บทที่ 2 อสูรไร้ใจ 1
“โดนไหมไกร?”
เสียงเข้มถามลูกน้องคนสนิทที่ขี่ม้าตามตนมาติดๆ เมื่อเห็นว่าเจ้ากระต่ายโชคร้ายนั้นนอนแน่นิ่งไปแล้ว
“น่าจะโดนครับนาย”
ตอบอย่างที่ตาเห็น ไม่มีทางที่คนอย่างนายวายุ เทพเสน่ห์ชาย จะยิงไม่โดน เขาอยู่รับใช้ชายหนุ่มมานานรู้ว่าภายใต้เสียงเข้ม สีหน้าเรียบนั้นมักมีอะไรซ่อนไว้เสมอ แต่ก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันคืออะไรที่ซ่อนไว้ใต้ความเงียบขรึมนั้นของผู้เป็นนาย
“บ๊ะไอ้นี่!...ลงไปดูสิ ถ้าโดนจะได้เอาไปย่างกิน” สั่งลูกน้องสนิทเสียงเข้ม
“ครับนาย”
วายุ เทพเสน่ห์ชาย หรือวา วัย 35 ปี เจ้าของปางไม้หนุ่มเนื้อหอม สาวใดเห็นเป็นต้องหลงใหล ใบหน้าคมคร้ามแดด ร่างกายสูงใหญ่กำยำสมชาติชาตรีนั่งบนหลังม้าอย่างองอาจจ้องมองไปยังทิศทางที่ตนยิงธนูออกไปด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
ด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลเทพเสน่ห์ชาย ก็สมกับเป็นทายาทเสียจริง ไปไหนสาวเล็กสาวใหญ่ติดกันตรึม วายุเป็นคนไม่ค่อยพูดค่อยจา ถ้าไม่สนิทจะไม่พูดกันเกินสามประโยค มีแต่ไกรศรีและคเชนทร์เท่านั้นที่ชายหนุ่มสนิทใจที่จะพูดคุยด้วย
ภายใต้ใบหน้าคมเข้มนั้นมักมีอสูรร้ายซ่อนอยู่เสมอ ผู้หญิงสำหรับวายุเป็นเป็นเพียงแค่ตุ๊กตาที่มีชีวิตและขยับได้บนเตียงเท่านั้น ถ้านอกเหนือจากบนเตียงแล้วพวกหล่อนก็เปรียบเสมือนของตายที่ไร้ค่าสำหรับชายหนุ่มวายุอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลาย เขาจึงดูเป็นคนแข็งๆ ไม่มีความอ่อนโยนให้ใคร ตั้งแต่บิดามารดาประสบอุบัติเหตุขณะขับรถไปรับเขากลับมาจากโรงเรียน แต่ระหว่างทางมีรถสิบล้อที่คนขับเมายาบ้าขับชนเอาท่านทั้งสองเลยเสียชีวิตไปพร้อมๆ กัน หลังจากวันนั้นวันที่เสียท่านทั้งสองจากไปชายหนุ่มได้ให้สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ยอมเสียน้ำตาให้ใครอีก จะไม่มีวันอ่อนแอให้ใครเห็น ด้วยความเข้มแข็งของชายหนุ่มถึงทำให้มีปางไม้ภูตลาในวันนี้ได้
“นายจะเอายังไงกับเจ้ากระต่ายตัวนี้ดีครับ” ไกรศรีขี่ม้ากลับมาพร้อมกับกระต่ายตัวน้อยที่น่าสงสาร
“ก็เอาไปย่างกินสิ จะเก็บไว้ทำซากอะไร” เอ่ยจบก็ควบม้าตัวโปรดเจ้ามังกรดำไปยังกระท่อมน้อยที่อยู่ไม่ไกลจากนี้เท่าไหร่นัก โดยมีลูกน้องคนสนิทควบม้าตามไปติดๆ ไม่นานทั้งสองหนุ่มโสดก็มาถึงที่หมาย
“ไปก่อไฟย่างสิไกร”
มาถึงก็สั่ง ส่วนตัวเองนั้นไปนอนสบายใจบนตัวกระท่อมน้อยเฉยเลย
ไกรศรีมองตามเจ้านายด้วยความเคารพ ก่อนจะไปทำตามคำสั่ง
“เรื่องแม่ครัวทำกับข้าวให้คนงานไปถึงไหนแล้วไอ้ไกร?”
