4
Chapter 4
“อัญ!” เสียงดุๆ ที่เรียกอยู่ทำให้อัญชัญซุกหน้าเข้าหาหนักขึ้นไปอีก เขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรมากมายหากตรงนั้นไม่ใช่สัดส่วนความเป็นชายที่มักตื่นตัวอยู่เสมอ
“ยายเด็กลามก อยากโดนตีก้นว่างั้น”
“เฮียอย่าเสียงดังสิ อัญจะนอน” เธอทำเสียงกระซิบกระซาบปรามเขา
“ก็นอนให้มันดีๆ หน่อย ไม่งั้นไปนอนที่อื่นเลย” เขาก้มลงมองคนที่ซุกหน้าเข้ามาจนตอนนี้ถูไถกับเป้ากางเกงตุงๆ ไม่ยอมละห่าง
“โอ๊ย! เฮีย จู่ๆ ก็ลุก” แดนตะวันลุกแบบไม่สนใจร่างที่กลิ้งตกลงไปกับพื้น เธอร้องโอดโอย ก่อนจะหน้างอยื่นมือไปให้เขาดึงขึ้นจากพื้น
ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาอย่างรำคาญ แต่พอยื่นมือไปเท่านั้นแหละ เธอก็กระตุกร่างสูงของเขาลงไปหาอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะกอดคอหนาแล้วหอมแก้มเขาฟอดใหญ่
“ยายเด็กหื่น”
“แก้มเฮียห๊อมหอม” เธอใช้ลิ้นชุ่มฉ่ำเลียแก้มสากนั้นเบาๆ แดนตะวันขนลุกซู่ เบี่ยงหลบแทบไม่ทัน
“เลียเหมือนหมา แก้มเปียกไปหมดแล้ว” เขาบ่นอย่างไม่จริงจังนัก
“แก้มเฮียน่าเลีย”
“จะกลับก่อนไหม เฮียจะให้ชิตไปส่ง” ชิตหรือชิตพงศ์เป็นลูกน้องคนสนิทของแดนตะวัน และเป็นคนที่เขาไว้ใจมากที่สุด คอยคุมบ่อนของที่นี่
“ไม่เอา”
“ง่วงไม่ใช่เหรอ จะอยู่อีกทำไม”
“เฮียนัดใครเอาไว้รึเปล่า”
“นัดแมวที่ไหน เฮียต้องทำงาน”
“จะรอกลับพร้อมเฮีย เผื่อเฮียนัดยายน้ำขิงเอาไว้”
“ไม่ได้นัด” เขาเริ่มเดินหนีไม่ชอบให้ใครมาเซ้าซี้
“เอาไหมเฮีย แต่งงานกันอัญ จะยอมให้เฮียมีบ้านเล็กบ้านน้อย” เธอลองเชิงเขา
“ไม่เอา” เขาปฏิเสธทันควัน
“ทำไมล่ะ หรือเฮียสำนึกแล้วว่าไม่ควรเจ้าชู้”
“เปล่า ไม่อยากให้เธอไปตบใคร สงสารคนอื่นเขา”
“เฮียน่ะ!” อัญชัญเรียกแดนตะวันเสียงดังอย่างขัดใจ เขาชอบแหย่ให้โกรธ พร้อมจะคัดค้านทุกอย่างที่เธอพูด ถ้าเธอบอกว่าจะกินข้าวเขาก็จะกินก๋วยเตี๋ยว ไม่เคยยอมลงให้เธอเลยตั้งแต่เด็ก
“เฮียพูดจริงเหรอ ว่าจะไม่มีบ้านเล็กบ้านน้อย” เธอถามอย่างสงสัย เขาเจ้าชู้จะตายไป แต่แดนตะวันเป็นคนขี้เบื่อ คนไหนเซ้าซี้เขาก็สลัดทิ้งเหมือนสลัดเสื้อผ้าออกจากตัว เขาไม่ชอบผู้หญิงงี่เง่า ตามตื้อหรือเรียกร้องเกินงาม เพราะที่เขาให้ก็มากเกินพอสำหรับการนอนกันสักครั้งหรืออาจจะมากกว่านั้นหากถูกใจ
ใช่ว่าเธอจะรับได้ในสิ่งที่เขาเป็น แต่เขาบอกว่ายังไม่แต่งงาน ดังนั้นถ้าผู้หญิงเสนอให้ เขาก็ไม่ขัดศรัทธา เรียกว่าวินๆ กันทั้งคู่
