ตอนที่ 1 (แค้นซ่อนไฟใจซ่อนรัก)
(1)-ฟลอเรนซ์-อิตาลี
ฟลอเรนซ์ (Florance) หรือ ฟิเรนเซ่ (Firanze) เมืองแห่งศิลปะและสถาปัตยกรรมงดงามของประเทศอิตาลี เป็นเมืองหลวงในแคว้นทอสคาน่า มีแม่น้ำอาร์โน(Arno River)ไหลผ่าน อันเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์ตระกูลออสซินี่ของนักธุรกิจผู้หวงความเป็นส่วนตัวชื่อดัง อาลอนโซ่ เดอ ออสซินี่ โดยต้นตระกูลของเขาเป็นเครือญาติกับตระกูลที่มีบทบาทสำคัญในการปกครองเมืองฟลอเรนซ์ คือ ตระกูล เมดิซี(Medici)ในยุคสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์รุ่งเรือง
ต้นตระกูล ออสซินี่ มีธุรกิจเกี่ยวกับการออกแบบสิ่งปลูกสร้าง และธุรกิจจัดสรรก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่เรียกว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบเรอเนสซองส์(Renaissance)สืบทอดมาถึงลูกหลานในยุคปัจจุบันอาลอนโซ่ก็เป็นคนหนึ่งที่ดำเนินรอยตามบรรพบุรุษและรับช่วงต่อมาจากบิดาทำให้เขาได้รับความนับถือจากนักธุรกิจวงการเดียวกันเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งการอยู่ในสังคมชนชั้นสูงของนักธุกิจมีชื่อระดับเมืองหลวงหรือมณฑลของแคว้นย่อมเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและคนทั่วไป แต่สิ่งที่คนในตระกูลออสซินี่ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างเคร่งครัด คือ ความเป็นส่วนตัว
อาลอนโซ่เป็นคนรักครอบครัวและรักภรรยามากที่สุดเท่าที่ชายคนหนึ่งจะรักผู้หญิงคนหนึ่งได้ เขาพบรักกับฟิลิเป้สาวงามชาติฝรั่งเศสที่เขาหลงรักทันทีในวันเกิดอายุครบยี่สิบเจ็ดปีและแต่งงานกันในปีถัดมา หลังจากคลอดลูกชายได้ปีเศษภรรยาของอาลอนโซ่ก็ตั้งครรภ์อีกครั้ง แต่สามเดือนถัดมาฟิลิเป้ได้แท้งลูกคนที่สองและการแท้งลูกในครั้งนั้นทำให้สุขภาพร่างกายอ่อนแอลงทุกวันและจากไปในปีที่อาร์มานโด้ลูกชายคนเดียวของเขาอายุครบสิบเอ็ดปี
การสูญเสียภรรยาทำให้อาลอนโซ่เสียใจมาก จากที่เคยรักครอบครัวเขากลับทำตัวเหินห่างกับลูกชายคนเดียว ปล่อยหน้าที่การเลี้ยงดูทุกอย่างอยู่กับเบลิน่าคุณแม่บ้านที่รับใช้ใกล้ชิดภรรยา ส่วนเขาก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานและแทบจะไม่ได้กลับบ้าน
อาลอนโซ่แทบไม่ได้เจอหน้าลูกชายคนเดียวจนอาร์มานโด้เรียนจบมหาวิทยาลัยสองพ่อลูกจึงได้พบเจอกันบ่อยครั้งมากขึ้น เพราะอาร์มานโด้ต้องเรียนรู้งานทุกอย่างจากผู้เป็นบิดา แต่ทั้งสองก็ยังรักษาระยะห่างด้วยการไม่เข้าไปก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของอีกฝ่าย
หลังจากฟิลิเป้ภรรยาตายอาลอนโซ่ก็มีผู้หญิงมากมายเข้ามาในชีวิต แต่เป็นเพียงที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เพราะเขาไม่ได้สนใจพวกหล่อนอย่างจริงจัง ความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิงเหล่านั้นดำเนินไปอย่างไม่มีพันธะใดๆผูกพันนอกจากเงินทองสิ่งของที่พวกหล่อนต้องการ
วันหนึ่งอาลอนโซ่เดินทางจากเกาะซาดิเนียร์มาตรวจดูงานในโรงแรมย่านกลางเมืองฟลอเรนซ์ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอาร์โนที่ตระกูลออสซินี่เป็นเจ้าของผู้เดียวมาตั้งแต่สมัยพ่อของปู่ของเขา และได้พบหญิงสาวชาวเอเชียผิวสีน้ำผึ้งที่เขาถูกตาต้องใจแต่แรกเห็น
