ตอนที่ 6 มึงชอบพี่พิม
หลายวันผ่านไปก็คงมีแต่สกายที่ยังคงแวะเวียนไปที่ห้องของพะพิมทุกวันพร้อมทั้งซื้ออาหารมาทานกับเธอในช่วงเย็น
“พี่วันนี้เราไปกินหมูกระทะกัน” สกายเอ่ยชวน ขณะที่ใบหน้าของหญิงสาวเมื่อได้ยินกลับมีสีหน้าตึงเครียดนิดหน่อยเพราะอีกไม่กี่วันเธอก็ต้องจ่ายค่าเช่าห้องแล้ว
“เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”
“ไม่ได้นะ กายเลี้ยงพี่ทุกวันแล้ว” เธอนึกโมโหตัวเองจริง ๆ ทำไมถึงได้จนขนาดนี้หรือว่าเธอจะละทิ้งความฝันแล้วไปทำงานประจำ”
“ไม่เป็นไรเลยพี่แค่นี้เองไม่กี่ร้อยแค่พี่ไปเป็นเพื่อนผม ผมก็ดีใจแล้วครับ” พะพิมทำหน้าครุ่นคิด
“ไม่ต้องคิดแล้วพี่ เราไปกันเลยเดี๋ยวคนเยอะ ร้านนี้เพิ่งเปิดใหม่ผมเห็นคนรอคิวเยอะเลย” สกายดึงมือของพะพิมลุกจากเก้าอี้ทำงาน
“วันนี้ผมขอขี่มอเตอร์ไซค์พี่นะ ผมเป็นคนขี่ พี่เป็นคนซ้อน”
“เดี๋ยวก่อนนะ คือกายเคยขี่ไหม” ชายหนุ่มส่ายศีรษะ
“แต่มันอันตรายมากเลยนะ รถมันเยอะ” พะพิมทำหน้าตกใจ
“พี่ลองเชื่อใจผมดูสักครั้งนะ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นผมรับผิดชอบเอง”
“เธอพูดแบบนี้ได้เหรอ ถ้าหากพี่ตายไปแล้วแม่พี่จะอยู่อย่างไร”
“ผมก็จะรับผิดชอบเลี้ยงดูแม่พี่ให้ไงครับ ฮ่า ๆ” พะพิมฟาดเข้าที่แขนของสกายหนึ่งที่ไม่ได้จริงจังอะไร
“น่ะ น่ะ พี่ ผมไม่เคยได้ขี่มอเตอร์ไซค์สักครั้งในชีวิตให้ผมลองดูหน่อยนะ สัญญาว่าจะไม่ขี่เร็ว” พะพิมไม่เคยใจแข็งกับสายตาที่ออดอ้อนของสกายได้เลยสักครั้ง
“ได้ค่า แต่ต้องขี่ช้า ๆ นะ”
“สัญญาครับ” ชายหนุ่มหยิบหมวกกันน็อตมาสวมให้เธอ ก่อนจะสวมให้ตัวเองแล้วบอกให้เธอกอดเอวเขาไว้ให้แน่น ๆ พะพิมได้แต่ภาวนาสวดมนต์ในใจ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นคงไม่ต้องไปโรงพยาบาลเข้าวัดเผาเลย แต่ผิดคาดมากดูเหมือนสกายจะขี่รถดียิ่งกว่าเธอด้วยซ้ำ
“กายขี่รถไม่เป็นจริง ๆ เหรอ เธออดจะถามไม่ได้”
“ฮ่า ๆ ขี่เป็นครับพี่แค่อยากลองใจพี่ดูเฉย ๆ ว่าพี่จะเชื่อใจคนอย่างผมไหม”
“โห เรื่องแบบนี้ต้องลองใจได้ด้วยเหรอ”
“ฮ่า ๆ ก็ความเชื่อใจกับคนไม่ค่อยรู้จักมันเป็นเรื่องหายากนี้ครับ”
“ค่ะ” เมื่อมาถึงร้านหมูกระทะที่เปิดใหม่ ผู้คนต่างนั่งรอเกือบ 40 คิว แต่ก็รอไม่นานมากเพราะทางร้านมีโต๊ะไว้รอบริการเยอะพอสมควร
“อ้าวนธี” สกายเอ่ยทักนธีที่นั่งโต๊ะถัดจากพวกเขา พะพิมหันหลังกลับไปมองเหมือนว่าเขาจะมากับผู้หญิงอีกคน
“คนนี้น่าจะเคยชอบนธีครับ แต่ก็ได้ข่าวว่าพวกเขาเลิกกันแล้ว” สกายอธิบายเมื่อเห็นใบหน้าของพะพิมหมองลง
