ตอนที่ [01] อยู่ในกำมือ
ณ ปัจจุบัน
07 : 45 น.
"เสร็จแล้ว" เสียงหวานใสของณดาเอ่ยพูดกับตัวเองด้วยรอยยิ้มอย่างภูมิใจ เมื่ออาหารที่เธอทำเองกับมือนั้นเสร็จเรียบร้อยพร้อมทาน
"คุณหนูคะ คุณท่านให้ตามไปพบค่ะ" แม่บ้านใหญ่ประจำตระกูล เดินเข้ามาเอ่ยบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและนอบน้อม
"ค่ะ ณดาฝากดูต่อด้วยนะคะ"
วันนี้เป็นวันที่ค่อนข้างจะพิเศษ เธอถึงได้ตื่นมาเข้าครัวเตรียมอาหารแต่เช้า เพราะว่าวันนี้จะเป็นวันที่เธอได้เจอหน้าพี่ชายอีกครั้งในรอบเกือบสองปี เธอเลยตั้งใจจะทำเมนูโปรดของพี่ชายไว้เป็นพิเศษ เพื่อต้อนรับการกลับมาเจอกันอีกครั้ง ในรอบเกือบสองปีเต็ม ๆ ที่เธอไม่ได้เจอหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายเลย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"คุณพ่อเรียกน้องเหรอคะ" ณดาเดินเข้ามาในห้อง พร้อมเอ่ยพูดกับคนเป็นพ่อด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นร่างสูงสง่า ของคนที่เธอไม่ได้เจอหน้ามานานเกือบสองปี กำลังนั่งหันหลังให้เธออยู่
"มานั่งก่อนสิลูก พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย" โอลิเวอร์เอ่ยบอกลูกสาวเสียงทุ้ม
ณดาพยักหน้ารับแล้วเดินมานั่งลงที่โซฟาข้าง ๆ กับร่างสูงสง่าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายอย่างอลัน ที่นั่งนิ่งขรึมไม่สนใจแม้จะทักทายเธอด้วยซ้ำ เขาทำเพียงปลายตามองเธอเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น
"สวัสดีค่ะพี่อลัน ^^" เสียงหวานใสเอ่ยทักทายพี่ชายด้วยรอยยิ้มอย่างเช่นทุกที แม้จะไม่เจอกันนานแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปจากเธอเลยก็คือรอยยิ้มแสนสดใส
"….."
แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับเช่นเคย อลันนิ่งเงียบกับเธอมาตั้งแต่เธอจำความได้ จนกระทั่งวันนี้เขาก็ยังคงนิ่งเงียบกับเธออยู่แบบนั้นไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด สิ่งที่เปลี่ยนก็จะมีก็แค่รูปร่างหน้าตา ที่นับวันเขายิ่งดูหล่อเหลาและดูดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอแอบเผลอใจเต้นแรงอย่างไม่ควร
"ณดาจะโกรธพ่อไหมลูก ถ้าพ่อจะบอกว่าหนูต้องย้ายไปอยู่อิตาลีกับพี่อลันก่อนชั่วคราว" โอลิเวอร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงลำบากใจไม่น้อย เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าลูกชายตนนั้นไม่ชอบณดามาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ด้วยเหตุผลจำเป็นบางอย่าง เขาเลยต้องวานลูกชายให้ช่วยดูแลลูกสาวให้ชั่วคราวอย่างเลี่ยงไม่ได้
แม้ว่าณดาจะโตพอที่จะสามารถใช้ชีวิตคนเดียวได้ แต่ด้วยความเป็นห่วง และด้วยการเลี้ยงดูที่ไม่เคยปล่อยให้ลูกสาวได้ออกไปใช้ชีวิตตามลำพัง ทำให้อดห่วงไม่ได้หากจะต้องให้อยู่คนเดียว อย่างน้อยให้ไปอยู่กับพี่ชายก็ยังมีคนดูแล แถมอลันยังเอ่ยปากเองว่าจะช่วยดูแลน้องให้
"ทำไมล่ะคะ" ณดาถามกลับอย่างสงสัย
"พ่อคงจะไม่ได้อยู่สักพักใหญ่ ระหว่างนี้หนูต้องไปอยู่กับพี่อลันก่อน หนูโอเคไหมลูก"
