บทที่ 2 อสูรไร้ใจ 2
ปางไม้ภูตลาแห่งนี้เป็นมรดกตกทอดมาจากรุ่นคุณปู่ของชายหนุ่ม ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างตกมาอยู่ในความดูแลของชายหนุ่มเมื่อตกมาอยู่ในมือของวายุกิจการทุกอย่างก็รุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น มีชื่อเสียงที่สุดในกาญจนบุรี คิดถึงปางไม้ต้องคิดถึงปางไม้ภูตลา
ปางไม้แห่งนี้ตั้งอยู่ตรงกลางของภูเขาสองลูก มีพื้นที่ 1,000 ไร่ ไม่ใช่แค่เป็นปางไม้อย่างเดียว แต่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาเยี่ยมชม ไหนจะฝูงแกะ 500 ตัว ม้าอีก 200 ตัว ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเลยก็ว่าได้ ไหนจะที่พักแบบโฮมสเตย์ที่เน้นความเป็นธรรมชาติอีก ใครมาเป็นต้องติดใจอยากกลับมาพักปางไม้ภูตลาอีกครั้งแถมคนงานส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่ โดยวายุจะเน้นไปทางอนุรักษ์ธรรมชาติ
ตกบ่ายของวันวายุเข้ามาเคลียร์งานในสำนักงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ใคร?” เสียงเข้มถามคนมารบกวนเวลางานด้วยความหงุดหงิดใจ
“ฉันเองวา นายว่างหรือเปล่า”
คเชนทร์เปิดประตูเข้ามา พร้อมกับบอกจุดประสงค์ของตน
“ว่ามาสิ นายมาก็ดีแล้วฉันมีเรื่องจะถามอยู่พอดี”
ก็ตัวเลขในบัญชีของปางไม้มันติดลบได้ยังไง ทั้งๆ ที่กิจการดีขนาดนี้ ความเป็นจริงในมุมมองของเขาแล้วมันไม่น่าจะติดลบได้เลยมันมีความเป็นไปได้ยากมากที่จะติดลบอย่างนี้
คเชนทร์เดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของวายุ
“เรื่องบัญชีของปางไม้”
คเชนทร์ว่าแล้ววายุต้องสงสัยและตรวจบัญชี เขาเลยต้องรีบมาปรึกษาเรื่องนี้ก่อน ก่อนที่วายุจะเริ่มสงสัยในตัวตน ถึงจะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ ก็ตาม แต่ชายหนุ่มไม่เคยคิดว่าวายุเป็นเพื่อนเลยสักครั้ง สำหรับคเชนทร์แล้ววายุคือตัวมารสำหรับตน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรๆ วายุจะมาที่หนึ่งตลอดส่วนเขานั้นเป็นได้แค่เพียงตัวสำรอง ไม่เคยมีสักครั้งที่จะชนะ แต่มีเรื่องเดียวคือเรื่องผู้หญิง และนั่นเป็นเรื่องที่เขาสะใจที่สุดเมื่อสามารถแย่งผู้หญิงที่วายุถูกใจแต่แรกพบมาเป็นแฟนได้
“เรื่องเดียวกัน ฉันก็จะถามนายเรื่องนี้เหมือนกัน”
วายุนั้นไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นคิดไม่ซื่อกับตนมาตลอด
“บัญชีเราติดลบ พอดีว่าไม้ที่เราส่งไปให้ลูกค้านั้นมันเกรดต่ำ ทางฝ่ายนั้นเลยบอกว่าจะเลิกสั่งไม้กับเรา เลยเป็นเหตุให้บัญชีปางไม้ติดลบ ฉันพยายามแล้วนะวา แต่มันก็ทำได้เท่านี้จริงๆ เพื่อน”
ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ทั้งๆ ในใจนั้นยิ้มสะใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ฉันไว้ใจนายนะเชน ถ้าไม่ไว้ใจนายฉันคงไม่ให้นายมาเป็นผู้จัดการปางไม้หรอกนะเพื่อน”
วายุเอ่ยเสียงเข้ม ถึงแม้จะเป็นเพื่อนกันมาแต่เด็กๆ ก็จริง แต่ถ้าคิดจะหักหลังคนอย่างวายุเมื่อไหร่ละก็คเชนทร์ไม่รอดแน่
“นายก็ว่าไป ฉันน่ะเพื่อนนายนะเว้ย!...”
