บทที่10 คุณแน่ใจนะว่าอยากให้ฉันไป
บทที่10 คุณแน่ใจนะว่าอยากให้ฉันไป
“เธอรังแกผมก่อนนะ”
กานต์พูดอย่างน้อยใจ ตาหงส์เฟิ่งคู่นั้นมองละห้อยไปที่เธอ คงไม่ต้องบอกว่าดูน่าสงสารแค่ไหน
ถึงนรมนจะรู้ว่ากานต์แกล้งทำ แต่เธอก็ยังอดรนทนไม่ได้ เธอได้แต่ส่ายหัวและพูดว่า “ป้าคมทิพย์เขาแสดงออกเพราะว่าชอบหนู วิธีการแสดงออกของหนูกลับไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นลูกผู้ชายเลยนะ”
“เอาล่ะ ผมจะขอโทษเธอ”
กานต์เก็บอาการไม่พอใจเอาไว้ เขาถอนหายใจและเดินออกไป
คมทิพย์ยังคงชอบกานต์มาก ความจริงแล้วเด็กคนนี้ก็ดูแล้วเจริญหูเจริญตาดี ทำให้คนโกรธไม่ลง ไม่นานนักเธอก็เริ่มถึงเนื้อถึงตัวกานต์อีกครั้ง
กานต์จ้องหน้านรมนและอดกลั้นเอาไว้ อย่างไรก็แล้วแต่เขายังพยายามรักษาระยะห่างระหว่างเขาและคมทิพย์
ทั้งสามใช้เวลาคืนนั้นผ่านไปโดยราบรื่น
นรมนตื่นแต่เช้าตรู่ กานต์ออกไปข้างนอกและซื้ออาหารเช้าเข้ามาด้วย และยังจัดวางไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย
“มามี๊ อรุณสวัสดิ์”
เขาฉีกยิ้มให้นรมนกว้างมาก แม้ว่าใบหน้านั้นจะคล้ายกับใบหน้าของบุริศร์ แต่บุริศร์ไม่เคยยิ้มให้เธอมาก่อน แต่ว่ากานต์เป็นเหมือนเทวดาตัวน้อยของเธอนรมน เป็นเทวดาตัวน้อยของเธอคนเดียว
“อรุณสวัสดิ์!”
นรมนลูบหัวของเขาอย่างมีความสุข
คมทิพย์ได้ยินเสียงจึงเดินออกมาจากห้อง เมื่อเธอเห็นอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะเธอจึงพูดขึ้น “มน เธอเป็นนางฟ้าของฉันจริงๆ เธอซื้ออาหารเช้าเตรียมไว้แล้ว สุดยอด! ในที่สุดฉันก็จะได้ทานอาหารเช้าก่อนไปสอนหนังสือ”
“กานต์ซื้อมา ฉันก็เพิ่งจะตื่น”
นรมนชินกับกิริยาท่าทางของคมทิพย์เช่นนี้ แต่ว่ากานต์กลับขมวดคิ้วขึ้นมา
“มามี๊ ผมต้องไปเรียนที่โรงเรียนอนุบาลของป้าคมทิพย์จริงๆหรอครับ”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดูแคลน
คมทิพย์หนีบใบหูของเขาขึ้นมา
“ตัวแสบ ทำเสียงอะไร ฉันจะบอกเธอให้นะ ฉันนี่ล่ะครูตัวท๊อปของโรงเรียนอนุบาลเธอนะ!”
“ตึง!”
กานต์นั่งลงและหยิบจานขึ้นมาทาน
คมทิพย์อยากร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
นรมนรีบหนีออกจากสนามรบอย่างรวดเร็ว
“วันนี้ฉันจะไปรายงานตัวที่บริษัทฮัวยูกรุปจำกัด ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”
“นรมน เธอเอาจริงดิ!”