“อย่างนั้นเหรอคะ แต่พี่ไม่ได้อยากรู้เลยสักนิด พี่ว่าเราไปตักอาหารกันดีกว่าคะ” พะพิมลุกขึ้นเดินเข้าไปห้องกระจกที่ทำไว้เป็นห้องเก็บอาหารตักหมูและผัก นธียังคงส่งสายตามองตามพะพิมเข้าไปด้านใน
“ธีจะเอาอะไร เดี๋ยวหมวยจะไปตักให้” เพื่อนสาวคนสนิทเสนอ
“ไม่เป็นไรหรอก เธอกินเลยเดี๋ยวเข้าไปตักเอง” นธีเดินเข้าไปในห้องกระจกที่ภายในวางอาหารอยู่เต็มไปหมด เขายืนอยู่ด้านหลังพะพิมเหมือนอยากจะเอ่ยอะไรออกมาแต่ก็นิ่งเงียบ จนสกายเดินเข้ามาทัก
“ทำไมช่วงนี้ไม่เห็นไปห้องพี่พิม” เมื่อพะพิมได้ยินดังนั้นก็หันกลับมามองนธี
“ช่วงนี้กูไม่ค่อยว่างต้องไปเล่นดนตรี” เสียงทุ้มพูดเบาบางเหมือนแบกรับความรู้สึกอันหนักแน่น
“อืม” สกายพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจก่อนจะหันไปถามพะพิมว่าเอาอะไรอีกไหม
“ของพี่พอแล้วนะ สกายเลือกเลยเดี๋ยวพี่เอาน้ำไปให้ กายจะเอาน้ำอะไรคะ”
“ผมเอาโค้กครับ ขอบคุณนะครับ” สายตาของเขาคอยไล่ตามเงาร่างน่ารักน่าเอ็นดูของพะพิมโดยไม่รู้ตัว
“มึงชอบพี่พิม” นธีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วมองหน้าสกายด้วยท่าทางไม่พอใจ
“ใช่ กูชอบพี่เขา” สกายตอบนธีอย่างไม่ลังเลก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะโดยมีพะพิมถือแก้วน้ำไปนั่งรอเขาที่โต๊ะอยู่ก่อนแล้ว
“เมื่อกี้นธีเดินเข้ามาถามว่า ผมชอบพี่หรือเปล่า”พะพิมที่กำลังคีบหมูเข้าปาก ด้วยความตกใจจนทำให้หมูร่วงลงใส่จาน
“แล้วเขาได้พูดอะไรอีกไหม” พะพิมรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ
“ผมตอบไปแล้วว่า ผมชอบพี่นะ” ชายหนุ่มกล่าวถ้อยคำด้วยน้ำเสียงใสซื่อ แต่กลับทำให้เนื้อหมูสามชั้นที่กำลังจะเข้าปากหล่นลงใส่จานเป็นครั้งที่ 2
“เมื่อกี้กายว่าอะไรนะ”
“ผมบอกว่า ผมชอบพี่” อีกฝ่ายเอ่ยตอบพร้อมยิ้มน้อย ๆ
“คือ…”
“พี่ไม่ต้องรีบนะผมรอได้” เขาเอื้อมมือไปลูบหลังมือเธอเบา ๆ
“กายคือ…พี่ว่าเราอายุห่างกันเกินไป…”
“พี่ไม่ต้องพูดอะไรแล้วผมรู้ผมไม่ได้สนใจ”
นธีมองเห็นและได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน
“…”
ปัง ปัง !
เสียงเหมือนทุบห้องไม่ใช่เคาะห้องจนทำให้พะพิมสะดุ้งตื่นแล้วรีบไปส่องตาแมว กลับพบว่าเป็นนธีมีท่าทางเมามายเธอจึงรีบเปิดประตูเพราะกลัวไปรบกวนห้องข้าง ๆ
“มีอะไร มาเคาะห้องทำไมตี 3 นายไม่รู้จักหลับนอนบ้างเหรอ” เขาเดินเข้าห้องแล้วปิดประตูไม่ตอบคำถามใด ๆ
“พี่ตกลงเป็นแฟนมันหรือเปล่า”