อยู่ๆ ก็เกิดนึกสนใจเรื่องรับคนงานขึ้นมา ซึ่งปกติเรื่องแบบนี้วายุไม่เคยคิดจะสนใจด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ ก็เกิดอยากรู้ขึ้นมา
“ไม่รู้เหมือนกันครับนาย เพราะคุณเชนเป็นคนคัดคนงานครับ” ตอบตามตรง
“เออ!...มีสักเรื่องไหมที่แกรู้กับเขานอกจากเรื่องส่วนตัวของฉันไอ้ไกร” อดเหน็บคนสนิทไม่ได้ ทีเรื่องส่วนตัวเขาน่ะรู้ก่อนตัวเขาเองเสียอีก
“ก็นายเป็นไอดอลของความเถื่อนของผม เป็นธรรมดาที่ไอ้ไกรจะติดตามอัพเดตข่าวนายเสมอครับ”
“ฉันเป็นต้นแบบนายว่างั้นเถอะ”
“ใช่แล้วครับ”
“เบื่อจะพูดกับแกแล้ว รีบๆ ย่างกระต่ายให้สุก จะค่ำแล้วกินเสร็จจะได้กลับบ้านกัน คิดถึงกายหอมๆ ของญาเต็มแก่แล้ว”
พอเอ่ยถึงอริณญาเลือดในกายหนุ่มของวายุก็พลุ่งพล่าน ใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อคิดถึงบทรักของเขาและหญิงสาว ยิ่งผิวกายนวลเนียนของสาวเจ้านั้นหอมละมุน มันยิ่งทำให้ความปรารถนาในกายของบุรุษหนุ่มเพิ่มพูนขึ้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า
ไกรศรีไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียวเมื่อเอ่ยถึงสาวน้อยนางนี้ ชายหนุ่มได้แต่บอกตัวเองว่าอริณญานั้นเป็นของต้องห้าม ผู้ชายคนไหนก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวเธอนอกจากเจ้านายของเขาผู้นี้
เวลาผ่านไปไม่นานกระต่ายน้อยผู้น่าสงสารก็สุกหอมจนได้ที่ ไกรศรีเลยนำมาให้เจ้านายทาน พร้อมกับตน
สำหรับวายุนั้นไกรศรีเปรียบดั่งน้องชาย ชายหนุ่มอายุห่างกับไกรศรี 4 ปี จึงไม่แปลกนักที่คนตัวคนเดียวอย่างเขาจะเห็นไกรศรีเป็นเหมือนคนในครอบครัว ตั้งแต่รู้จักกันมา 10 ปีกว่า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็มีไกรศรีรับรู้ด้วยตลอด และมีอีกคนคือเพื่อนที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ อย่างคเชนทร์ พอเรียนจบวายุเลยชวนคเชนทร์มาทำงานด้วยกันที่ปางไม้ภูตลา
หลังจากกลับมาจากล่ากระต่ายที่ชายป่าอีกด้านของปางไม้ ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปในบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ของตนที่แสนจะเงียบเหงาว่างเปล่า ซึ่งหาคำว่าบ้านและครอบครัวไม่ได้เลยเขาอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่พ่อและแม่จากไป เลยอยากนักที่จะหาคนมาเป็นครอบครัวด้วย แถมญาติพี่น้องก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศกันหมด เลยต้องเหลือตัวเปล่าคนเดียว จะมีก็แต่ไกรศรี อริณญา และคนรับใช้เท่านั้นที่อาศัยอยู่บ้านไม้หลังใหญ่นี้
“นายครับผมขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”
ไกรศรีเอ่ยขอตัวเมื่อมาถึง ที่พักของเขาอยู่ในตัวเรือนไทยนี้แหละ แต่แยกออกไปอีกด้าน
“อืม!...” วายุพยักหน้าให้แล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน
“ญามานั่งทำอะไรตรงนี้ครับ”