คมทิพย์กระทืบเท้า นรมนเดินเข้าห้องน้ำไปตั้งนานแล้ว
หลังจากความวุ่นวายในตอนเช้า กานต์ตามคมทิพย์ไปที่โรงเรียนอนุบาล ส่วนนรมนก็ไปที่บริษัทฮัวยูกรุปจำกัด
แต่งงานเมื่อแปดปีก่อน ถูกบังคับให้ออกจากที่นี่เมื่อห้าปีก่อน เธอเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลโตเล็ก ภรรยาของบุริศร์ แต่ว่าเธอไม่เคยก้าวเข้าบริษัทฮัวยูกรุปจำกัดเลยสักครั้ง แต่ว่าวันนี้เธอกลับมาในฐานะคนแปลกหน้า ไม่รู้ว่าเมื่อบุริศร์ได้เห็นชื่อนรมนแล้ว เมื่อคืนจะนอนหลับรึเปล่า
มุมปากของนรมนยกขึ้น แววตาฉายรัศมีของความเกลียดชัง
เธอสะกดเก็บอารมณ์ของตัวเอง และก้าวเท้าเข้าบริษัทฮัวยูกรุปไป
“ขอโทษค่ะ คุณผู้หญิง มาหาใครคะ”
พนักงานต้อนรับหญิงพูดขึ้นอย่างรวดเร็วและเข้ามาหยุดเธอไว้
นรมนมองดูห้องโถงใหญ่ของบริษัทฮัวยูกรุปจำกัด ช่างออกแบบอย่างมีสไตล์ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้เป็นบริษัทชั้นนำในเมืองชลธี แต่ว่าเธอกลับมาแล้ว หลังจากนี้ตระกูลโตเล็กจะยังเป็นที่หนึ่งหรือสองในเมืองชลธีอยู่ไหมก็ค่อยมาว่ากัน
“ฉันมาหาบุริศร์ ฉันคือแคทเธอรี สถาปนิกที่บริษัทHJกรุปอเมริกาส่งมา วันนี้ฉันมารายงานตัว”
นรมนยิ้มจืดและพูด
เมื่อพนักงานต้อนรับหญิงได้ยินแล้วก็ไม่กล้าเสียมารยาท เธอยิ้มและรีบพูดว่า “คุณแคทเธอรี กรุณารอสักครู่ค่ะ ดิฉันจะแจ้งกับทางท่านประธานบุริศร์สักครู่”
“ได้”
นรมนไม่ได้รบกวนหล่อน เธอได้แต่ยืนรออยู่ที่แผนกต้อนรับ
ถึงตอนนี้ เสียงอันคุ้นหูดังมาจากทางด้านหลัง
“คุณน้ำ บุริศร์มาแล้วใช่ไหมคะ เขารีบมาแต่เช้า ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย ฉันเลยเอาของว่างมาให้เขานิดหน่อย ไม่ต้องแจ้งเขานะคะ เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปเลย”
เขมิกาหิ้วกระติกเก็บความร้อนและเดินเข้าไปอย่างคล่องแคล่ว
ไม่เจอกันห้าปี หล่อนยังคงสวยเหมือนเดิม หุ่นยิ่งดีกว่าเดิมอีก
นรมนจ้องมองเธอ นัยน์ตาเธอไม่สามารถซ่อนความโกรธแค้นเอาไว้ได้
เขมิกาไวต่อความรู้สึกและหันกลับมามอง สายตาจึงปะทะเข้ากับนรมน ถึงแม้ว่านรมนจะเก็บอารมณ์ขุ่นเคืองเอาไว้แล้ว แต่ว่าเขมิกาก็ยังขมวดคิ้ว
“เธอเป็นใคร มาที่นี่ทำไม ดูท่าทางไม่น่าไว้วางใจ ไม่ได้มาหาบ้านเราตระกูลโตเล็กหรอกใช่ไหม”
เขมิกาพูดลอยๆออกมาอย่างไม่น่าฟัง
ที่แท้เธออิจฉาความงามของนรมน
ผู้หญิงคนนี้ทำให้เธอรู้สึกถึงอันตราย ถึงแม้ว่าตัวเธอเองก็จะดูดีเช่นกัน ยังน่าจะสวยกว่าเธออยู่เล็กน้อยด้วยซ้ำ ทั้งรูปร่างและใบหน้า ขนาดผู้หญิงก็ยังหลงใหล ไม่ต้องพูดถึงสำหรับผู้ชาย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขมิกาก็รู้สึกว่าเธอต้องหาทางรับมือ
“คุณน้ำ ให้พนักงานรักษาความปลอดภัยเอาตัวผู้หญิงคนนี้ออกจากบริษัทฮัวยูกรุปจำกัดไปซะ!”
คำพูดของเขมิกาทำให้คุณน้ำพนักงานต้อนรับรู้สึกลำบากใจ เธอยังไม่ทันอธิบายให้เขมิกาได้รู้ว่านรมนเป็นใคร นรมนก็หัวเราะขึ้นมา
เสียงหัวเราะนั้นสั่นสะเทือนไปทั้งจิตวิญญาณ
“คุณล่ะเป็นใคร เป็นอะไรกับบริษัทฮัวยู คุณแน่ใจนะว่าอยากให้ฉันไป”
นรมนพูดเนิบๆ แต่สายตาเต็มไปด้วยกระแสความดูถูกและการประชดประชัน ท่าทางไม่สนไม่แคร์ช่างเป็นการยั่วยุเขมิกาเสียจริง จู่ๆหล่อนก็รู้สึกว่านรมนต้องการยั่วโมโหหล่อน!