บทที่ 1
“ฮะแม่ ไว้ยังไงแน็ตจะโอนไปให้นะฮะ ทางบ้านเรียบร้อยดีนะฮะ”
เสียงใสๆ ที่พยายามดัดให้เป็นเสียงห้าวกว่าเสียงปรกติของสตรี ดังสนทนากับปลายสาย ขณะที่มือบางเอื้อมเปิดประตูห้องของตนเองไปด้วย บนบ่ามีกระเป๋าเป้ใบค่อนข้างใหญ่ สะพายอยู่ เมื่อเข้าไปในห้องพักได้ เจ้าตัวก็โยนโครมไปยังทิศทางที่แน่ใจว่าเป็นเตียงนอนทันที ก่อนจะควานหาสวิตซ์ไฟที่อยู่ตรงข้างประตูห้อง
“เรียบร้อยดีจ้ะ ขอบใจแน็ตมากนะ พอดีเดือนนี้พี่โจเค้าหมุนเงินไม่ทันจริงๆ” ปลายสายหลุดชื่อคนที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนออกมา ทำให้แน็ต หรือรินพร ถึงกับย่นคิ้ว แล้วยืนท้าวเอวทันที เสียงของเธอที่กรอกลงไปนั้น ฟังดูห้าวห้วนมากขึ้น
“พี่โจไหนอีกล่ะแม่ แฟนใหม่แม่หรือไงกัน นี่แม่มีแฟนใหม่อีกแล้วเหรอ แล้วไอ้ เอ๊ย! นายนพอะไรนั่นล่ะ มันหายไปไหนแล้ว สูบแม่จนหมดตัวแล้วหรือไง”
“แหม...แน็ต มันไม่ได้ร้ายแรงขนาดที่แน็ตคิดไว้หรอกน่า เอาเถอะอย่ามายุ่งเรื่องของแม่เลย พี่โจเป็นคนดี ไม่เหมือนไอ้นพนั่นหรอก แน็ตไม่ชอบเค้าไม่ใช่หรือไง แม่ก็เลิกกับเค้าแล้วนี่”
“แม่เพลาๆ บ้างเถอะฮะ แน็ตอยากให้แม่ดูคนดีๆ ก่อนจะเลือก ไม่ใช่นึกจะคว้าใครมาแก้เหงา ก็คว้ามา ระวังจะเสียใจร้องไห้อีก”
“เจ้าแน็ต นี่ฉันเป็นแม่แกนะ แกไม่มีสิทธิ์จะมายุ่ง!”
เมื่อโดนบุตรสาวดุมากๆ เข้า ระรินก็เริ่มโมโหขึ้นมาบ้าง ที่แม่ลูกสาวตัวดีกล้ามายุ่งวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของเธอมากขนาดนี้ ใช่! เธอเหงา เธอจึงไขว่คว้าหาความรัก จากเพศที่เธอคิดว่าจะปกป้องเธอได้ แม้ว่าบางคนจะไม่ดีอย่างที่เธอคิดก็ตาม เธอก็แค่เสียใจ และเลิกรากันไปเท่านั้นเอง ซึ่งมันก็หัวใจของเธอ และเงินของเธอ ระรินคิดว่ารินพรไม่มีสิทธิ์จะมาสั่งสอนดุว่าเธอแบบนี้
“เข้าใจว่าแน็ตไม่มีสิทธิ์จะยุ่ง แต่แน็ตก็แค่หวังดี ไม่อยากให้แม่เจ็บ ไม่อยากให้แม่เสียเงินทอง ไปกับไอ้พวกผู้ชายที่มันชอบมาหลอกเกาะผู้หญิงกิน”
“มันเรื่องของฉัน เห็นว่าฉันมาขอเงินแกหรือไง ถึงมาสั่งสอนกันแบบนี้ ไม่อยากให้ก็ไม่ต้องให้นะ ฉันไม่เอาของแกก็ได้”
“เดี๋ยวสิฮะ แม่ แม่ โธ่โว้ย!” เมื่อปลายสายตัดการสนทนาไปเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ฟังเธออีกเลย ทำให้รินพรถึงกับตะโกนออกมาอย่างโมโห เธอโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้บนเตียงนุ่ม พลางโถมตัวลงบนเตียงนอน แล้วก่ายหน้าผาก ก่อนจะมองเพดานห้องสีขาวที่ไม่ใคร่จะสะอาดนัก เพราะเธอไม่ค่อยมีเวลาดูแลเก็บกวาด
