เงียบทำซากไร
หลายเดือนก่อน...
"พี่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมก็พูดมาเลย" ผมถามพี่สงครามหลังจากที่เขาส่งซิกให้ผมให้เดินตามเขาออกมาผมก็เลยเดินตามมา ดูเหมือนเขามีเรื่องจะคุยกับผมแบบตามลำพังไม่ให้ใครรู้ ผมเดินตามพี่สงครามจนมาถึงสระน้ำเพราะตรงนี้มันเงียบไม่มีใครเดินผ่านเนื่องจากว่าตอนนี้มันดึกมากแล้ว อ่อผมลืมบอกไปว่าวันนี้เป็นวันเลี้ยงส่งสองแฝดนับรบกับขุนพลไปเรียนต่ออังกฤษของขวัญก็เลยจัดงานเลี้ยงแล้วก็ชวนผมกับยัยฟรังมาด้วย ผมยืนรอให้พี่สงครามพูดแต่เขาก็ไม่ยอมพูดสักทีเอาแต่ถอนหายใจอยู่นั่นจนผมรำคาญก็เลยถาม
"กูจะถามมึงเกี่ยวกับเรื่องของลูกสาวกู"
"พี่หมายถึงยัยข้าวเหรอ??"
"แล้วมึงคิดว่ากูมีลูกสาวกี่คน ก็ต้องเป็นยัยข้าวไหมวะไอ้นี่ถามโง่ๆ" ผมลอบถอนหายใจก่อนจะถามกลับไป
"พี่จะถามอะไรก็ถามมา"
"กูมีคำถามที่อยากจะถามมึงมานานละแต่ไม่มีโอกาสสักที แต่มึงก็ต้องตอบกูตรงไปตรงมาห้ามโกหกเข้าใจไหม"
"ถามมาสักทีเหอะ"
"โอเค สิ่งที่กูอยากจะถามมึงก็คือว่ามึง....คิดอะไรกับยัยข้าวลูกสาวกูหรือเปล่า"
"คิด??คิดอะไร"
"ไอ้เหี้ยนี่มึงไม่เข้าใจที่กูถามเหรอ"
"ใช่ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆพี่ถึงมาถามคำถามนี้กับผม"
"เพราะกูเป็นผู้ชายแถมยังเกิดก่อนมึงมาตั้งห้าปีกูดูออกเวลาที่มึงมองน้องข้าวสายตาที่มึงมองมันไม่ใช่สายตาของอาที่มองหลานแต่มันเป็นสายตาของผู้ชายคนหนึ่งที่มองผู้หญิงคนหนึ่งมึงคิดอะไรเกินเลยกับลูกสาวกูใช่ไหมมึงรักลูกสาวกูใช่ไหมไอ้เฟยมึงตอบความจริงมาเดี๋ยวนี้"
".........."
"ตอบดิเงียบทำซากไร" ที่ผมเงียบเพราะผมตั้งตัวไม่ทันไม่คิดว่าพี่สงครามจะถามตรงไปตรงมาแบบนี้อีกทั้งยังมองออกขนาดนั้นแแต่ผมไม่สามารถยอมรับได้ว่าผมเองก็รู้สึกกับข้าวไม่ต่างกันกับที่เธอรู้สึก ผมอายุขนาดนี้แล้วผ่านผู้หญิงมาก็เยอะทำไมผมจะไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ผมมีให้ขวัญข้าวมันคือความรู้สึกแบบไหนแบบอาหลานหรือแบบชู้สาวแต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างที่ต่างกันเกินไปไม่ว่าจะอายุการใช้ชีวิตนิสัยใจคอเราสองคนต่างกันมากผมอายุเท่าไหร่ข้าวอายุเท่าไหร่ถึงผมจะรู้สึกแต่มันก็ไม่สมควรไหมผมอายุตั้งสามสิบแปดแล้วยัยข้าวเพิ่งอายุสิบแปดอนาคตของเธอยังอีกไกลยังต้องเจอใครอีกเยอะได้เจอผู้ชายดีๆที่อายุพอๆกันกับเธอเข้ากันได้ไม่ใช่คนแก่แบบผม ในความรู้สึกของเธอผมอาจจะเป็นแค่ความผูกพันความเคยชินก็ได้ ผมยอมรับว่าผมกลัวกลัวว่าสักวันจะเสียเธอไปถ้าวันนึงเธอเจอคนที่ใช่สำหรับเธอจริงๆแล้วผมจะทำยังไงผมไม่อยากอกหักเสียใจตอนแก่หรอกนะ
"เงียบทำไม หรือมึงจะปฏิเสธว่าที่กูพูดไม่ใช่เรื่องจริง"
"ใช่มันไม่ใช่เรื่องจริงผมไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับลูกสาวพี่ ผมเห็นยัยข้าวมาตั้งแต่เด็กหรือจะตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้สำหรับยัยข้าวเธอเป็นได้แค่หลานสาวของผมเท่านั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้" ผมจำเป็นต้องพูดแบบนั้นเพื่อให้พี่สงครามสบายใจเพราะคงไม่มีพ่อคนไหนอยากให้ลูกสาวของตัวเองมีคนรักอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตัวเอง
"มึงแน่ใจนะ??"
