บทที่ 6 พวกเรามาพูดคุยกัน
พอมุกดาเงยหน้าขึ้นมา เธอก็พบว่าห้องที่หมอและพยาบาลกำลังรีบวิ่งเข้าไปนั้น ที่แท้ก็คือห้องของพ่อเธอนี่เอง เธอจึงรีบวิ่งเข้าไป
“ให้ออกซิเจน วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ฉีดยา” คุณหมอท่านหนึ่งกำลังดำเนินการช่วยชีวิตพ่อของมุกดาไปตามลำดับ
มุกดาผลักนางพยาบาลที่อยู่ด้านหลังออก จากนั้นเธอก็เข้าไปใกล้
“คุณหมอ พ่อของฉันเป็นอย่างไรบ้าง?” น้ำเสียงของมุกดาแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
“อย่าเสียงดัง ไม่เห็นเหรอว่าคุณหมอกำลังพยายามช่วยชีวิตอย่างเต็มที่อยู่?” พยาบาลคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดกับมุกดา
มุกดาเองก็เห็นว่าหมอที่กำลังช่วยชีวิตอยู่คนนั้นมีเหงื่อออกที่หน้าผากเต็มไปหมด ถึงแม้จะสวมผ้าปิดปาก แต่ก็พอจะมองออกว่าเขาดูมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
มุกดาจึงไม่พูดอะไรชั่วคราว เธอเพียงแค่มองบิดาที่กำลังถูกเข็มเหล่านั้นทิ่มแทงไม่หยุดด้วยความเป็นห่วง แล้วยังมีคนใส่ท่อและอุปกรณ์มากมายหลายชนิดให้กับพ่อของเธออีกด้วย
เธออยากจะร้องไห้ แต่ยังไม่ทันจะได้ร้อง ก็มีคนตบลงเบาๆ ที่ไหล่ของเธอ
“คุณช่วยออกมาหน่อยครับ” คุณหมอให้มุกดาออกมาสักครู่
มุกดามองบิดาแวบหนึ่ง แล้วค่อยตามคุณหมอคนนั้นออกไป
“คุณเป็นญาติของคนไข่ใช่ไหมครับ?” ในมือของคุณหมอมีแฟ้มประวัติคนไข้อยู่ เขาเปิดแฟ้มออก แล้วมองดูรายละเอียดด้านใน
“ค่ะ ใช่ค่ะ ฉันเป็นลูกสาวของคนไข้” มุกดาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาในเวลานี้
“อ้อ อย่างนั้นก็ดี ผู้ป่วยไม่มีค่ารักษาแล้ว รบกวนคุณช่วยไปจ่ายสักหน่อย ไม่อย่างนั้นพวกเราก็จะสละการช่วยชีวิตในครั้งหน้า”
คุณหมอทำสีหน้านิ่ง ๆ แล้วพูดกับมุกดา
ในเวลานี้มุกดาไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท สิ่งของของเธอก็ยังอยู่ในโรงแรมที่ทำให้เธอเสียใจนั้น
“ประมาณเท่าไหร่คะ?” มุกดาเอ่ยถาม ถ้าหากไม่เยอะละก็ เธอก็สามารถไปหยิบยืมจันวิภาชั่วคราวก่อนได้
“จ่ายมาก่อนหนึ่งแสนก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นก็คงใช้ได้ไม่นานสักเท่าไหร่ ผู้ป่วยยังอาการไม่คงที่ จำเป็นต้องให้ยาจำนวนมากเพื่อรักษาชีวิตของเขา ผมขอแนะนำให้คุณรีบให้เขาทำการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจโดยเร็วที่สุด หากเป็นอย่างนั้นผู้ป่วยก็จะได้ทรมานน้อยลง”
คุณหมอรู้สึกหมดคำพูดกับคนไข้รายนี้แล้ว เป็นอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้คนรู้สึกตกใจบ่อยๆ
“อย่างนั้นฉันจะไปคิดหาวิธีแล้วกัน” มุกดาไม่ได้ถามต่อ โรงพยาบาลเคยแจ้งให้ทราบตั้งนานแล้วว่าพวกเขาเตรียมที่จะทำการผ่าตัดให้คุณพ่อ แต่เงินก้อนนั้นมุกดาหามาไม่ได้จริงๆ หนึ่งแสนในตอนนี้ ทำให้เธอปวดหัวเสียจริง
พอคุณหมอพูดจบแล้ว ก็ไม่ได้รอเธอตอบกลับ เขาก็เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยและเข้าไปดูอาการของคนไข้แล้ว
จะทำอย่างไร จะทำอย่างไรดี จะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหน ถึงแม้จะไปยืมจันวิภา จำนวนหนึ่งแสนก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร แต่ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดหลักล้านนั่นล่ะ ต่อให้เธอขายบ้านของครอบครัวไป ก็ยังไม่พอเลย ยิ่งไปกว่านั้น บ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่แม่ของเธอทิ้งเอาไว้ คุณพ่อจะต้องไม่ยอมให้ขายแน่นอน
หลังจากที่ล้มละลาย สมบัติของตระกูลแก้วสุทธิก็ถูกยึดเอาไว้หมดแล้ว แต่ยังมีคอนโดที่เป็นชื่อแม่ของเธอเหลืออยู่ แต่คุณน้าก็กำลังอาศัยอยู่ในคอนโดนั้น
“โอ๊ย!” มุกดาร้องออกมาคำหนึ่ง เธอดึงผมด้วยเองอย่างแรง เธอใกล้จะเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ ทำไมเรื่องทุกอย่างจะต้องมาเกิดวันนี้ด้วย ให้เธอพักหายใจหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?
“คุณมุกดา” หลังจากที่มุกดาร้องออกมาแล้ว ก็มีเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ
มุกดาเงยหน้าขึ้น มองดูคนที่อยู่เหนือหัวคนนั้น เธอมั่นใจเลยว่าไม่รู้จักแน่นอน เธอเลยหันหน้าไปมองทางอื่น แต่ก็ไม่มีคนเลย ที่ด้านข้างห้องน้ำนี้ มีเพียงเธอที่นั่งย่อง ๆ อยู่ตรงนี้
มุกดาลุกขึ้นมา แล้วถามชายคนนั้นด้วยความสงสัย
“คุณเรียกฉันเหรอคะ?” นัทธ์อดคิดไม่ได้ว่าสายตาของคุณชายตนเองเปลี่ยนไปแล้วใช่หรือไม่ ผู้หญิงตรงหน้านี้ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หนำซ้ำยังสวมชุดราตรีแปลกพิลึกบนตัวอีก ดวงตาแดงช้ำและที่สำคัญใบหน้าก็บวมด้วยเช่นกัน สกปรกมอมแมมมากแค่ไหนก็สกปรกได้เท่านั้นแหละ
ผู้หญิงแบบนี้เนี่ยนะที่คุณชายจะแต่งเข้าตระกูล? ถึงแม้นัทธ์จะคิดอยู่ในใจ แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงอ่อนโยนอยู่เหมือนเดิม
“ครับคุณมุกดา ผมคิดว่าพวกเราต้องคุยกัน”