ชำระหนี้เมียคืนเดียว บทที่3.ตายซะดีกว่า อยู่ไปก็ไร้ค่า 2/2
“รวยอะไรมาน้องสาว...ของกินเพียบเลย”
ไอ้ปากหมาประจำหอพักตะโกนสัพยอกเธอ แต่อัปสรไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำ เธอจ้องตามันแล้วจึงแสยะยิ้ม
“เห่าวันนี้ได้วันสุดท้ายนะพี่ชาย...อยากสำรากอะไรก็พูดออกมาได้เลย...”
มันชะงัก แล้วจึงผุดลุกขึ้นยืน หน้าแดงก่ำ “ปากดีจริงนะอีคนสวย! นึกว่าสวยตายล่ะมึง โทรมยิ่งกว่ากะหรี่ แบบนี้ใครจะเอาลงว่ะ” มันกรรโชกกลับเสียงอ้อแอ้...คงกำลังเมาได้ที่
“หึ!” เธอแค่นยิ้ม คนพวกนี้แปลก...เฉยมันก็ด่าหาว่าเล่นตัว ตอกกลับมันก็ด่า หาสารรูปดูไม่จืดแล้วมาทำหยิ่ง เธอเพลียและเหนื่อยใจแต่ก็ต้องทน แต่...วันนี้ความอดทนเธอขาดผึ่งแล้ว ต้องให้มันสำนึกบ้างว่าการทำตัวเป็นเหลือบสังคม มีใครรังเกียจมันบ้าง?
“อ๋อ! ถ้าฉันเป็น เอ่อ..กะ...อะไรนั่น แสดงว่าพี่ชายก็ไม่ต่างอะไรกับแมงดาสินะ เห็นเกาะเมียกินไปวันๆ งานการไม่คิดจะทำ...แดกเข้าไปค่ะเหล้านั่นน่ะ มันคงจะช่วยให้พี่เจริญขึ้นและกลายเป็นคนดี...ไอ้พวกขยะสังคมเอ๋ย! ดีแต่สร้างมลพิษ ไม่ได้ก้มมองปลายตีนตัวเองเล๊ย! คิดว่าใหญ่จนคนอื่นต้องกลัวเหรอไงว่ะ? บอกตรงๆ ค่ะ ฉันไม่เคยแล... และไม่คิดต่อปากต่อคำกับพวกพี่ให้เสียเวลา กลับเข้าไปอยู่ในกะลา แล้วก็เห่าหอนตัวเองไป๊!”
มันตั้งท่าเหมือนจะถลาเข้ามาหา และอัปสรก็ตั้งท่ารับ วันนี้เธอตัดสินใจตาย! ไม่กลัวมันล่ะ จะขอสู้เป็นครั้งสุดท้าย ทนมานานจนทนไม่ไหว ...ไอ้พวกเวรตะไลพวกนี้ ดีแต่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า…
ไอ้มนุษย์เส็งเคร็งเหลือบไรสังคม พอเห็นคู่ปรับตั้งท่าสู้ มันเลยต้องรีบคิดใหม่ ตัวเองเมาจนตาลาย เดินแทบจะไม่ไหว หากเข้าปะทะกันตรงๆ เกรงว่าตัวเองอาจจะเสียเปรียบ มันจึงชะงัก...เอาเป็นว่าปล่อยมันไปก่อนเถอะ! วันหน้าค่อยหาโอกาสใหม่ อีนี่ไม่มีทางไปไหนหรอก...จนกรอบเสียขนาดนั้น
“ฝากไว้ก่อนเถอะโว้ย!” มันยกมือขึ้น ชี้หน้าอัปสรแล้วจึงรีบหมุนตัวเดินหนี คว้าขวดเหล้ามากอดไว้แนบอก แล้วเดินตุปัดตุเป๋คลำทางกลับห้องพักของตัวเอง
“ไอ้เชี่ย...ชิ!” อัปสรเบ้ปาก...เธอเดินกลับห้องและตั้งหน้าตั้งตากินอาหารที่หอบหิ้วมาอย่างมีความสุข เงินในกระเป๋าของเธอหมดเกลี้ยง... ไม่มีเหลือสักบาท... เมื่ออัปสรจงใจใช้... เธอจะตายมันวันนี้แหละๆ ไหนๆ ปัญหาก็รุมเร้าหนักทุกทาง จนไม่มีพื้นที่พอให้หายใจ หนี้ท่วมหัว! และไม่มีปัญญาหาทางออก ไม่มีงานทำ ตกงานเพราะถูกไล่ออก...ไม่มีเงินเหลือสักบาทติดก้นกระเป๋า เงินก้อนสุดท้ายเธอพึ่งจะจ่ายค่ารถแท็กซี่ เป็นการตามใจตัวเองครั้งแรกในรอบ6 เดือน
“วู้ๆ อร่อยแท้ เห้อ! ...อัปสรเอ๋ยแกได้นอนตายตาหลับแล้วแหละวันนี้... ได้กินอาหารอร่อยเต็มคราบ แล้วก็ไม่ต้องคิดมากให้ปวดหัวเรื่องเงินๆ ทองๆ”
หญิงสาวทิ้งตัวนอนหงายสอดมือรองใต้ศีรษะ สายตามองฝ้าเพดานที่เต็มไปด้วยคราบสกปรก เพราะมันผ่านวันเวลามานานปี จนสีเดิมที่ทาทับไว้หลุดร่อน เผยให้เห็นเนื้อแท้ด้านใน สภาพรอบตัวเสื่อมโทรม และมันไม่ใช่สิ่งที่อัปสรเคยชิน แต่เธอกลับต้องทน เมื่อเธอกลายเป็นนางฟ้าตกสวรรค์
“เธอนั่นยัยอัปสรใช่ไหม?” หญิงสาวนึกถึงเหตุการณ์ล่าสุดของตัวเอง กลุ่มเพื่อนสมัยเรียนตอนที่อยู่เมืองไทย
“ใช่! ฉันอยากพาพวกแกมาดูไง ไม่น่าเชื่อเนอะ นางฟ้าตกสวรรค์เสียแล้ว อิๆ”
เสียงคุยดังมาเข้าหู เธอรู้...คนทั้งกลุ่มจงใจพูดให้เธอได้ยิน เมื่อแต่ละนางคือคู่อริ...คนที่เคยเขม่นกันในสมัยเรียนช่วงเวลาที่เธอเคยอู้ฟู่ พวกหล่อนๆ ไม่ได้หวังดีแน่ เธอรู้?
“สภาพดูไม่จืด นี่นะเหรอคุณหนูนางฟ้า...ต๊ายตาย! น่าอนาถเนอะเธอ”
ใครอยากพูดอะไร? พูดไปได้เลย! เมื่อมันคือความจริง เวลานี้เธอเป็นแค่พนักงานไม่มีสิทธิ์ไปต่อปากต่อคำกับลูกค้า ไอ้ผู้จัดการขี้ฉ้อยิ่งจ้องจะหาทางไล่เธอออกอยู่ด้วยสิ อัปสรกำมือแน่นแล้วก็ท่องในใจ ‘ทน’ เธอต้องทนได้