"เอ่อ...น้องแล้วแต่คุณพ่อค่ะ แล้วเรื่องเรียน..." เธอไม่รู้หรอกว่าคนเป็นพ่อมีเหตุผลอะไร แต่สิ่งที่ท่านเลือกให้ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธออยู่แล้ว
"ไม่ต้องห่วงนะ พ่อจัดการให้หมดแล้วไปถึงก็สามารถเรียนได้เลยตามปกติ" โอลิเวอร์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่าจะหยิบยื่นอะไรให้ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือแพง ณดาก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธหรือร้องขออะไรที่มันมากมายเหมือนเด็กคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน บางทีขนาดหยิบยื่นให้เธอยังไม่ยอมรับไว้ก็มี
"เสร็จธุระแล้วใช่ไหมครับ งั้นผมขอตัว" อลันที่นั่งนิ่งเงียบฟังมานานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินออกไปทันที โดยไม่ต้องรอคำตอบอะไรจากใคร
"ไปอยู่ที่นู้นหนูต้องดูแลตัวเองด้วยนะลูก อย่าดื้อกับพี่เขานะ" อดห่วงไม่ได้จริง ๆ ที่ลูกสาวสุดที่รักจะต้องไปอยู่ต่างที่ต่างถิ่นแบบนั้น แล้วไร้ซึ่งพ่อแม่คอยปกป้อง
ตั้งแต่ภรรยาสุดที่รักของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อ 6 ปีก่อน เขาก็พาลูกสาวคนเล็กอย่างณดา ย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยเป็นการถาวร ซึ่งเป็นบ้านเกิดของภรรยาเขา และเป็นที่ที่เขาและภรรยาได้พบกับสาวน้อยเจ้าของรอยยิ้มสดใสอย่างณดา จะมีก็แต่ลูกชายคนโตอย่างอลัน ที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ที่อิตาลีตามลำพัง ที่คอยสืบทอดอำนาจของตระกูลแทนตน
"คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ น้องสัญญาว่าจะไม่ดื้อกับพี่อลัน จะเป็นเด็กดีแล้วก็ตั้งใจเรียน" ร่างบางลุกขึ้นเดินเข้าสวมกอดคนเป็นพ่อด้วยความรัก ตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยต้องห่างจากอกพ่อแม่ไปไหนไกล แต่ครั้งนี้เธอต้องย้ายไปอยู่กับพี่ชาย…พี่ชายที่ดูจะเกลียดชังเธอยิ่งกว่าอะไรดี
"มีอะไรก็โทรหาพ่อนะลูก เอาไว้พ่อมีเวลาจะไปเยี่ยมนะ"
"น้องต้องคิดถึงคุณพ่อมากแน่ ๆ เลยค่ะ" ณดาพูดเสียงออดอ้อน ก่อนจะเอ่ยถามถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่เธอควรจะต้องรู้ เมื่อต้องย้ายกลับไปอยู่ที่อิตาลีอีกครั้ง
หลังจากที่ถามรายละเอียด ที่เธอต้องย้ายไปใช้ชีวิตที่อิตาลีเรียบร้อย เธอก็ต้องรีบมาเก็บของใช้ที่จำเป็น เพราะว่าเธอจะต้องเดินทางไปพร้อมกับอลันในคืนนี้เลย ส่วนที่เหลือก็คงต้องไปหาซื้อเอาที่นู้น เพราะถ้าจะให้เก็บไปหมดคงจะไม่ทันเวลา
@อิตาลี
คฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากผู้คน รอบข้างเต็มไปด้วยต้นไม้และภูเขาจนดูน่ากลัวและวังเวงไม่น้อย ไหนจะบรรยากาศที่แสนจะเย็นยะเยือกและเงียบเชียบนี้อีก
"พี่อลันคะ ให้น้องนอนด้วยได้ไหม น้องไม่กล้านอนคนเดียว" ณดารีบเอ่ยขึ้นทันทีที่ก้าวขาลงจากรถ เมื่อมองดูบรรยากาศตลอดสองข้างทางที่รถยนต์ขับผ่านมานั้น ทำให้เธอรู้สึกกลัวกับบรรยากาศยามค่ำคืนของที่นี่ไม่น้อย มันนานมากแล้วที่เธอห่างหายจากบ้านหลังนี้ไป นานจนทุกอย่างดูเปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม
"....."