“จริง เฮียเลยยังไม่อยากมีเมีย” เขาหมายถึงยังไม่อยากแต่งงานเพราะเมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะไม่เจ้าชู้อีก คำตอบของเขาทำเอาเธอหน้างอเป็นม้าหมากรุก เดินหนีไปนอนด้านใน ในขณะที่ชายหนุ่มเดินออกไปคุยกับชิตพงศ์ด้านนอก
แดนตะวันเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง เขาก็เห็นเด็กสาวหลับไปจริงๆ ร่างสูงเดินไปอุ้มร่างเล็กบอบบางขึ้นสู่อ้อมแขน เธอปรือตามองเขา ก่อนจะกอคอหนาซุกหน้าเข้าหาด้วยความง่วงงุน
“บอกว่าให้กลับไปก่อน เป็นภาระต้องให้ต้องอุ้มกลับบ้านอีก” เขาบ่นไม่จริงจังนัก ลูกน้องของแดนตะวันคำนับเจ้านายหนุ่มเมื่อเห็นอีกฝ่ายอุ้มร่าง เด็กสาวออกไปนอกบ่อน ซึ่งเป็นภาพชินตาของทุกคนเพราะอัญชัญมักตามติดคู่หมั้นหนุ่มไปไหนมาไหนอยู่ตลอดเวลา
พอลูกน้องเปิดประตูรถให้ เขาก็วางร่างน้อยไปที่เบาะรถอีกด้าน เธอปรือตาขึ้นมอง ก่อนจะขยับมานอนหนุนตักเขาเหมือนที่ทำบ่อยๆ
“ออกรถได้” แดนตะวันสั่งลูกน้องเสียงเรียบ เขาทอดสายตาออกไปนอกรถอย่างใช้ความคิด พอถึงที่พักเขาก็อุ้มร่างเล็กเข้าบ้าน
“เดินเองไหม ขี้อ้อนไปได้” เขาพูดอย่างเอ็นดูระคนรักใคร่
“ไม่อยากเดินมันเมื่อย อัญโตแล้วแต่งงานกันนะ” เธอพูดเขาเสียงหวาน อายุยี่สิบสำหรับแดนตะวัน เขาว่าเธอยังเด็กไป
“ไม่เอา” เขาปฏิเสธแทบจะทันที
“ทำไม”
“รอไปก่อน เฮียยังไม่พร้อม” เขาพาเธอเดินขึ้นบันไดบ้านหลังใหญ่ เธอกอดคอหนาซุกหน้าหาไออุ่น
“คืนนี้นอนด้วยนะ”
“ไม่ได้” เขาทำเสียงดุ
“ทำไมล่ะคะ”
“เป็นสาวเป็นนางมาขอนอนกับผู้ชาย”
“เมื่อก่อนยังนอนได้เลย”
“เมื่อก่อนตัวเท่าลูกหมา ตอนนี้โตแล้ว”
“เฮียปากร้าย” อัญชัญรีบเปิดประตูห้องเพราะคนที่กำลังอุ้มเธออยู่เปิดเองไม่สะดวก พอเขาวางเธอลงบนเตียง เธอก็กอดคอหนาเอาไว้แน่น ดึงเขาลงมาหา พร้อมทั้งยิ้มหวานส่งไปให้
แดนตะวันจุ๊บหน้าผากนูนเกลี้ยงของเด็กสาวเบาๆ ก่อนที่เธอจะหอมแก้มเขาตอบกลับไป
มือหนาดึงผ้าห่มมาห่มให้ อัญชัญหลับปุ๋ยในทันทีที่เขาปิดไฟและเดินออกจากห้องไป
น้ำขิงมาถึงบ้านของแดนตะวันในตอนเช้า อัญชัญมองอย่างหมั่นไส้แต่แววตานั้นแสนซนยิ่งนัก
“เฮียไปทำงานเถอะค่ะเดี๋ยวทางนี้อัญจัดการเอง” คนพูดเข้าไปกอดแขนแดนตะวันอย่างออดอ้อน ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังมองน้ำขิงด้วยสายตาแทบจะกลืนกิน เขาแตะลิ้นเลียริมฝีปากเบาๆ คนยั่วที่ใส่เสื้อคอกว้างคว้านลึก แถมยังนุ่งกางเกงขาสั้นปิดแค่แก้มก้นยิ้มยั่วยวนชวนลากขึ้นเตียง ใช่ว่าอัญชัญจะไม่รู้หรือไม่เข้าใจ แต่เธออดใจเอาไว้ รอให้แดนตะวันไปทำงานเสียก่อน จะจัดการยายน้ำขิงจอมยั่วให้ยั่วไม่ออกเลยคอยดู
“เฮีย!”
