ตอนที่ 2 จับตัวมา
จับตัวมา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
ติ๊ง
เสียงข้องความของโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูของอคิราห์ดังขึ้นมา ขณะที่เขานั่งทำบัญชีรายรับรายจ่ายอยู่ที่ห้องในบ้านพักส่วนตัวของเขา
‘สิตาพัชร์ เหมพิรัชต์ เกิด XXX อายุ 19 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ XXX กรุงเทพมหานคร นักศึกษาปีหนึ่ง มหาลัยวิทยาเอกชน XXX ‘
“หึ หน้าตาก็ธรรมดาแถมจะดูอวบ ๆ เสียด้วยซ้ำ น่าดึงดูดตรงไหนว่ะ มีเงินเรียนเอกชนเสียด้วย สงสัยปอกลอกพ่อไปเยอะละแล้วสิท่า สกปรกไม่เหลือชิ้นดี แล้วไหนพ่อบอกอายุ 25 ปี นี่เธอโกหกหลอกหรือ ยัยเด็กใจแตก อย่างเธอมันต้องเจอคนอย่างฉัน!” เสียงเค้นหัวเราะเหยียดขึ้นมาทันที ที่ได้รับรู้และเห็นในสิ่งที่ปลายสายส่งรายละเอียดของใครที่เขาต้องการตัวอยู่
หลังจากเคลียร์งานศพของอัคราเสร็จ อคิราห์ก็เข้ามาเคลียร์บัญชีที่ทำค้างไว้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน โดยที่แม่ของเขายังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ อาการค่อนข้างดีขึ้นมาเยอะแล้ว แต่แค่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
@กรุงเทพมหานคร
“แพร ทำไมรีบกลับจัง” ชญาดา หรือ น้ำขิง เพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยม ถามหญิงสาวขึ้น เมื่อเห็นว่าเลิกเรียนแล้วชอบรีบกลับบ้าน เพราะไปทำงานเสริม
“ฉันมีงานต้องไปทำน่ะขิง” หญิงสาวตอบเพื่อนออกไปตามตรง
สิตาพัชร์ เหมพิรัชต์ หรือ แพรวา หญิงสาววัยใส อายุ 19 ปี เป็นลูกสาวของ พงษ์พิพัฒน์ โยธาพิวัฒน์ และ กันตา เหมพิรัชต์ เธอใช้นามสกุลของแม่ เพราะพ่อและแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เรียกกันภาษาปากคือลูกนอกสมรสหรือว่าลูกเมียน้อยนั้นแหละ
พ่อของเธอฐานะทางบ้านร่ำรวย แต่แอบมีสัมพันธ์กันกับแม่ของเธอ ที่เป็นเพียงสาวภายใช้ในบ้านของเขา แม่เธอเสียชีวิตตั้งแต่ที่คลอดเธอมา เพราะอาการตกเลือดหลังคลอดได้เพียง 3 วัน
เธอมาทางกลางเหล่าแม่บ้านภายในบ้านที่เลี้ยงเธอมา ส่วนพ่อก็มีหน้าที่แค่ใช้เงินเลี้ยงเพียงเท่านั้นแหล่ะ เพราะเกรงใจภรรยาเขา เธอไม่เคยได้รับยอมรับ และความรักจากทางเขาเลย เพราะตั้งแต่ที่แม่เสีย เขาก็ไม่เคยนอกลู่นอกทางอีกเลย
“ไม่เข้าใจแกเลยจริง ๆ บ้านก็ออกจะรวย ทำไมแกต้องหางานทำด้วย แถมพี่สาวก็เป็นถึงนางเอกดาวรุ่ง” ชญาดาส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้น
“ฉันไม่อยากใช้เงินพวกเขา อยากทำงานส่งตัวเองเรียนมากกว่า แบบนี้ภูมิใจกว่าเยอะ” สิตาพัชร์พูดออกมาตามความคิดที่คิดมาตลอด เธอไม่เคยใช้เงินที่ได้จากพ่อของเธอในทุก ๆ เดือน เงินที่เขาให้เธอเก็บฝากออมไว้ตลอด
“เฮ้อ...” ชญาดาได้แต่ถอนหายใจ
“ไปแล้วนะ เจอกันพรุ่งนี้ บายยย” สิตาพัชร์พูดพร้อมกับโบกมือลาเพื่อนออกไปทันที และรีบเดินออกมาทางนอกมหาวิทยาลัยเพื่อไปขึ้นรถประจำทาง
“เธอชื่อ สิตาพัชร์ เหมพิรัชต์ หรือเปล่า” ชายชุดดำร่างสูงโปรง สวมแว่นกันแดดทึบเปิดประตูรถลงมาถามเธอที่กำลังเดินผ่านพอดี
“ใช่คะ หนูสิตาพัชร์เองมีอะไรหรือเปล่าค่ะ” หญิงสาวตอบรับอย่างไม่ได้รู้สึกแปลกใจ หรือว่าเอะใจเลยสักน้อย
“มีคนอยากเจอน่ะ...” ชายร่างสูงเอ่ยบอกอีกประโยค ก่อนจะส่งสายตาสื่อให้คนที่คอยประกบเธอจากทางด้านหลัง
“ใครหรือค่ะอื้อ...” หญิงสาวถามไม่ทันที่จะขาดคำ ก็มีร่างสูงอีกคนมารวบตัวเธอจากทางด้านหลัง เอาผ้าปิดปากเธอไว้แน่น
