แค้นรักเมียสมรส

127.0K · จบแล้ว
น้ำผึ้งสีเลือด
80
บท
19.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขา เป็นคนที่เข้ามาทำให้ฉันหวั่นไหว ทำให้ฉันหลงรัก เขาบอกว่าฉันไม่เหมือนใคร ฉันไม่ได้ซื่อบื้อฉันไม่ได้ใสซื่อฉันแค่อ่อนโยนกับคนอื่นมากก็เท่านั้นเอง เพราะเป็นรักแรกจึงทำให้ฉันหลงรักผู้ชายคนนี้ได้อย่างง่ายดาย เราตกลงคบกันโดยที่ครอบครัวก็รู้ เพราะงั้นฉันจึงไว้ใจเขามาก จนกระทั่งเราสองคนได้แต่งงานกัน นิสัยของเขาก็เปลี่ยนไปทุกอย่าง ทั้งคำพูดสายตาการกระทำ มันไม่ใช่เขาคนเดิมที่ฉันเคยรู้จักเลย และสิ่งที่ทำให้ฉันช็อคมากกว่าเดิมคือเขาพาผู้หญิงเข้ามาในบ้านกอดจูบลูบคลำต่อหน้าฉัน โดยที่ไม่ได้นึกถึงจิตใจของคนที่เป็นเมียตีทะเบียนอย่างฉันเลย หลังจากนั้นเราก็มีการทะเลาะกันบ้างส่วนมากเขาจะไม่สนใจฉันมากกว่าจะทำเป็นเหมือนว่าฉันเป็นอากาศในสายตาของเขาซะมากกว่า ฉันเองก็ได้แต่คิดว่าฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่าหน้าที่ของภรรยาบกพร่องตรงไหนหรือเปล่า แต่ฉันก็คิดว่าฉันทำหน้าที่นี้ได้อย่างดี แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงเป็นแบบนั้น

ประธานแต่งงานสายฟ้าแลบดราม่าครอบครัวใช้ความรุนแรงแก้แค้นมาเฟียเศรษฐีพาลูกกหนีนักศึกษาเด็กเรียน

ตอนที่ 01 คนแปลกหน้าที่มาช่วยเหลือ

ณ สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง

หญิงสาวก้าวขาเดินเข้าไปอย่างเงอะๆ งะๆ จากทางด้านหลังประตูซึ่งไม่ต้องผ่านการตรวจใดๆ ทั้งสิ้น ในมือของเธอมีเอกสารอยู่ ซึ่งเพื่อนของเธอไหว้วานให้เธอนำมาส่งให้กับผู้จัดการของที่นี่

"พี่คะขอโทษนะคะ ผู้จัดการอยู่ตรงไหนหรอคะ?"

"อ้าว น้องไม่ใช่พนักงานของที่นี่หรอกหรอแล้วเข้ามาได้ยังไง"

"พอดีว่าเพื่อนของหนูมันวานให้หนูเอาเอกสารอันนี้มาให้ผู้จัดการค่ะ"

"ผู้จัดการอยู่ที่ห้องทำงานแหละเดินเข้าไปประตูอยู่ทางซ้ายมือประตูแรก"

"ขอบคุณนะคะ"

เธอเดินไปอย่างระมัดระวัง และด้วยความที่สถานที่มันไม่เหมาะสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 20 ปีซึ่งเธอก็ยังอายุไม่ครบเลยจึงทำให้เธอหันมองหน้ามองหลังด้วยความระแวง แต่เพื่อนของเธอก็ไหว้วานมาขนาดนี้แล้วเธอจะปฏิเสธได้ยังไงกัน

ก๊อกๆๆๆ

"เข้ามา?"

เธอเปิดประตูเข้าไปก่อนจะพบเข้ากับผู้หญิงคนนึงวัยกลางคนใส่แว่นอีกทั้งเสื้อผ้าก็ยังดูแซ่บจัดจ้านไม่เหมาะกับอายุแบบนี้เลย

"เธอไม่ใช่เด็กของที่นี่แล้วมาทำไม มาสมัครงานหรอ?"

