ตอนที่1(คุณหมอแทนคุณ)
แทนคุณ ธนาธิป....
“อื้ออออ เสียวไม่ไหวแล้วค่ะคุณหมอ!!”เสียงหวานร้องขึ้นด้วยความเสียวซ่านเมื่อผมใช่ปลายนิ้วเขี่ยไปโดนติ่งเสียวของเธอ
“แฉะ”คำเดียวสั้นๆของผมที่ผมพูดขึ้นคือคำนี้ นั้นทำให้เธอพงกหัวขึ้นมามองหน้าผม
“ก็นิ้วคุณหมอสุดยอดมากเลยหนิคะ^_^”เสียงหวานเอ่ยขึ้น ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเธอพลางถอนหายใจเหือกหนึ่ง
“ผมจะเริ่มใส่เครื่องตรวจแล้วนะครับ”ผมพูดขึ้นและก้มหน้าลงกลับมาดูความเป็นสาวที่โหนกนูนไร้ขนนุ่มปกคลุมเพราะว่าเธอเพิ่งจะไปโกนออกมาก่อนหน้าที่จะมาหาผมนี้แน่นอน ผมค่อยๆใช้ปลายนิ้วแหวกกลีบกุหลาบของเธออย่างแผ่วเบา
“ดูจากอายุของคุณไม่น่าจะมีอะไรนะครับ”ผมพูดขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนความเจ็บของเธอที่ตอนนี้ผมได้ถือเครื่องม่และกำลังจะสอดใส่เข้าไปในช่องทางรักของเธอแล้ว ผมเป็นหมอที่สามารถตรวจภายในและให้คำปรึกษาสำหรับคนไข้ด้วยเรื่องพวกนี้ได้ครับ แต่ผมไม่ใช่คนที่จะมาสนองความต้องการให้พวกเธอ ดูเหมือนพวกเธอจะไม่เข้าใจว่าผมเป็นหมอ!และตอนนี้อยู่ในเวลางานของผม
“แต่คุณแม่ของหนูให้มาตรวจดูเพื่อความปลอดภัยนะคะ”เสียงหวานเอ่ยขึ้น ผมจึงพยักหน้าเข้าใจ
“อ๊ะ อื้อ”เสียงครวญครางของเธอไม่ได้ทำให้สมาธิของผมแตกหรือตบะแตกอะไรเลย เพราะผมมักจะเจอเหตุการณ์ทำนองนี้บ่อยมากสำหรับเด็กนักเรียนนักศึกษาที่ต่างพากันมาเข้าคิวตรวจภายในโดยกำชับให้เป็นหมอแทนโดยเฉพาะเลยนะครับ
“เจ็บนิดนึงนะครับ”ผมพูดขึ้นโดยธรรมชาติของคนเป็นหมอและเริ่มใสแหนบกลีบขยายช่องทางรักโดยเครื่องมือแพทย์สอดเข้าไปและเริ่มใช้กล่องฉ่องดูสิ่งผิดปกติในที่ช่องทางรักและปากมดลูกของเธอแต่ดูเหมือนจะไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆผมจึงใช้เวลาในการตรวจเพียงแค่สามนาที
“เสร็จแล้วเหรอคะ?”
“ครับ เชิญไปนั่งรอหน้าห้องและรอฟังผลครับ”ผมพูดขึ้นพลางเก็บเครื่องมือใส่ที่วางเครื่องมือและถอดถุงมืออนามัยสีขาวออกจากมือของผม
พรึบ
“คุณหมอแทนขา”เสียงหวานเอ่ยขึ้นเมื่อเธอได้คว้าข้อมือของผมไว้แล้วผมจึงหันไปมองเธอด้วยสายตาเฉยชาไม่ได้แสดงอาการใดๆ
“มีอะไรครับ?”ผมเอ่ยถามเธอไปตามมารยาท เธอก็มองผมด้วยสายตาเชื้อเชิญ เธอเองก็คงจะเข้ามาหาผมเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆนั้นแหละครับ
“นี่เวลางานของผม”ผมเอ่ยตอบเธอไปและมองไปที่มือเล็กที่จับข้อมือของผมอยู่เป็นเชิงให้เธอปล่อยมือจากข้อมือผมแต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอม
“แล้วนอกเวลางานละคะ?”เสียงหวานเอ่ยขึ้นพลางจับมือของผมให้เข้าไปแนบชิดกับนูนโหนกของเธอ
“คุณหมอว่ายังไงคะ?”เธอพูดขึ้นพลางกัดริมฝีปากล่างของเธออย่างยั่วยวน ผมจึงถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและชักมือออกมาจากเนื้อโหนกนูนของเธอแต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมปล่อยมือผมง่ายๆ
“เจอกันที่นี้นะคะ”เธอเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งแผ่นกระดาษใส่มือของผม
“เชิญรอด้านนอกครับ”ผมเอ่ยขึ้นและชักมือออกมาจากของสงวนของเธอและหันหลังเดินออกมาจากห้องตรวจ ส่งแฟ้มเอกสารสรุปผลการตรวจของคนไข้คนล่าสุดให้กับนางพยาบาลให้เธอแจ้งคนไข้ให้ได้รับรู้ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร
“ไม่ต้องออกใบนัดให้เธอ”ผมพูดขึ้นทำให้นางพยาบาลหน้าห้องของผมเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสีหน้าตกใจ แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรเธอเดินออกมาจากตรงนั้นมั่งหน้าไปห้องพักของผม
“คุณหมอค่ะ!”