หญิงสาวเป็นล่ามกึ่งมัคคุเทศก์นำนักท่องเที่ยวมีฐานะกลุ่มหนึ่งมาประเทศอิตาลี เข้ามาพักในโรงแรมสวยงามที่สร้าง ขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์อันเก่าแก่หายากของเขาสองวันกับหนึ่งคืนเพื่อเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์ก่อนจะเดินทางกลับ เขาหาโอกาสทักทายทำความรู้จักกับหล่อนโดยการแนะนำสถานท่องเที่ยวยอดนิยมหกแห่งในฟลอเรนซ์แก่ลูกทัวร์ของหล่อนและอาสาพาทุกคนท่องเที่ยวด้วยตัวเอง
โดยที่แห่งแรกที่อาลอนโซ่พาคณะทัวร์เที่ยวชม คือ เดอะ อาร์คาเดเมีย แกลอรี่(Arcademia Gallery)ที่ด้านหน้ามีสัญลักษณ์รูปปั้นหินอ่อนเดวิด(Devid)ของไมเคิลแองเจโล(Michelangelo Buonarroti)ตั้งอยู่เด่นชัด ต่อด้วยจัสตุรัสเปียสซาเดล ซินญอเรีย ที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ และไปที่หอศิลป์อุฟฟิซิ(Galleria degli Uffizi)พิพิธภัณฑ์ที่เก่าที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในโลกของเมืองฟลอเรนซ์
สะพานเวคคิโอ้ เป็นสถานท่องเที่ยวที่ผู้คนสนใจมากอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้เข้าเที่ยวชมหอศิลป์อุฟฟิซิสามารถเดินทะลุมายังริมฝั่งแม่น้ำอาร์โนอันเป็นที่ตั้งสะพานรูปโค้งสามหยักทอดยาวคร่อมแม่น้ำ สะพานนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1345 จึงมีอายุยาวนานมากกว่าสี่ศตวรรษ ความแปลกคือสองฝั่งในสะพานเป็นบ้านพ่อค้าอัญมณีที่ทุกบ้านทาสีเหลืองสดใสและหน้าต่างทรงจัสตุรัสบานเล็กๆ ติดกระจกหลากสีสวยงามน่ามอง
มหาวิหารซานตามาเรีย เดลฟิโอเร(Basilica di Santa Maria del Fiore ) หรือ มหาวิหารฟิเรนเซ่(Duomo di Firenze)เป็นแห่งที่ห้าของการท่องเที่ยว มหาวิหารสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสตศตวรรษที่13 ตกแต่งด้านหน้ามหาวิหารด้วยหินสีขาว เขียว และ ชมพู มีความยาว 153 และ กว้าง 90 เมตร โดยอาลอนโซได้เก็บโบสถ์ซานลอเรนโซ (Basilica di San Lorenzo)ไว้เป็น แห่งสุดท้ายของการท่องเที่ยว เพราะเป็นสถานที่สำคัญอันเป็นที่พำนักชั่วนิรันดร์ของสมาชิกในตระกูลเมดิชีผู้ครองฟลอเรนซ์และเจ้าของแหล่งเงินทุนในการสนับสนุนการสร้างอาคารยุคเรอเนสซองส์ ของฟลอเรนซ์หลายแห่ง
การพูดคุยสนุกสนานและการวางตัวเป็นกันเองกับทุกคนของอาลอนโซ่สร้างความประทับใจให้แก่คณะลูกทัวร์ไฮโซไทยและมัลลิกาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะมัลลิกานั้นปลาบปลื้มว่าเจ้าของโรงแรมสนใจในตัวหล่อนมากถึงขนาดยอมลดตัวลงมาพาคณะทัวร์ของหล่อนเที่ยวชมเมือง หลังจากกินอาหารค่ำก่อนคืนจากลา เมื่ออาลอนโซ่บอกความรู้สึกที่มีต่อหล่อนว่าเขาต้องการหล่อนเป็นคู่รัก มัลลิกาจึงไม่ปฏิเสธสิ่งที่เขาเสนอ และได้เข้าพักในอพารต์เม้นต์กลางเมืองฟลอเรนซ์กับเขามาเกือบสามเดือนแล้ว
มัลลี่หรือมัลลิกาเป็นหญิงสาวเอเชียวัยยี่สิบแปดปี หล่อนเป็นหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งออกคล้ำเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจ จากความช่างเอาอกเอาใจทำให้อาลอนโซ่ชอบหล่อนมากขึ้น เขาชื่นชมในตัวหล่อนมากกว่าหญิงสาวคนใดๆที่เคยพบพานมาเพราะหล่อนทำให้ชีวิตเขามีความสุขทำให้เขารู้สึกเบิกบานใจยามพูดคุยได้ทุกวัน และการอยู่ร่วมกันอย่างคู่รักหล่อนก็เป็นคู่ พิศวาสที่แสนจะน่ารักน่าใคร่จนชายวัยห้าสิบสี่อย่างเขาติดอกติดใจแทบจะคลั่งตาย