"อืมผมแน่ใจ"
"แต่มึงดูออกมึงรู้ใช่ไหมว่ายัยข้าวรู้สึกยังไงกับมึง" ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ผมรู้สิทำไมจะไม่รู้เธอแสดงออกอย่างชัดเจนไม่มีปิดบังขนาดนั้นว่ารู้สึกกับผมยังไง
"มึงยังดูออกแล้วมึงคิดว่าคนเป็นพ่ออย่างกูที่อยู่กับลูกทุกวันจะดูไม่ออกเหรอว่าลูกกูรักมึงแบบไหนอย่าว่าแต่กูเลยที่รู้ขนาดเจ้าแฝดยังรู้ทุกคนในบ้านก็รู้ถึงยัยข้าวจะไม่พูดไม่บอกก็ตาม เพราะแบบนี้กูถึงอยากรู้จากปากของมึงว่ารู้สึกยังไงกับลูกสาวกู แต่ในเมื่อมึงปฏิเสธว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับลูกสาวกูก็ไม่เป็นไร แต่กูมีเรื่องอยากจะขอร้องมึง"
"พี่จะขอร้องอะไร"
"กูอยากขอร้องมึงว่าต่อไปนี้มึงช่วยแสดงให้ยัยข้าวเห็นว่ามึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ ทำให้ลูกสาวกูตัดใจจากมึงให้ได้โดยเร็วที่สุดเพราะกูไม่อยากให้ลูกสาวถลำลึกมากไปกว่านี้กูทำใจไม่ได้ที่จะเห็นลูกสาวกูเสียใจยิ่งมึงเป็นรักครั้งแรก กูมั่นใจว่าลูกสาวของกุต้องผิดหวังเสียใจมากอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นมึงต้องทำให้ยัยข้าวเลิกรักมึงให้ได้ กูขอร้องมึงแค่นี้แล่ะ"
"ได้ผมจะทำตามที่พี่บอกก็แล้วกัน พี่มีเรื่องจะคุยกับผมแค่นี้ใช่ไหม"
"อืมแค่นี้แล่ะ"
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวเข้าไปข้างในก่อนนะ"
"เดี๋ยว"
"อะไรอีก"
"เอาเป็นว่ากูถามมึงแล้วนะไม่ใช่ไม่ถามแต่ในเมื่อมึงปฏิเสธว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับลูกสาวกูก็จะพยายามที่จะเชื่อ แต่กูอยากจะบอกมึงอย่างนะไอ้เฟย คนอย่างมึงอ่ะถึงจะเป็นพระเอกเล่นละครมาหลายเรื่องแต่เรื่องโกหกมึงโกหกไม่เนียนไปเรียนมาใหม่ซะนะ"
"โกหกอะไรแสดงไม่เนียนอะไรของพี่"
"หึมึงหลอกคนอื่นได้แต่หลอกตัวเองไม่ได้หรอกนะไอ้เฟย"
"ผมจะหลอกตัวเองไปเพื่อ?? พี่อย่าอาความคิดพี่มาตัดสินผมผมบอกว่าไม่ได้คิดก็คือไม่ได้คิด" ผมพูดอย่างหัวเสียเหมือนพี่สงครามจะให้ผมยอมรับให้ได้
"โอเคกูจะยอมเชื่อที่มึงพูดละกัน ในเมื่อมึงบอกว่ามึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับลูกกูก็ดีกูก็จะได้รู้ว่ากูควรจะฝากฝังลูกกูกับมึงในฐานะอะไร"
"ฝากฝังอะไร"
"อาทิตย์หน้ากูกับขวัญก็ต้องเดินทางไปพร้อมเจ้าแฝดกูก็เลยจะฝากยัยข้าวไว้กับมึง"
"แล้วทำไม่พาไปเรียนด้วยกันสามคนเลยล่ะทำไมถึงทิ้งยัยข้าวให้เรียนต่อที่นี่คนเดียว"
"เหอะ มึงคิดว่ากูไม่พูดไม่เกลี้ยกล่อมลูกกูเหรอ กูแทบจะกราบกรานแต่ยัยข้าวไม่ยอมท่าเดียวบอกจะเรียนต่อที่นี่เพราะไม่อยากห่างกับมึง มึงคิดดูห่างพ่อห่างแม่ห่างน้องได้แต่ห่างมึงไม่ได้ เหอะกูล่ะเชื่อลูกกูเลย"
"แล้วทำไมพี่ไม่บังคับล่ะพูดแบบเด็ดขาดไปเลยสิ" ที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะว่าถ้าข้าวไปเรียนต่อเมืองนอกกับน้องๆซึ่งก็น่าจะหลายปีมันอาจจะทำให้เธอลืมผมได้ง่ายขึ้น
"มึงพูดเหมือนไม่รู้จักลูกสาวกู ไม่รู้ล่ะในเมื่อลูกกูไม่ยอมไปเพราะมึงเป็นต้นเหตุเพราะฉะนั้นมึงก็ต้องรับผิดชอบด้วยการดูแลลูกสาวของกูในฐานะ อากับหลาน"
นั่นคือคำพูดของพี่สงครามที่พูดก่อนจะเดินทางไปอังกฤษ
...............................