“ครับ?”ผมหันไปตามเสียงเรียกของพยาบาลในแผนกของผม
“มีประชุมด่วนค่ะ”เธอเอ่ยบอกผมในมือของเธอเต็มไปด้วยแฟ้มเอกสารเตรียมพร้อมประชุมเต็มที่
“ขอบคุณครับ”ผมเอ่ยขอบคุณเธอและเปลี่ยนทิศทางการเดินทันที มุ่งหน้าไปยังห้องประชุมใหญ่ โดยมีนางพยาบาลสาวผู้ช่วยผมเดินตามหลังมาติดๆ
สวัสดีครับ ผมชื่อแทนคุณ ธนาธิป กิจโภชัยหรือนามสกุลเดิมของผมคือโรจน์จนาชน ครอบครัวของผมและชีวิตของผมเคยอยู่อย่างสุขสบายแต่ถามว่าผมชอบชีวิตแบบนั้นไหม คำตอบคือไม่เลยครับ ผมชอบชีวิตที่ธรรมดาๆมากกว่าไม่ต้องรวยเกินไปไม่ต้องมีหน้ามีตาในสังคม ตอนนี้ผมกำลังทำงานและดำรงตำแหน่ง นายแพทย์สูตินารีเวช อยู่ภายในโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งของเอกชนโรงพยาบาลQ ตอนนี้ผมอยู่ตัวคนเดียวไม่สิ ผมอยู่ตัวคนเดียวมา20ปีแล้วหนิครับ ครอบครัวของผมเสียทุกคนผมเองก็ด้วย ผมไม่เหลือใครเลยในชีวิตของผมทั้งคุณพ่อคุณแม่พี่สาวพี่ชายผมไม่เหลือใครเลย แต่ครอบครัวของผมจะต้องไม่ตายฟรี ใครที่ทำกับครอบครัวผม ผมสัญญา ผมจะเอาพวกมันมาลงโทษให้ได้!!!!!!
20:30น.
“เดี๋ยวครับ!”เสียงผู้ชายเอ่ยขึ้นจากทางข้างหลังผม ผมจึงต้องหยุดฝีเท้าลงและหันไปมองเสียงนั้นทันที ก็พบกับชายวัยกลางคนแต่งตัวดูภูมิฐานน่าจะมีฐานะข้างกายเขามีนักศึกษาชายสวมเครื่องแบบมหาลัยของเอกชนชื่อดังทั้งคู่กำลังยืนยิ้มมาให้ผมอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีครับ คุณหมอแทนใช่ไหมครับ?”ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นเขาโค้งหัวให้ผม ผมจึงโค้งหัวให้เขาคืนเพื่อทำความเคารพกัน
“สวัสดีครับ ผมหมอแทนครับ”ผมตอบเขาไปด้วยนำ้เสียงเป็นมิตร
“สวัสดีครับคุณหมอแทน”ชายในชุดนักศึกษาเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ผม
“สวัสดีครับ”ผมยกมือขึ้นรับไหว้เขา
“พอดีลูกชายผมจะมาฝึกงานที่นี้ ผมขอฝากให้คุณหมอแทนดูแลลูกชายของผมด้วยนะครับ”ชายวัยกลางคนพูดเปิดประเด็นทันที ผมก็หันหน้ากับไปมองเด็กหนุ่มที่แต่งตัวเรียบร้อยน่าจะเรียนเก่งน่าดูถึงขั้นสอบติดหมอที่โรงพยาบาลนี้
“ยินดีครับ^_^”ผมเดินเข้าไปยื่นมือตรงหน้าของชายวัยกลางคนและเอ่ยขึ้น เขาหันไปยิ้มให้ลูกชายของเขาทั้วคู่มองดีใจ
“ขอบคุณครับ^_^”ชายวัยกลางคนยื่นมือมาจับมือของผมและเอ่ยขึ้นด้วยนำ้เสียงดีใจ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว”ผมเอ่ยขึ้น ทำให้สองคนพ่อลูกที่หันไปยิ้มให้กันคนเป็นพ่อตบบ่าลูกชายด้วยความภาคภูมิใจ ภาพนี้ทำให้ผมนึกถึงพ่อของผม ถึงผมกับท่านจะไม่ค่อยพูดกันแต่ผมก็รักและเคารพท่านเสมอมา
“ครับขอบคุณครับ!!”ทั้งคู่ผสานเสียงตอบกันมาพร้อมกันพลางโค้งตัวลงผมก็โค้งตัวกลับไปให้เขาสองคนและหันหลังเดินออกมา มุ่งหน้าไปยังห้องทำงานส่วนตัวของผมที่อยู่ชั้น5ของโรงพยาบาล
“เชี้ย!น่ารักสัดดดดด”เสียงคนไข้ผู้ชายสองคนเดินเช้ามาในลิฟต์ตัวเดียวกับผมและสองคนนั้นก็เอ่ยพูดขึ้น อะไรของเด็กพวกนี้ พูดคำด่าคำ
“เนอะๆๆอยากได้เป็นแฟนแต่ไม่กล้าจีบว่ะ”
“ทำไมว่ะ?”