"เปล่าค่ะ พอดีว่าเพื่อนของหนูชื่อพีชเขาฝากเอกสารอันนี้ให้เอามาส่งให้กับผู้จัดการค่ะ"

"อ๋อ ขอบใจมากนะ เดินก็ระวังๆ หน่อยล่ะ เข้าสถานบันเทิงแบบนี้เธออายุยังไม่ถึงควรแต่งตัวให้มันมิดชิดกว่านี้นะ"

"ขอโทษด้วยค่ะพอดีว่าหนูรีบมาก็เลยไม่ได้สังเกตตัวเอง" พอถูกทักแบบนั้นแล้วเธอก็รู้สึกอายจนหน้าชาไปเลย แต่เธอก็ไม่ทันได้สังเกตตัวเองจริงๆการแต่งตัวของเธอก็เป็นเพียงเสื้อยืดตัวสีขาวและกางเกงขาสั้นสีดำเท่านั้น

หญิงสาวเดินกลับออกไปจากห้องทำงาน และออกไปทางเดิม ตอนนี้ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาแล้ว ทางด้านหลังประตูที่เธอเดินเข้ามาก็เริ่มวุ่นวาย พนักงานต่างก็เร่งมือทำงานกันอย่างขันแข็ง

หมับ!

"น้องสาว มาทำอะไรที่นี่จ๊ะจะกลับแล้วหรอ?"

"ปะ ปล่อยหนูนะคะหนูแค่มาส่งของให้คนรู้จักเท่านั้นค่ะไม่ได้มาเที่ยว"

"ถ้าอย่างนั้นสนใจไปเที่ยวกับพี่ไหม"

"มะ ไม่เอาค่ะหนูต้องกลับบ้าน"

"ฮ่ะ! อะไรวะ ทำตัวเป็นเด็กไปได้ คนที่มาสถานบันเทิงแบบนี้เขาก็มาเที่ยวกันทั้งนั้นแหละ อยากดื่มอะไรล่ะเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง"

"หนูไม่ดื่มจริงๆ ค่ะ หนูขอบอกอีกครั้งว่าหนูแค่เอาของมาส่งให้คนรู้จัก ตอนนี้หนูกำลังจะกลับแล้วปล่อยหนูด้วยค่ะ"

"เฮ้ย...ถ้าอย่างนั้นไปนั่งเป็นเพื่อนพี่หน่อยก็ได้"

"ไม่ค่ะ จะอะไรก็แล้วแต่หนูไปนั่งกับพี่ไม่ได้หนูไปดื่มกับพี่ไม่ได้หนูต้องกลับบ้าน"

เธอยังคงปฏิเสธเหมือนเดิมต่อให้ผู้ชายคนนี้เขาจะพูดอะไรมาก็ตาม เพราะเธอขออนุญาตพ่อกับแม่ออกมาแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น หากกลับบ้านไม่ตรงเวลาเธออาจจะโดนดุหนักหน่อยก็อาจจะโดนตีเลยก็ได้

"อะไรวะนั่นนี่ก็ไม่ได้!" เขาเริ่มหัวเสียเพราะเธอไม่ยอมทำตามที่เขาพูดเลยไม่ว่าจะพูดอะไรมายั่วยวนแล้วก็ตาม

"อะ โอ๊ย! ปล่อยหนูเถอะค่ะหนูเจ็บ"

"ก็ยอมไปด้วยกันง่ายๆ สิจะได้ปล่อย!"

"ไม่ไปค่ะ ไม่ไปไหนทั้งนั้น"

หมับ!

จู่ๆ ก็มีมือปริศนามากระชากผู้ชายคนนั้นออกไปและแรงเหวี่ยงของเขาก็ผลักผู้ชายคนนั้นไปแทบล้มลงกับพื้น

"ผู้หญิงเขาไม่ยอมไปด้วย ก็ยังจะตามตื๊อเขาไม่เลิก"

"แล้วมึงเกี่ยวอะไรด้วยวะ!"

"เกี่ยวไม่เกี่ยวไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ ตรงนี้มันเป็นพื้นที่ของฉัน อยากให้ฉันแจ้งความไหมล่ะว่ามีคนมาก่อกวนในร้านของฉัน"

"นี่มึงกล้าขู่กูหรอ!" ผู้ชายคนนั้นถลึงตาเพราะความโกรธพร้อมกับชี้หน้าด่าผู้ชายที่เข้ามาช่วยเธอ ทำเอาเธอตกใจมากเพราะกลัวว่าจะมีปัญหากันไปบานปลายมากขึ้น ทว่ามีการ์ดที่เป็นผู้ชายใส่ชุดสูทสีดำเข้ามาล็อคตัวผู้ชายคนนั้นเอาไว้

"ไม่เคยมีใครมาชี้หน้าด่าฉันแบบนี้มาก่อน"

"....."