รินพรหลับตา พลางถอนใจเฮือกใหญ่ การสนทนาระหว่างเธอกับมารดา ทำไมมันต้องจบลงแบบนี้ทุกคราด้วยนะ ไม่เคยมีสักครั้งที่จะพูดคุยกันได้ด้วยดี แม้ว่าเธอจะเป็นห่วงมารดามากก็ตาม หรือการที่เธอทำตัวเป็นสาวห้าว ไม่สมกับเป็นผู้หญิงในสายตาของท่าน ไม่เหมือนกับรินใจน้องสาว ทำให้ระรินตั้งป้อมกับรินพร ถึงขนาดสั่งให้รินพรเลิกทำตัวแบบนี้ แต่เธอก็ไม่อยากเลิก นั่นก็เพราะ ‘บางอย่าง’ มันคอยย้ำเตือนให้เธอเกลียดการเป็นผู้หญิง และเธอรังเกียจเพศชาย เพศที่คอยแต่ตักตวง หาความสุขใส่ตัว พวกผู้ชายแย่งความรักไปจากเธอ เพราะมารดาของเธอ ท่านไม่เคยมาสนใจไยดีเธอ ก็เพราะมัวแต่ไปไขว่คว้าหาความรักจากผู้ชายพวกนั้น เมื่อคิดแบบนี้มากเข้า ทำให้รินพรกลายเป็นฝ่ายที่อยากจะปกป้องเพศเดียวกันแทน
เธอเลือกที่จะเป็นสาวห้าว พยามทำทุกอย่างให้ตัวเองไม่เหมือนผู้หญิง แม้ใจลึกๆ แล้วรินพรจะยังมีความเป็นหญิงสาวซ่อนอยู่ เธอเลือกที่จะคบหากับสาวๆ ที่มากรี๊ดมาปลื้มเธอ ทำให้รู้สึกดีที่ได้รับความรัก แม้บางครั้งมันจะเหมือนการหลอกตัวเองก็ตามที
รินพรไม่อยากเป็นเหมือนระริน ปมด้อยอันนี้ทำให้หญิงสาวเลือกเดินทางเลี่ยงออกมายังเส้นทางนี้ เส้นทางของความรักของรินพร มันคงจะเป็นความรักที่ปราศจากผู้ชาย เธอจะไม่ยอมให้พวกผู้ชายเห็นแก่ตัว มาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอเป็นอันขาด รินพรบอกกับตัวเองอย่างหนักแน่น
เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังขึ้นในเวลาเกือบค่อนดึก หลังจากที่รินพรเผลองีบไปได้สักพัก ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้ง ก่อนจะควานหามันไปรอบๆ เมื่อพบแล้วก็กดรับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“อืม...”
“ไอ้แน็ต นี่ตรีนะโว้ย! ถึงบ้านหรือยังวะ”
“เอ่อ...”
รินพรกะพริบตาปริบๆ พลางปิดปากหาว เธอค่อยๆ ลุกขึ้นมาแล้วเกาศีรษะแรงๆ ตรีทศเพื่อนสนิทของเธอนั่นเอง ที่โทรมาหาในเวลาแบบนี้ รินพรหยีตาแล้วมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงข้างฝา เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว
ไอ้เพื่อนบ้าจะมาห่วงว่า เธอถึงหอพักหรือเปล่าในเวลาแบบนี้ทำไมกัน เธอเพิ่งจะไปพักผ่อนกับบรรดาเพื่อนสนิทที่พังงามา เป็นการท่องเที่ยวที่น่าจดจำมากเพราะมีทั้งความสนุก และ...
คิดมาถึงตรงนี้เจ้าตัวก็เม้มปากแน่น มือเผลอไล้ริมฝีปากนุ่มอย่างไม่ตั้งใจ หน้าใสแดงเรื่อ
“เออ...ถึงแล้วก็จะได้ไม่เป็นห่วงว่ะ นึกว่าเอ็งยังไม่ถึง เป็นห่วงอย่างแรงเลย” ปลายสายหัวเราะร่วน แถมพูดประโยคท้าย ที่บอกได้ชัดเลยว่าเจ้าตัวเป็นคนภาคไหน ที่ติดสำเนียงทองแดงแบบนี้ รินพรกระแอม พลางเอ็ดเพื่อนสนิทเสียงแหว
“เพิ่งจะมาห่วงตอนเที่ยงคืนนี่นะไอ้บ้าตรี เอ็งไม่เป็นห่วงข้าสักตอนตีสามล่ะ ว่าถึงบ้านหรือยัง”
“ก็คนเพิ่งจะตื่นนี่หว่า นึกได้ปุ๊บเป็นห่วงปั๊บเลย ถ้าตื่นตีสามข้าก็จะโทรตอนตีสามว่ะ” ตรีทศตอบด้วยน้ำเสียงระรื่น
รินพรกำลังคิดในใจว่า ถ้าอยู่ใกล้ๆ คงได้ประเคนอะไรใส่หัว หรือตัวกันสักตุ๊บสองตุ๊บ ข้อหากวนประสาทกันยามค่ำคืน
“งั้นแค่นี้นะ จะนอนแล้ว เลิกเป็นห่วงได้แล้ว ถึงบ้านเรียบร้อยโว้ย!”
“เออ ดีๆ งั้นนอนได้แล้ว ข้าก็จะนอนแล้วเหมือนกัน พรุ่งนี้เจอกันว่ะเพื่อน สงสัยเราต้องลุยงานกันสองคน เพราะไอ้ป๋องมันลาพักร้อน”