“เพราะน้องเขาน่ารักเกินไปไม่เหมาะกับผู้ชายหน้าตาเหี้ยๆอย่างกูหรอก!”
“เอ่อใช่ๆฮ่าๆๆๆ”เด็กหนุ่มสองคนวัยประมานยี่สิบต้นๆน่าจะใช่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานโดยไม่ได้สนใจผมที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้าเลยสักนิด
ติ๋งง
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดผมก็เดินออกมาจากลิฟต์ทันทีมุ่งหน้าไปเก็บของที่ห้องทำงานของผมเพื่อจะไปสนามแข่งรถในคำ่คืนนี้
“เห้ยๆๆๆไอแทนๆๆ!”ทันทีที่ผมเดินเข้ามาในห้องทำงานของผมก็เจอหน้าไอ้นอฟเพื่อนซี้คู่เวรคู่กรรมของผมที่มันถือวิสาสะนั่งบนเก้าอี้ทำงานของผม
“อะไร?”ผมเอ่ยถามมันไปพลางถอดเสื้อกาวน์สีขาวออกเพื่อจะแขวนไว้บนที่แขวนอย่างเรียบร้อย
พรึบ
“อะไรว่ะน่ะ?”ไอนอฟเอ่ยขึ้นเมื่ออยู่ดีๆก็มีกระดาษสีขาวร่วงลงจากกระเป๋าเสื้อกาวน์ของผมตกสู่พื้นอย่างสวยงาม
“เห้ย!ไอ้ห่าหนิจะแอบไปกินเด็กอีกล่ะ!!!”ไอนอฟเมื่อมันก้มลงไปหยิบกระดาษสีเหลี่ยมสีขาวขึ้นมาและมันรู้ว่าเป็นเบอร์ห้องพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ของผู้หญิงเด็กนักศึกษาก็เอ่ยขึ้นอย่างเสียงดัง ผมจึงส่ายศีรษะไปมาด้วยความระอาเพื่อนตัวเอง
“มึงรีบขนาดนั้นเลย อดอยากปากแห้งมากเหรอมึงอ่ะ กูเห็นไม่กลับห้องสักกะวัน!!”ไอนอฟโวยวายขึ้นอีกเมื่อผมรีบเก็บเอกสารงานสรุปผลตรวจของคนไข้ลงกระเป๋าถือสีดำ ที่ผมรีบผมมีแข่งรถสามทุ่มครึ่งกว่าจะไปสนามแข่งก็เกือบๆจะครึ่งชั่วโมงไม่ให้รีบได้ไง
“เห้ย!นี่กูเพื่อนมึงน่ะ นี่เพื่อนมึงไงมึงเป็นใบ้เหรอว่ะ ช่วยตอบให้กูชื่นใจหน่อยเถอะ”ไอนอฟโอดครวญขึ้นอย่างน่ารำคาญผมจึงหันไปมองหน้ามันด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความรำคาญสุดๆของผม ไอนอฟจึงเงียบและยกมือขึ้นมาทำท่ารูดซิปปากตัวเอง
“กูมีแข่งรถจบป่ะ!”ผมบอกมันและถือกระเป๋าเดินออกมาจากห้องทำงานอย่างไว เวลาประชุมกินเวลาของผมไปมาก ประชุมแต่เรื่องเดิมๆผมว่าเป็นหมอท่าใจไม่รักจริง ทำไม่ได้เด็ดขาดครับ!
“กูไปด้วยยยยยยยย”เสียงร้องตะโกนเหมือนเด็กน้อยร้องตามพ่อแม่ดังมาจากข้างหลังผม ผมจึงกรอกตามองบนอย่างปลงๆกับความปัญญาอ่อนของเพื่อนตัวเอง แต่ผมก็ได้มันนี้แหละที่คอยช่วยเหลือผมและพ่อของมันก็มีพระคุณกับผมมาก ถ้าไม่มีพ่อดำรงคงไม่มีหมอแทนคุณในวันนี้ ผมคงจะเป็นบุคคลที่ตายไปแล้ว และทุกคนก็คิดว่าผมนั้นตายไปแล้วจริงๆ เพราะผู้ชายคนนั้นคนเดียวที่ทำให้ผมสูญเสียทุกอย่างไปแม้กระทั่งครอบครัวของผมเองและแม้กระทั่งผู้หญิงที่ผมรัก เจ้าสัว จักรภัทร และสักวันผมจะทำให้มันได้รู้ถึงความเจ็บปวดแบบที่ผมได้รับเช่นกัน