"และไอ้คนที่มันทำแบบนี้ต้องโดนตัดนิ้วมือทิ้งให้ด้วนให้หมด ส่งท้ายด้วยการจับโยนลงไปในบ่อจระเข้ ให้จระเข้มันกัดฉีกเนื้อสดๆ ทั้งที่ยังไม่ตาย"

หญิงสาวนึกภาพตามในสิ่งที่ชายหนุ่มพูดทำเอาเธอหน้าเหวอตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก ทั้งที่มันเกิดเรื่องกันแค่นี้เองแต่ตอนนี้มันกำลังบานปลายไปถึงชีวิตของคนคนนึงแล้ว

"มึงไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก"

"เอาตัวมันไปเดี๋ยวกูตามไปจัดการทีหลัง"

"ครับนาย"

ผู้ชายคนนั้นถูกการ์ดลากตัวออกไปต่อหน้าต่อตาหญิงสาวที่ยืนมองอยู่ ก่อนที่ผู้ชายที่เข้ามาช่วยเธอจะหันกลับมาคุยกับเธอ แต่พอเขาเอ่ยปากพูดคำแรกเท่านั้นเธอก็ตกใจสุดขีด เพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกทำแบบนั้นเหมือนกัน

"ตกใจทำไมกลัวฉันหรอ?"

"เอ่อคือ..."

"ดูเธอยังเด็กอยู่เลยทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?"

"หนูเอาเอกสารมาให้ผู้จัดการค่ะเพื่อนฝากให้เอามาส่งให้"

"อ๋อ..."

"หนูขอตัวนะคะ"

"เดี๋ยวก่อนสิ..."

"เฮือก..." เธอยืนนิ่งเกร็งจนตัวชาไปหมด เมื่อถูกใช้หนุ่มรั้งเอาไว้ด้วยคำพูดสั้นๆ แต่น้ำเสียงของเขามันช่างเย็นเยียบจนน่ากลัว

"ฉันมาช่วยเธอไม่คิดจะขอบคุณกันหน่อยหรอ?"

"ขะ ขอบคุณค่ะที่ช่วยหนู"

"คราวหน้าก็ระวังตัวให้มากกว่านี้ แล้วก็อย่าแต่งตัวแบบนี้อีกล่ะ ที่นี่มันเหมาะสำหรับคนที่บรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้นเข้าใจไหม"

"ขะ เข้าใจแล้วค่ะ"

"มีอะไรจะถามฉันหรือเปล่า?" ดูเหมือนว่าเขาจะดูออกว่าเธอมีบางอย่างที่อยากจะถามเขาเพราะเธอเอาแต่อึกอักไม่ยอมพูดจนเขาต้องถามออกไปเอง

"คุณจะทำแบบนั้นจริงๆ หรอคะ?"

"ทำอะไร?"

"ก็คุณบอกว่าคุณจะตัดนิ้วของผู้ชายคนนั้นให้ด้วนแล้วก็จับเขาโยนลงบ่อจระเข้ อันที่จริงเมื่อกี้เราสองคนก็แค่ทะเลาะกันนิดๆ หน่อยๆ ยังไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน อย่าให้มันถึงขั้นนั้นเลยได้ไหมคะ"

"แต่เมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นมันกำลังจะตบเธอแล้วนะ?"

"แต่เขาก็ไม่ควรต้องตายนี่คะ ถ้าเราลองคิดอีกมุมนึงเขาอาจจะมีเมียมีลูกที่รอให้เขากลับบ้านอยู่ก็ได้"

"....."

"อยะ อย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ หนูไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ใครต้องมาตายเพราะหนูมันเป็นบาป"

"ฉันไม่ได้ทำอะไรหรอกก็แค่พูดขู่ไปอย่างนั้นแหละ"

"....."

"แค่นี้ใช่ไหมที่เธอจะขอ?"

"ค่ะ"

"ถ้างั้นฉันไปทำงานล่ะ เธอก็กลับบ้านให้มันดีๆ อายุไม่ถึงก็อย่ามาที่นี่อีก เกิดอะไรขึ้นมาฉันรับผิดชอบไม่ได้นะ"

"ค่ะ"