ตอนที่ 1 อุบัติเหตุ
ในค่ำคืนที่มืดมิด มีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำให้ถนนลื่นและมีน้ำท่วมขัง จนเกิดแอ่งน้ำบนถนน เมื่อครอบครัวหนึ่งที่ขับรถกลับจากการไปส่งของที่ท่าเรือ และขับผ่านบนถนนเส้นนี้ประจำด้วยความเร็วปกติ แต่อยู่ ๆ ก็เกิดฟ้าร้องและฟ้าผ่าลงมากะทันหัน และผ่าใส่รถบรรทุกที่วิ่งสวนทางมาข้างหน้าด้วยความเร็ว เพราะเป็นทางโค้งและทางลงเขา จึงทำให้รถบรรทุกนั้นพุ่งมาชนกับรถยนต์กระบะของ 3 คน พ่อ แม่ ลูก นี้
เปี้ยง!!
เอียดดดดด!! โครมมมมมมม!!!
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนกันต่อเนื่อง 3 คัน ชายหนุ่มนักธุรกิจและผู้ช่วยที่ขับรถตามมาหลังรถกระบะของ 3 พ่อ แม่ ลูก เบรกไม่ทันจึงทำให้พุ่งชนท้ายอย่างจัง จนทำให้ชายหนุ่มและผู้ช่วยได้รับบาดเจ็บไปด้วย
เชี่ย!!! ผู้ช่วยที่เป็นคนขับรถสถบคำพูดออกมา
“นาย เป็นอะไรมั้ยครับ”
“ไม่เป็นไร ลงไปดูรถคันข้างหน้าก่อน และโทรแจ้งตำรวจและโรงพยาบาลด้วย”
“ครับ”
ทั้ง 2 คนรีบเปิดประตูรถลงไปช่วยเหลือคนที่ประสบอุบัติเหตุข้างหน้าทันที แต่เมื่อมาถึงรถกระบะชายหนุ่มต้องรู้สึกบีบหัวใจเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยที่ติดอยู่ในรถ
ชายหนุ่มพยายามที่จะช่วยเหลือดึงผู้บาดเจ็บภายในรถออกมา ฝนก็ตกหนักเรื่อย ๆ มีทั้งลม และเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าลงมาเรื่อย ๆ เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยในรถก็ยิ่งร้องอย่างหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้นตอนที่ได้ยินเสียงฟ้าผ่า
“หนูน้อย ไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวคุณอาจะช่วยหนูออกมานะคะ” ชายหนุ่มเอ่ยปลอบเด็กสาวที่ติดอยู่ภายในรถ
“ฮือ ฮือ คุณอาขา หนูกลัว พ่อจ๋า แม่จ๋า หนูเจ็บ หนูกลัว ฮือๆๆๆๆๆ” เด็กสาวร้องไห้ด้วยความเจ็บและหวาดกลัวปริ่มจะขาดใจ เธอร้องไห้จนคนฟังรู้สึกสงสารและสะเทือนใจเหลือเกิน
ชายหนุ่มช่วยเหลือชายหญิงออกมาก่อน ดูแล้วน่าจะเป็นพ่อแม่ของเด็กสาวคนนี้ เขาจับชีพจรดูแล้วก็คือทั้ง 2 คนนี้ได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุแล้ว ในเวลานี้คนขับรถบรรทุกก็ลงมาช่วยด้วย เด็กหญิงติดอยู่ภายในน่าจะโดนเบาะทับขาไว้ ชายหนุ่มจึงอ้อมไปข้างหลังรถกระบะและหาของแข็งมาทุบกระจกทางด้านหลังเพื่อจะช่วยเด็กสาว
เมื่อเขาทุบกระจกแล้ว ชายหนุ่มก็หมุดตัวเข้าไปข้างในรถเพื่อช่วยดึงขาเด็กสาวออก เพราะขาของเด็กสาวติดอยู่
“ฮือ คุณอาขา หนูเจ็บขา และหนูกลัวมาเลยคะ คุณอาช่วยหนูด้วยคะ” เด็กสาวเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นและยังร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ไม่ต้องกลัวแล้วนะคะ คุณอาเข้ามาอยู่ตรงนี้แล้ว เดี๋ยวคุณอาจะช่วยออกไปนะคะ หนูจะได้ออกไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ไงคะ”
“คะคุณอา”
ชายหนุ่มพยายามดึงขาเด็กน้อย แต่เขาก็ดึงไม่ได้เพราะเห็นไม่ชัดว่าขาของเด็กน้อยติดอยู่แบบไหน เพราะมันมืดเกินไป ฝนก็ตกหนักลงมาเรื่อย ๆ และจู่ ๆ เสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นอีกครั้ง เด็กสาวหวาดกลัวและตะโกนร้องไห้เสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง จนทำให้ชายหนุ่มนั้นโผลเข้าไปกอดเด็กสาวให้อยู่ในอ้อมกอด
“ไอดิน เอาไฟจากมือถือมาส่องตรงนี้ให้ที” ชายหนุ่มสั่งผู้ช่วยของเขา
เมื่อได้แสงไฟแล้วชายหนุ่มก็รีบช่วยเหลือเด็กสาวทันที เมื่อเขาช่วยเด็กสาวออกมาแล้ว รถตำรวจและรถพยาบาลก็มาพอดี