ก่อนที่หญิงสาวจะสลบลงไปในที่สุด ชายหนุ่มสองคนก็พาเธอขึ้นรถ ขับออกไปมุ่งหน้าออกนอกเมืองทันที
“เรียบร้อยครับคุณคิน” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นเมื่อต่อสายหาคนที่มอบหมายให้จัดการกับเรื่องนี้
ไร่อคิราห์
กลางดึก
“คุณคินจะเช็คของไหมครับ...” ธวัฒน์ถามขึ้นเมื่อเปิดประตูลงมาจากรถ ที่ขับเข้ามาจอดยังบ้านพักของเจ้านายหนุ่มเจ้าของไร่องุ่น
“เอาตัวไปไว้ที่ห้องเก็บของเดี๋ยวกูตามไป แล้วอย่าลืมล่ะ เรื่องนี้เหยียบให้มิด อย่าให้คนที่บ้านใหญ่รู้เป็นอันขาด” เสียงเข้มของอคิราห์สั่งการลูกน้องคนสนิทออกมาทันที
“ครับ”
“รีบดับรถสิ ดึกมากแล้วด้วย เดี๋ยวจะมีใครสงสัย”
ธวัฒน์รีบดับเครื่องยนต์ แล้วเข้าไปช้อนตัวหญิงสาวที่ยังคงสลบอยู่เบาะหลัง เพราะฤทธิ์ยาสลบที่เขาใส่ลงไปนั้นเอง
“ตัวหนักเป็นบ้าเลย” เสียงของธวัฒน์บ่นออกมา เมื่อวางหญิงสาวในชุดนักศึกษาลงที่พื้นในห้องเก็บของ ที่เจ้านายหนุ่มสั่ง
“บ่นอะไร แค่ผู้หญิงคนเดียวเอง”
“เธอ...เอาน้ำใส่ถังมาไอ้วัฒน์” เสียงเข้มเอ่ยเรียกพร้อมกับตบหน้าเธอเบา ๆ เพื่อปลุก แต่หญิงสาวกลับหลับสนิท เขาจึงเรียกให้ลูกน้องคนสนิทไปเอาน้ำมา
ซ่าาา
“อื้อ...” หญิงสาวสะดุ้งตื่นทันที ที่โดนน้ำสาดมาที่หน้าเธออย่างจัง
“หึ ตื่นสักทีนะ”
“ที่นี่ที่ไหน...แล้วคุณจับฉันมาทำไม ชะ” หญิงสาวลุกขึ้นนั่ง ก็ถามความยาว พร้อมกับกำลังจะตะโกน
“ร้องไปก็ไม่มีใครได้ยินหรอก” เสียงเข้มของเจ้าของไร่ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ฉันไปทำอะไรให้คุณหรือ คุณถึงจับตัวฉันมาแบบนี้” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย เมื่ออยู่ ๆ เธอก็ถูกจับตัวมาที่ไหนก็รู้
“เธอชื่อสิตาพัชร์ใช่ไหม” เสียงเข้มถามออกไปเพื่อความแน่ใจ
“ใช่! ฉันชื่อ สิตาพัชร์ เหมพิรัชต์”
“หึ ยอมรับแบบนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย พราวฟ้า” เสียงเข้มเค้นหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยชื่อเล่นของเธอขึ้น
“ฉันชื่อแพรวา” หญิงสาวแย้งขึ้นมาทันที
“อย่ามาโกหก! ต่อไปนี้เธอจะต้องอยู่ที่นี่ชดใช้ในการกระทำของตัวเธอเอง จนกว่าฉันจะพอใจ แล้วก็ปล่อยเธอไป” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับจ้องหน้าหญิงสาวอย่างโกรธแค้น
“ชดใช้อะไร ฉันไม่เคยไปทำอะไรให้ใคร แล้วที่นี่ที่ไหน” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ เพราะเธอก็มั่นใจว่าเธอไม่เคยไปขัดผลประโยชน์ของใครด้วย
“ที่ที่เธอเคยวาดฝันว่าอยากจะมาอยู่ มาครอบครองยังไงล่ะ”
“คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ...” เธอยังคงถามออกไปอย่างไม่เข้าใจในความหมายของร่างสูงตรงหน้าที่พูดออกมา
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เธอก็รู้เองแหละ...มีดีอะไรนะกหนาว่ะ ถึงทำให้คนหลงได้ขนาดนี้ หน้าตาก็งั้น ๆ หุ่นก็อวบ แทบจะหาทรวดทรงไม่เจอ” เสียงนินทาเบา ๆ ของร่างสูงพูดออกมาแต่ไม่มีใครได้ยิน
“ฉันไม่รู้น่ะ ว่าคุณพูดเรื่องอะไร เพราะฉันไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน”
“อายุแค่นี้ แต่หลอกคนไปทั่วแล้ว มิจฉาชีพชัด ๆ ไอ้วัฒน์ปิดประตู แล้วมึงก็กลับไปได้แล้ว” เสียงเข้มเอ่ยบอกลูกน้องคนสนิททันที ก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากที่นั่น แล้วขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อพักผ่อนต่อ