้ยคะคุณอา”เด็กสาวพูดประจบและเข้าไปกอด ทำตัวดีและหันหน้าไปทางมาร์วินท์เพื่อให้ชายหนุ่มช่วยเสริมให้ เพราะกลัวสายสุนีย์ผู้เป็นแม่เลี้ยงดุเอา
“ไม่ต้องมาประจบแม่เลย ดูซิแต่งตัวอะไรเนี่ย เป็นสาวเป็นแส่ ทำไมมาแต่ตัวแบบนี้ ดู ๆ แล้วใส่หมวกผู้ชายทำไมแบบนี้ ไม่น่ารักเลย”สายสุนีย์พูดแล้วก็เอื้อมมือไปถอดหมวกออก
“ตายแล้ว ยัยฮารุ นี่ไปตัดผมทำไมแบบนี้ ตาวินท์ ทำไมไม่ดูน้องให้ดี ปล่อยให้น้องตัดผมแบบนี้ได้ยังไง ดูซินี่มันจะไม่ใช่ผู้หญิงแล้วเนี่ย”
“………”ฮารุเงียบได้แต่ยืนยิ้ม
“เพราะแม่ให้ท้ายไง เด็กคนนี้ถึงได้ซ่าแบบนี้ ผมพูดอะไรไม่ยอมฟังผมแล้ว เวลาผมสอนอะไร เด็กคนนี้ไปฟ้องแม่ตลอด แม่ก็เข้าข้างเธอตลอด แล้วยังไงละ ตอนนี้ไม่ฟังผมแล้ว”มาร์วินท์พูดอย่างเหนื่อยใจ
ตั้งแต่ที่ฮารุเข้ามาอยู่ในบ้านตระกลูคาลเวลล์ สายสุนีย์ก็รักและเอ็นดูเธอมาก เพราะสายสุนีย์ก็อยากมีลูกสาวเหมือนกัน แต่ไม่สามารถมีได้แล้ว ดังนั้นเมื่อสายสุนีย์ได้เห็นความน่ารักของฮารุ ก็รู้สึกถูกซะตา แล้วก็รักและเอ็นดูฮารุมาก แต่เพราะ 3 ปี ที่ผ่านมานี้สายสุนีย์ต้องอยู่ดูแลบริษัทที่ประเทศ N เป็นธุรกิจออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่นที่เขาสร้างมาด้วยตัวเอง และเป็นงานที่เธอรัก ตอนนี้ถึงแม้เธอจะอายุ 50 ปีแล้ว แต่ก็ยังดูสาวเหมือนคนอายุเพียง 40 ปี เท่านั้น
3 ปีมานี้ สายสุนีย์จะมีเวลากลับมาที่ฮ่องกงเพื่อมาหาลูก ๆ ได้ปีละ 2-3 ครั้งเท่านั้น แต่ละครั้งก็อยู่ไม่เกิน 10 วัน ดังนั้นฮารุจึงอยู่กับมาร์วินท์มากกว่า