“โอ๊ย!” เสียงเขียวที่เอ่ยเรียกพร้อมยื่นมือขึ้นมาตบหน้าผากทำให้ แดนตะวันได้สติ
“เจ็บนะ!” เขาทำเสียงดุ
“เจ็บสิดี จะไปทำงานไม่ใช่เหรอ มายืนตาลอยอะไรอยู่ตรงนี้ เมากัญชาเหรอคะเฮีย”
“คุณแดนจะไปทำงานเหรอคะ แหม... นึกว่าจะอยู่บ้านเสียอีก” น้ำขิงเอ่ยถามอย่างเสียดาย ชม้ายชายตาน่าตบยิ่งนักในสายตาของอัญชัญ
“ทำไมย่ะ ถ้าเฮียแดนไม่อยู่หล่อนจะไม่ทำงานใช้หนี้เหรอไง ถ้าอย่างนั้นก็ได้นะ แต่เก็บกระเป๋าของหล่อนออกไปจากบ้านเช่าด้วย”
“คุณอัญไม่ใช่เจ้าของเสียหน่อย คุณแดนยังไม่ไล่น้ำขิงเลยสักคำ” คนปากดีเถียง อัญชัญตาลุกวาบ รู้จักเธอน้อยไปแล้วหน็อย... ยายนมบูดเดี๋ยวเหอะ! แม่จะจัดให้หน้าหงายเลย
“เฮียไปทำงานได้แล้ว ตอนกลางวันจะให้คนไปส่งข้าวเองไม่ต้องถ่อสังขารกลับมาหรอก”
“เดี๋ยวน้ำขิงไปส่งให้ก็ได้ค่ะ” คนอยากอ่อยรีบอาสาทันที
“ไม่ต้องย่ะ หล่อนมีหน้าที่ทำงานบ้านใช้หนี้เท่านั้น ไม่ต้องเสนอหน้าทำอย่างอื่นนอกเหนือคำสั่ง” อัญชัญตวาดกลับ น้ำขิงแกล้งทำเป็นคอหด แดนตะวันยิ้มให้น้ำขิงอีกครั้งก่อนจะไปทำงาน
“หล่อนจะไปไหน” อัญชัญดึงคอเสื้อของน้ำขิงจากทางด้านหลังเอาไว้
น้ำขิงกรีดร้องแทบล้มก้นกระแทกพื้น
“คุณอัญ เล่นอะไรคะนี่”
“ไม่เล่น คิดว่าไม่รู้หรือไง ว่าหล่อนยั่วเฮีย”
“รู้แล้วจะทำไมคะ”
“กล้ามากนะ เฮียแดนน่ะว่าที่สามีของฉันย่ะ หล่อนอย่าสะเออะ”
“ก็แค่ว่าที่ ยังไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ จังๆ เสียหน่อย” คนพูดลอยหน้าลอยตาตอบ
“นี่นังน้ำขิง”
“พูดจาไม่สุภาพเลยนะคะคุณอัญ จิกเรียกคนอื่นแบบนี้ได้ยังไงกัน” แดนตะวันไม่อยู่แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องทำท่าเกรงอกเกรงใจอัญชัญอีก
“อย่ายุ่งกับเฮีย” อัญชัญเอ่ยเตือน
“ถ้าไม่อยากให้คุณแดนมายุ่งกับน้ำขิง แน่จริงคุณก็ดึงเสน่ห์ออกมามัดใจคุณแดนให้ได้สิคะ แต่หน้าตาท่าทางอย่างคุณนี่น่าจะหาเสน่ห์ไม่เจอ”
“นังน้ำขิง นัง ๆ ๆ” อัญชัญอยากจะตบน้ำขิงเสียให้คว่ำ
“ตบสิคะ ตบเลย ถ้าคุณตบน้ำขิง น้ำขิงจะฟ้องคุณแดนว่าคุณหาเรื่องกลั่นแกล้งน้ำขิง จะแจ้งความด้วย ข้อหาทำร้ายร่างกาย”
“นี่มันบ้านฉัน เชิญขี่ม้าสามศอกไปฟ้องตำรวจเลย ฉันไม่กลัวหรอก ไปซักผ้าเลยไป” อัญชัญมีหรือจะกลัวคำขู่แค่นั้นของน้ำขิง
“ก็ได้ค่ะ” น้ำขิงตอบรับแบบไม่เต็มใจนักก่อนจะสะบัดหน้าหนี