ตอนนที่ 1 ย้ายเข้า
ข้าวของวางระเกะระกะ บริเวณหน้าลิฟต์ พะพิมไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี
“ให้ช่วยถืออะไรไหมคะ” เธอพยายามเดินเข้าไปถามพี่ ๆ พนักงานบริษัทขนย้าย
“ไม่เป็นไรครับ เท้าคุณเจ็บอยู่แค่นั่งเฝ้าของให้ก็พอ” เสียงพี่พนักงานคนหนึ่งเอ่ย ไม่แม้แต่หันมามองเพราะดูจากข้าวของแล้วน่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30 นาที ในการขนย้ายจากชั้น 1 ขึ้นชั้น 6 ของก็มีเต็มรถกระบะทึบ และพวกเขามีนัดอีก 30 นาทีสำหรับลูกค้ารายต่อไปตอนนี้จึงจำเป็นต้องเร่งให้เสร็จ
หลังจากใช้เวลาขนของจนเสร็จ ข้าวของรกรุงรังเต็มห้องเพราะยังไม่ได้จัดแต่เธอคิดได้ว่ายังมีต้นไม้อยู่อีก 2 ต้นที่หายไป ต้นไม้ 2 ต้นนี้อยู่กับเธอมา 6 ปีจากต้นไม้นับเป็น 10 ๆ ต้น แต่เหลือเพียงไม่กี่ต้น 1 ในนั้นเธอก็เลือก 2 ต้นเพื่อเป็นตัวแทนความทรงจำจากตึกเก่า และความทรงจำจากเมื่อ 6 ปีก่อน
“สวัสดีค่ะ พี่คะเห็นต้นไม้ 2 ต้นที่ย้ายจากตึกเก่าไหมคะ” พะพิมโทรหาพี่พนักงานขนย้าย
“พิมคิดว่าเอาออกมาวางด้านนอกให้พี่ขนขึ้นรถแล้ว”
“อ๋อ เห็นครับแต่พี่ลืมเอาขึ้นไปให้น้องลองดูด้านหน้าของคอนโดพักได้ไหม”
“อ๋อ ได้เลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” พะพิมเดินเท้ากะเผลก ๆ ลงไปยังชั้น 1 แต่เมื่อไปถึงด้านหน้าของตึกก็ไม่มี เธอเดินหารอบ ๆ บริเวณจนไปถามพนักงานต้อนรับ จึงรู้ว่าเห็นนักษาถือกระถางต้นไม้ขึ้นไปห้องเมื่อกี้นี้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นของเธอไหม จนเธอขอร้องให้พนักงานต้อนรับ ช่วยดูกล้องวงจรปิดย้อนหลังจบพบว่า ต้นไม้นั้นเป็นของเธอจริง ๆ ขอดูหมายเลขห้องว่าใครกล้าขโมยต้นไม้ของเธอ
เมื่อมาถึงหมายเลขห้องหลังจากเคาะห้องไม่นานประตูก็เปิดออก
“มีอะไรเหรอ…ครับชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งใส่ชุดนักศึกษาเดินออกมาเปิดประตู
“คือ ฉัน..อืม พี่จะมาขอต้นไม้คืนได้ไหม”
“ต้นไม้เหรอ” ชายหนุ่มกลับเข้าไปในห้องตรงระเบียงก่อนจะยกกระถางต้นไม้ให้ดู
“ใช่ ๆ 2 ต้นนี้เป็นของพี่ ๆ ขอคืนนะ”
“ขอโทษนะครับ ผมนึกว่าไม่มีเจ้าของเห็นวางอยู่หน้าตึก ถามพี่พนักงานทำความสะอาดก็บอกไม่รู้” เขายกกระถางต้นไม้มาวางให้ไว้ตรงหน้า
“แต่ตอนนี้ต้นไม้อยู่ในห้องผม นั้นผมจะถือว่าผมเป็นเจ้าของ ถ้าหากพี่อยากได้ต้นไม้ 2 ต้นนี้ต้องแลกจูบกับผม
“ห๊ะ!”