“ผู้ประสบอุบัติเหตุออกจากรถมาหมดแล้วครับ 2 คนนั้นไม่มีชีพจรแล้ว ส่วนเด็กคนนี้กระดูกขาน่าจะหักเพราะโดนเบาะทับ” ชายหนุ่มแจ้งแก่พยาบาลและตำรวจ
ชายหนุ่มแจ้งข้อมูลเบื้องต้นให้แก่ตำรวจ และให้ไอดินผู้ช่วยของเขาแจ้งข้อมูลต่อเกี่ยวกับอุบัติเหตุในครั้งนี้ด้วย โดยมีคนขับรถบรรทุกอยู่แจ้งสอบปากคำในนั้นด้วยเช่นกัน
“คุณอา หนูจะไปหาคุณพ่อกับคุณแม่คะ” เด็กสาวร้องไห้และยังคงจับมือชายหนุ่มไว้ไม่ยอมปล่อย
“เดี๋ยวเราไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ที่โรงพยาบาลกันนะคะ ตอนนี้หนูต้องขึ้นรถไปกับคุณพยาบาลก่อนนะคะ เพราะหนูต้องไปทำแผลนะคะ” ชายหนุ่มพูดปลอบอย่างอ่อนโยน
“หนูกลัว คุณอาอยู่กับหนูได้ไหมคะ ฮือ ฮือ”
ชายหนุ่มสงสารเด็กสาว เขาจึงขึ้นรถพยาบาลไปกับเด็กสาวด้วย เพราะยังไงเขาก็ต้องไปทำแผลเหมือนกัน ตอนแรกเขาคิดว่าจะให้ลูกน้องมารับ แต่เพราะเด็กสาวที่น่าสงสารคนนี้ เขาจึงใจอ่อนยอมไปรถพยาบาลกับเธอ และให้ไอดินจัดการเรื่องที่เกิดเหตุแทน
“ไอ้เคน ฉันกำลังไปโรงพยาบาล ให้คนเตรียมพร้อมด้วย ต้องมีการผ่าตัดด่วน” ชายหนุ่มโทรหาเพื่อน เหมือนเป็นคำสั่ง
“เดี๋ยวนะ นี่แกเป็นอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้น เพราะวันนี้กูไม่ได้เข้าเวร”
“กูให้เวลามึง 10 นาที ไม่งั้นกูจะถอนหุ้น 50 % ของกูออกจากโรงพยาบาลมึงทั้งหมด”
“โธ่ไอ้วินท์ กูต้องรีบไปอยู่แล้ว เพื่อนขอทั้งที”
เหตุที่มาร์วินท์ต้องโทรให้เคนมานั้น เพราะเคนเป็นหมอกระดูกที่เก่งที่สุด และมาร์วินท์เองเป็นหุ้นส่วนในโรงพยาบาลนี้ด้วยเช่นกัน
เวลาผ่านไป 7 วัน เด็กสาวนอนอยู่โรงพยาบาลด้วยความโศกเศร้าที่เสียพ่อและแม่ไป เธอไม่ยอมกินอะไรเลย จนเธอเริ่มผอมลง ระหว่างที่อยู่โรงพยาบาลเธอไม่มีใครมาเยี่ยม เพราะเธอไม่มีญาติที่ไหนเลยสักคน ศพของพ่อกับแม่ก็ยังอยู่ในห้องเย็นของโรงพยาบาล เพราะไม่มีใครมาเซ็นรับศพไปทำพิธี
เช้าวันนี้เคน หมอหนุ่มได้เข้ามาตรวจอาการของเด็กสาว เพราะหลังจากวันนั้นที่ผ่าตัดขาให้เธอก็ไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลนี้อีกเลย เพราะต้องไปประชุมที่ต่างประเทศ เมื่อมาเห็นเด็กสาวที่ดวงตาหมองหม่นและโศกเศร้า รวมถึงร่างการที่ซูดผอมลงก็ทำให้เขาต้องรู้สึกหดหู่ใจเหมือนกัน
“สวัสดีครับ สาวน้อย วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ หนูยังเจ็บขาอยู่หรือเปล่าคะ” เคนพูดและส่งยิ้มให้เด็กสาว
“คุณอาหมอคะ คุณอาใจดีที่ช่วยหนูไว้ไปไหนแล้วหรอคะ หนูไม่เห็นคุณอาใจดีเลยคะ คุณอาบอกว่าจะพาหนูไปหาคุณพ่อกับคุณแม่เมื่อมาถึงโรงพยาบาล นี่ตั้งหลายวันแล้ว หนูไม่เจอคุณอาเลยคะ” เด็กสาวเอ่ยเสียงแหบเบาอย่างน้อยใจ และน้ำตาคลอเบ้าอย่างน่าสงสาร
“งั้นหรอ คุณอาใจดีคนนั้นอาจจะติดธุระอยู่ก็ได้ ถึงไม่ได้มาเยี่ยมหนู เดี๋ยวลุงหมอจะบอกเขาให้นะคะ”
“ขอบคุณคะ”
“แต่ตอนนี้หนูต้องกินข้าวและกินยาก่อนนะคะ จะได้หายเร็ว ๆ และจะได้ไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ไงคะ”
“คะ”
หลังจากตรวจคนไข้เสร็จแล้วเคนก็โทรหามาร์วินท์ทันที เพื่อเล่าเรื่องของเด็กสาวให้ฟัง
“ไอ้วินท์ มึงว่างรึเปล่าวะ มาโรงพยาบาลหน่อยดิ”
“กูไม่ว่าง มึงมีอะไรถึงต้องให้กูไปหา”
“ก็เด็กที่มึงช่วยไว้เมื่อ 7 วันก่อนไง ตอนนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เด็กคนนี้ไม่มีญาติเลยสักคน ตำรวจบอกว่าครอบครัวนี้มาจากประเทศไทย และมาตั้งรกรากอยู่ที่ฮ่องกงนี้เมื่อ 10 ปีก่อน ไม่มีญาติเลย เด็กคนนั้นไม่กินข้าว แววตาโศกเศร้ามาก และถามถึงแกด้วย แม่งกูเห็นแล้วสงสารเลยวะ”
“เอ่อ อีก 30 นาที กูไป”