แต่คำตอบที่เธอได้กลับมาจากเขา ก็ยังคงมีเพียงความเงียบเท่านั้น เพราะเจ้าของชื่อที่เธอคุยด้วยกำลังก้าวขาเดินเข้าไปในบ้านอย่างไม่คิดจะรอหรือสนใจเธอด้วยซ้ำ
"พี่อลันรอน้องด้วย!" ร่างบางของณดารีบวิ่งตามเข้าบ้านทันทีด้วยความรู้สึกกลัวและไม่ชินกับบรรยากาศของที่นี่ ไหนจะชายชุดดำที่ยืนประจำอยู่ตามทุกจุดรอบบ้านอีก มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกหวั่นใจ แม้จะคุยเคยกับภาพแบบนี้ แต่ด้วยบรรยากาศที่เย็นยะเยือกทำให้ที่นี่ดูน่ากลัวขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
"ห้องคุณหนูอยู่ทางด้านนี้ครับ" ณดาที่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งตามหลังของอลันเข้ามาในบ้าน ถูกลูกน้องคนสนิทของอลันเข้ามาขวางทางไว้ซะก่อน ก่อนที่เธอจะตามเขาทัน
"ณดากลัว ให้ณดาไปนอนกับพี่อลันไม่ได้เหรอคะ" เสียงหวานสั่นเครือ เธอรู้สึกกลัว…กลัวมากจริง ๆ อาจจะเพราะไม่ชินที่ต้องมาอยู่โดดเดี่ยวโดยไร้พ่อแม่ของปกป้อง
"จะมีแม่บ้านเฝ้าอยู่หน้าห้อง คุณหนูไม่ต้องกลัวไปครับ ที่นี่ไม่ได้มีอะไรน่ากลัว" เดล ลูกน้องคนสนิทของอลันเอ่ยขึ้นเสียงเรียบนิ่งไม่ต่างจากเจ้านายเท่าไหร่นัก ก่อนจะผายมือไปอีกทางเพื่อบอกให้เธอรู้ว่าห้องเธออยู่ด้านนั้น
"แต่คนชุดดำพวกนั้นน่ากลัวมากนะ ไม่เหมือนกับที่ไทยเลยค่ะ"
"ไม่ต้องกลัวครับพวกเขาเป็นคนของนายทั้งหมด เชิญคุณหนูพักผ่อนเถอะครับ ผมขอตัว" ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามอะไรต่อ เดลก็เดินหายเข้าไปในห้องที่อลันเพิ่งจะเดินเข้าไปเมื่อกี้
"ทำไมคนที่นี่เขาดูลึกลับและน่ากลัวจัง" ร่างบางบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้ามายังห้องที่เดลบอก ที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของเธอที่ถูกจัดเตรียมไว้รอแล้ว
คงต้องทำตัวให้ชินกับบรรยากาศและคนที่นี่อีกครั้ง แต่บรรยากาศมันเหมือนกลับว่า เธอถูกส่งมาควบคุมพฤติกรรมยังไงไม่รู้ มีทั้งชายชุดดำและคนคอยเฝ้าหน้าห้องตลอดเวลา แค่วันแรกเธอยังรู้สึกอึดอัดได้ขนาดนี้ ต่อไปเธอคงไม่ต้องใช้ชีวิตเหมือนนักโทษเลยเหรอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แกร๊ก~
"เรียบร้อยดีใช่ไหม" น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามออกมา เมื่อได้ยินเสียงเคาะเปิดประตูและเปิดเข้ามา ทั้งที่สายตาคมของเขา ยังคงทอดมองออกไปด้านนอกของกระจกใสบานใหญ่ภายในห้องทำงานอย่างไร้จุดหมาย
อลัน ชายหนุ่มผู้กุมอำนาจทั้งหมดของตระกูลต่อจากบิดา ที่ตัดสินใจวางมือจากทุกอย่างตั้งแต่ที่สูญเสียภรรยาผู้เป็นที่รักข้างกายไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ตั้งแต่วันนั้น...วันที่เขาต้องสูญเสียมารดาผู้ให้กำเนิดอันเป็นที่รักไป เขาก็คิดมาตลอดว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะณดา ถ้าไม่ใช่เพราะเธออยากจะไปเที่ยว เขาก็คงไม่ต้องสูญเสียแม่ไป และพ่อของเขาก็คงไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวไร้คนรักข้างกายอยู่แบบนี้