เห็นอริณญานั่งเล่นอยู่ตรงห้องรับแขกเลยเดินเข้าไปถาม
“ญามานั่งเล่นค่ะคุณวา”
จะให้บอกความจริงได้ไงว่ามานั่งรอชายหนุ่มกลับบ้าน
“ผมเหนื่อยจังเลยญา ขอน้ำกินหน่อยครับ”
ชายหนุ่มเอ็นดูหญิงสาวเป็นพิเศษกว่าหญิงอื่นใด ไม่รู้เพราะรักหรือเพราะอะไรวายุก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เมื่อ 4 ปีก่อนชายหนุ่มได้ร่วมมือกับตำรวจเข้าจับกุมแก๊งค้าประเวณี นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้เขาได้รู้จักกับอริณญา หญิงสาวผู้อาภัพโชคร้าย ในวันนั้นเองสาวน้อยไม่มีที่ไปจึงขอติดตามเขามาอยู่ด้วย และบอกว่าจะตอบแทนให้ชายหนุ่มทุกอย่าง วายุได้บอกกับตัวเองแล้วว่าจะไม่แตะต้องเธอ แต่แล้วความผิดพลาดก็เกิดขึ้นในคืนต่อมา และที่แปลกคือหญิงสาวไม่ขัดขืนใดๆ สมยอมไปเสียทุกอย่าง นับตั้งแต่นั้นมาเขาและหญิงสาวก็ตกลงกันจะมีความสัมพันธ์กันแค่ทางกาย ส่วนทางใจนั้นทางใครทางมัน เพราะผู้ชายอย่างเขาไม่สมควรจะรักใคร ซึ่งในข้อตกลงนี้หญิงสาวก็ยอมรับโดยไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ เลยทำให้อยู่ด้วยกันได้มาจนถึงทุกวันนี้
“เหนื่อยเหรอคะคุณวา รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวญาไปเอาน้ำเย็นๆ มาให้ดื่ม และจะกลับมานวดให้ค่ะ”
ตลอด 4 ปีที่อยู่กับวายุเธอมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นใบหน้าคมคร้ามของชายหนุ่ม แอบหวังมาตลอดว่าสักวันบุรุษหนุ่มผู้นี้จะรักตนบ้าง แต่มันคงเป็นไปได้ยากที่จะมีวันนั้น ในเมื่อไม่มีสิ่งใดเลยที่จะทำให้เขาหันมารักเธอได้ สำหรับอริณญาแล้วการที่เป็นนางบำเรอของวายุไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย ในเมื่อเขาคือผู้มีพระคุณ มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ได้ ถึงแม้ว่าตัวเองนั้นจะหลงรักผู้มีพระคุณตั้งแต่รู้จักเลยก็ตาม แต่มันก็เป็นเพียงความรู้สึกของหัวใจ ได้แต่เก็บไว้ข้างในไม่สามารถบอกกล่าวชายหนุ่มได้
“ขอบคุณครับ”
หญิงสาวเป็นคนที่วายุยิ้มให้และพูดจาอ่อนโยนด้วยเป็นคนแรก และมีอีกหนึ่งคนสาวหมวยที่เขาเผอิญได้รู้จักเมื่อสองเดือนก่อน ถือว่าเป็นผู้หญิงอีกคนที่สามารถทำให้เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุข แต่หญิงสาวนั้นเป็นแฟนของเพื่อนเลยได้แต่มองความน่ารักของเธออยู่ห่างๆ
อริณญาเดินหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกับน้ำในมือ
“ดื่มให้ชื่นใจนะคะ ถ้าอิ่มแล้วคุณวานอนลงบนโซฟาเลยค่ะญาจะนวดให้”
“ครับญา”
หญิงสาวเริ่มนวดให้ชายหนุ่มอย่างที่เคยนวดให้เหมือนทุกค่ำคืนที่เคยทำ ทำแบบนี้มาตลอด 4 ปีแล้ว จนตอนนี้อายุ 24 ปี และโชคดีอีกอย่างของหญิงสาวนั้นคือชายหนุ่มส่งเสียให้เธอเรียนจบสูงๆ เพื่อที่จะได้มีความรู้ไว้ติดตัวเวลาที่เธอพร้อมจะเดินออกจากชีวิตชายหนุ่ม เพื่อจะได้ไปเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนที่พร้อมจะดูแลเธอ