คเชนทร์แสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนความกังวลของตน เมื่อได้ยินวายุพูดออกมาเช่นนี้
“เพราะนายเป็นเพื่อนฉันไง ถึงได้บอกไว้ก่อน แต่พูดไปงั้นแหละฉันรู้ว่านายไม่มีทางหักหลังฉันหรอก”
พร้อมกับลุกเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาตบไหล่เพื่อนรักเบาๆ
“นายไม่ต้องกังวลเรื่องบัญชีหรอกเชน ฉันจะจัดการเอง นายไม่มีอะไรแล้วก็ไปทำงานเถอะ เห็นว่ามีลูกทัวร์มาจากใต้ไม่ใช่เหรอ รีบไปเตรียมต้อนรับเถอะผู้จัดการคนเก่ง เออ!...แล้วเรื่องแม่ครัวทำกับข้าวให้คนงานในปางล่ะว่าไง มีใครมาสมัครหรือยังวะ”
“ขอบใจที่เชื่อใจฉันนะวา...แล้วแกจะรู้ว่าความเชื่อใจของแกจะย้อนกลับมาฆ่านายทั้งเป็น หึหึ...”
หลังประโยคหลุดหายเข้าไปในลำคอ ก่อนจะแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมาไม่ให้วายุเห็น
“ก็นายเป็นเพื่อนฉัน ไม่ให้ไว้ใจเพื่อนจะไปไว้ใจหมาแมวที่ไหนกัน”
“หมดเรื่องแล้วฉันขอไปต้อนรับลูกทัวร์ที่จะมาถึงตอนเย็นก่อนนะ ส่วนเรื่องแม่ครัวยังเลย ยังเงียบอยู่เลยเพื่อน”
“หวังว่าพรุ่งนี้คงมีมาสมัครนะ เพราะป้านุทำงานคนเดียวไม่ไหวแน่ สงสารแก แกเริ่มแก่แล้ว”
“รอลุ้นกันเพื่อน ไปแล้ว เผื่อมีสาวใต้ตาคมสวยมาฉันจะได้จีบ”
ว่าแล้วคเชนทร์ก็ลุกขึ้นตบไหล่วายุ แล้วเดินออกจากห้องทำงานไปด้วยแผนการร้ายเต็มหัวไปหมด
หลังจากคเชนทร์ออกไปแล้ว วายุก็เดินกลับไปนั่งประจำตำแหน่งตัวเองแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่ออย่างจริงจัง จนเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายชั่วโมง จนฟ้ามืดงานการทุกอย่างของวันนี้ก็เสร็จลง ชายหนุ่มจึงจัดการปิดโน้ตบุ๊ก แล้วเก็บเอกสารสำคัญให้เรียบร้อยก่อนจะปิดไฟออกจากห้องทำงานไป
ไกรศรีมาช่วยอริณญาทำอาหารเย็นไว้รอเจ้านาย เป็นแบบนี้มาตลอด 4 ปีที่ไกรศรีมาช่วยหญิงสาวทำอาหาร ชายหนุ่มได้แต่แอบรักแอบมองแบบนี้มาตลอด ทำได้เพียงเท่านี้ ไม่มีสิทธิ์ครอบครองหญิงสาว เพราะสาวเจ้านั้นมีใจรักต่อเจ้านายตนเพียงผู้เดียว
“พี่ไกรกับข้าวเสร็จแล้วทำไมวันนี้คุณวากลับช้าจังคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม
“สงสัยงานจะเยอะมั้งครับ หรือไม่ก็กำลังเดินทางมา พี่ว่าตั้งโต๊ะรอนายเลยดีกว่านะ”
“ดีเหมือนกันพี่ไกร คุณวามาจะได้กินข้าวเลย ป่านนี้คงหิวข้าวแล้วมั้งคะ”
หญิงสาวดูตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อเอ่ยถึงวายุ จนทำให้คนที่อยู่ด้วยอดใจแป้วไม่ได้ อดน้อยใจเสียไม่ได้เมื่อคิดว่าหัวใจดวงน้อยของอริณญานั้นไม่มีที่ว่างเหลือให้ตน จะมีไหมที่ผู้ชายจนๆ แต่งตัวปอนๆ อย่างตนจะแทรกเข้าไปในหัวใจสาวเจ้าได้
“ไปตั้งโต๊ะกันครับ”
ไกรศรีรีบจัดแจงยกจานอาหารทุกอย่างไปยังห้องทานข้าว เมื่อจัดเตรียมทุกอย่างกับหญิงสาวเสร็จผู้เป็นนายก็กลับมาพอดี
อริณญาเดินยิ้มเข้าไปถือกระเป๋าทำงานให้ชายหนุ่ม แล้วนำไปวางไว้อีกมุมหนึ่งก่อนจะเดินกลับมาหาบุรุษหนุ่ม
“คุณวาหิวไหมคะ ญากับพี่ไกรเพิ่งตั้งโต๊ะเสร็จค่ะ”
“หิวสิครับ แต่หิวญามากกว่า” แสร้งปากหวานพอให้หญิงสาวได้ชื่นใจ
แต่คนที่เจ็บปวดคือไกรศรี ยิ่งเจ้านายปากหวานกับหญิงสาวมากเท่าไหร่ ก็มันยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่าตนเป็นได้แค่สุนัขที่คอยดูแลหญิงสาวเท่านั้น
“นั่นนายจะไปไหนไกร ไม่อยู่กินด้วยกันเหรอ”
เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นลูกน้องที่กำลังจะเดินออกไป เลยร้องเรียกไว้
“ไม่ครับนาย พอดีผมนัดไอ้ชิดไว้แล้วว่าจะไปกินเหล้ากัน ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้วครับ”
ทุกครั้งไกรศรีจะอ้างแบบนี้เสมอ เพราะไม่อยากนั่งดูภาพบาดใจ
“อีกแล้วนะไกร มีนัดกินเหล้ากับไอ้ชิดทุกทีสิน่า...ไปเถอะ ฉันกินกับญาสองคนก็ได้”
“นั่นสิคะพี่ไกร ตัวเองก็ช่วยกันทำกับญา แต่ไม่เคยกินสักครั้ง แต่ก็แล้วแต่พี่เถอะค่ะ คุณวาเรากินข้าวกันดีกว่า วันนี้ญาทำแต่ของโปรดคุณทั้งนั้นเลยนะคะ”
ไกรศรีอยู่มองภาพที่อริณญาเอาอกเอาใจเจ้านายตนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินจากไป เพื่อไปเจ็บเพียงลำพังพร้อมกับเหล้าขาวสักขวดกับชิดชัยลูกน้องของตน
หลังจากทานข้าวอิ่ม วายุก็ไปนั่งดูข่าวสารบ้านเมืองที่ห้องนั่งเล่นพักหนึ่ง ก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวเข้านอน เมื่อละครหลังข่าวมาแล้ว เวลานี้เป็นเวลาของอริณญาที่จับจองอยู่หน้าจอโทรทัศน์ และก่อนไปชายหนุ่มไม่ลืมสั่งให้หญิงสาวเข้าไปบำเรอตนในค่ำคืนนี้
อริณญานั่งดูละครจนจบ กว่าจะจบก็ปาไปสี่ทุ่มครึ่งแล้วหญิงสาวเลยปิดโทรทัศน์และไฟข้างล่าง ก่อนจะไปนอนบ้าง แต่ค่ำคืนนี้ที่นอนของเธอคือห้องนอนใหญ่ของวายุ
ในจังหวะที่อริณญาเดินหายเข้าไปในห้องของวายุนั้นเองไกรศรีผ่านมาเห็นเข้าพอดี ชายหนุ่มจึงหยุดยืนมองอยู่สักพัก ก่อนจะเดินหันหลังกลับไปทางเดิม เพื่อไปกินน้ำเมาตอกย้ำความเจ็บปวดของตนอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เพิ่งจะแยกกับชิดชัยมาเมื่อกี้