“น้องว่าอะไรน่ะ พูดใหม่อีกทีได้ไหม” พะพิมเหมือนหูฝาด
“ผมจะพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย” นธีเดินไปใกล้หญิงสาวก่อนกระชากร่างบางจนกระเด็นไปในอ้อมกอดเขา แล้วรีบปิดประตู
“ผมบอกว่า ถ้าหากอยากได้ต้นไม้ต้องแลกกับจูบ” ไม่ทันพูดจบ2มือของนธีก็จับแก้มพะพิมล็อกไว้แล้วโน้มศีรษะกดเน้นตรงฝีปากเรียวบางทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมากไม่ถึง 5 วินาที พะพิมรีบผลักร่างสูงออก
“นี่นายทำบ้าอะไร” พะพิมผลักใบหน้าของนธีด้วยแรงที่มี
“ก็ค่าต้นไม้ไง”
“ค่าต้นไม้อะไร!!” น้ำเสียงโกรธจัด พะพิมเดินจ้ำอ้าวกลับห้องตัวเอง โมโหจนลืมไปว่าเท้าของตัวเองเจ็บ
“เดี๋ยวก่อน”เสียงนธีคอนโดบต้นไม้วิ่งตาม
“พี่ลืมต้นไม้…ครับ” รอยยิ้มร่าเริงอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่ม
“ไม่เอา จะเอาไปทิ้งที่ไหนก็เอาไป” พะพิมกดลิฟต์ย้ำ ๆ
“พอแล้วพี่เดี๋ยวมันก็ค้างหรอก ใจเย็น ๆ เดี๋ยวมันก็มา”
“ถอยไปห่าง ๆ อย่ามาใกล้ฉัน” พะพิมมองชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างตาขวาง
“คนอะไร ดุอย่างกะหมา” นธีบ่นเบา ๆ เขาเข้าลิฟต์เดินตามเธอจนมาถึงห้อง
“วางไว้ตรงนี้แล้วกลับไปได้แล้ว”
“ครับ” นธีทำตามอย่างว่าง่าย วางกระถางต้นไม้ลง แล้วเดินจากไป พะพิมมองนธีเดินหายลับไปจึงไขกุญแจห้อง
“ไอ้เด็กบ้า”
หลายวันผ่านไปที่อ่างแก้วมหาลัยเชียงใหม่
“เดินออกกำลังกายไม่ได้ แต่ก็ขอให้ได้ออกมารับแสงแดดหน่อยอยู่แต่ในห้องทั้งวัน” พะพิมนั่งบนม้านั่ง กางแขนออกรับแสงแดดอ่อนยามเช้าในเดือนมกราคม อากาศหนาวเย็นนิด ๆ กำลังเย็นสบาย ปีนี้ฝุ่นควันมาช้ากว่าทุกปีทำให้อากาศยังดีอยู่ แต่ก็น่าเสียดายเพราะก่อนหน้านี้เกิดอุบัติเหตุเส้นเอ็นร้อยหวานฉีกเพราะเกิดมาจากข้อเท้าแพลงขณะเดินออกกำลังกายจึงทำให้ไม่สามารถมาวิ่งหรือออกกำลังกายได้เหมือนแต่ก่อน
ในช่วงสาย ๆ ขณะที่กำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์จะกลับห้องพักอยู่ ๆ มอเตอร์ไซค์ก็ดันมาดับพอดี
“น้ำมันหมด!”
พะพิมนึกด่าตัวเอง ทำไมไม่ดูเข็มน้ำมันบ้างนะ จากนี้ไปปั้มประมาณ 2 กิโลเมตรถ้าหากเข็นคงไม่ไหวเท้าก็ยังเจ็บอยู่ สายตากำลังจดจ่อยุ่งอยู่กับสั่งแกร็บซื้อน้ำมันมาให้
“พี่รถเป็นอะไร เสียงที่ไม่ได้คุ้นชิน แต่น้ำเสียงที่กวน ๆ แบบนี้เธอจำได้