"เรียบร้อยดีครับ" เดลเอ่ยตอบเจ้านายหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด
"ดี ถ้ากูไม่ได้สั่งห้ามทำตามที่เธอขอ ไม่ว่าเรื่องอะไร" อลันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงและแววตาเรียบนิ่ง แต่แฝงไปด้วยความดุดัน ที่ใครได้มองต่างก็ต้องรีบหลบสายตาคมคู่นั้นของเขา
"ครับนาย" เดลตอบรับเสียงหนักแน่น
กฏข้อเดียวของที่นี่ คือทำตามที่เจ้าของบ้านผู้กุมอำนาจทั้งหมดของตระกูลสั่ง และคนเดียวที่มีสิทธิ์ออกคำสั่งก็มีแค่เขาเท่านั้น มีแค่อลันเท่านั้นที่สามารถสั่งคนในบ้านหลังนี้ได้
ต่อไปนี้เธอคือคนของเขา อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เธอจะต้องอยู่ในความดูแลของเขาไปจนกว่าเขาจะแก้แค้นได้สำเร็จ ความแค้นในใจของเขามันจะหมดไป ก็ต่อเมื่อ...ต้นเหตุที่ทำให้แม่เขาต้องตาย จะต้องตายทั้งเป็นช้า ๆ อย่างทรมาน…
"แล้วนายจะเอายังไงต่อครับ" ฟาโรห์ ลูกน้องคนสนิทอีกคนของเขาเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่ยืนเงียบฟังอยู่นาน
"ปล่อยไว้งั้นก่อน" อลันตอบออกมาเสียงนิ่ง แต่แววตาเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความแค้นและความดุดัน ในเมื่อตอนนี้เธอมาอยู่ในกำมือของเขาแล้ว จะจัดการเมื่อไหร่ก็ยังไม่สาย
'แม่จะพาน้องไปเที่ยวนะอลัน'
นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่แม่ของเขาพูดกับเขาเมื่อ 6 ปีก่อน และนั่นคือคำพูดสุดท้ายที่เขาเองก็จำได้ไม่เคยลืม แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานแค่ไหนแล้วก็ตาม
ถ้าเธอไม่เกิดมา ถ้าแม่เขาไม่เจอเธอ เขาคงจะไม่ต้องมาเกลียดเธอแบบนี้ และแม่ของเขาก็คงจะยังมีชีวิตอยู่ เพราะตั้งแต่ที่มีเธอเข้ามาทุกคนในบ้านต่างก็ให้ความสนใจกับเธอ ตามใจเธอทุกอย่างทั้งที่เธอมันก็แค่กาฝากของครอบครัวเขาเท่านั้น
"ถ้าไม่มีอะไร พวกผมขอตัวครับ" เมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเงียบไปนาน และสายตายังคงทอดมองออกไปด้านนอกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เดลและฟาโรห์จึงเอ่ยออกมาพร้อมกัน ก่อนจะก้มหัวให้แล้วเดินออกมาเงียบ ๆ
"มึงว่านายจะทำอะไรคุณหนูวะ" เดลเอ่ยถามคู่หูอย่างฟาโรห์ด้วยความสงสัย แม้จะพอเดาได้ว่าเจ้านายหนุ่มต้องการสิ่งใด แต่ก็อดที่จะถามความคิดเห็นของเพื่อนไม่ได้
"อยากรู้มึงก็ไปถามนายสิ" ฟาโรห์ตอบเสียงเรียบ
ไม่มีใครรู้หรอกว่าตอนนี้อลันกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงแม้จะรู้ก็คาดเดาไม่ได้อยู่ดี ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสาวน้อยเจ้าของรอยยิ้มสดใสอย่างณดาบ้าง
เพราะคนเดียวที่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของเธอได้มีเพียงอลันคนเดียวเท่านั้น เธอจะอยู่อย่างมีความสุข หรืออยู่อย่างทรมานเหมือนตายทั้งเป็น ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับอลันคนเดียวเท่านั้น และไม่สามารถมีใครล่วงรู้ได้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่