บทที่ 3 ฤทธิ์น้ำเมา (1)
บทที่ 3
ฤทธิ์น้ำเมา (1)
ความสนุกในค่ำคืนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่เว้นว่าง ซึ่งฝ่ายเอนเตอร์เทนสร้างสีสันก็คงไม่พ้นปิ๋มและแพทที่มักจะเป็นดาวเด่นของงานอยู่เสมอ
ปริญและกลุ่มเพื่อนของเขาถูกชวนให้มาร่วมโต๊ะด้วยกัน กลายเป็นว่าสมาชิกในคืนสังสรรค์นี้มีผู้ร่วมชะตาทั้งหมดแปดคนด้วยกัน และแน่นอนว่าที่นั่งก็ผันเปลี่ยนไปเมื่อมีคนมาเพิ่ม ม่านไหมนั่งอยู่ตรงหน้าเนื่องจากเป็นน้องเล็กและเป็นผู้เริ่มต้นงาน ถัดไปข้าง ๆ ก็เป็นพี่ในแผนกเดียวกัน สมทบด้วยฝ่ายวิศวกรสามคนซึ่งก็คือปริญและเพื่อนอีกสองคนของเขา
ม่านไหมกลับมามึนเบลออีกครั้งเมื่อถูกเร่งกำลังเชียร์จากคนในโต๊ะ หลังกลับมาจากห้องน้ำเธอก็แทบไม่ได้แตะอย่างอื่นนอกเหนือจากเบียร์ที่ถูกรุ่นพี่รินเทบริการให้เลย น้ำแข็งในแก้วยังไม่ทันละลาย ของเหลวสีเหลืองใสก็ถูกเติมจนเต็มล้ม
“หมดแก้ว!”
“หมดแก้ว!”
“หมดแก้ว!”
“หมดแก้ว!”
“หมดแก้ว!”
ปึก!
ม่านไหมวางแก้วลงบนโต๊ะเมื่อกระดกดื่มมันจนหมดตามเสียงร้องเชียร์กังวาน เว้นเพียงปริญและแบมไปเพราะเขาสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน หัวเราะบ้าง ยิ้มบ้าง ขยับหน้าเข้าใกล้กันบ้าง ไม่ว่าเธอจะหันไปมองปริญกี่ครั้งก็มักจะเห็นภาพแบบนี้อยู่ตลอด
ความคิดบางอย่างกำลังให้คำตอบต่อภาพที่เห็นว่าเขาสองคนเหมือนกับคนที่มีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน
สายตาอบอุ่น รอยยิ้มอ่อนโยน แม้ไม่ได้ยินประโยคที่กำลังสนทนาหากแต่คนมองอย่างเธอย่อมรับรู้ได้ว่าเขาสองคนนั้นมีความสุขมากเพียงใด
ปริญและแบมเป็นอะไรกัน?
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของม่านไหมมาตั้งแต่เธอกลับจากห้องน้ำ ครั้นที่นั่งถูกสลับเปลี่ยน คนที่ปริญพูดคุยและนั่งใกล้ก็คือแบมรุ่นพี่ในแผนกของเธอ
“น้องไหมนี่โคตรเจ๋ง! งั้นก็อีกแก้วไปเลย!” พีรวัสหนึ่งในฝ่ายวิศวกรร้องปากเชียร์พลางหยิบแก้มเปล่าของม่านไหมมาเติมเครื่องดื่มให้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาร่วมสังสรรค์กับสาว ๆ บัญชี เรื่องดื่มเรื่องเฮฮาต้องยกให้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าทำงานจะใจถึงดื่มรวดเดียวได้แบบนี้
“พี่พีทขา ใจเย็นก่อนค่า ให้น้องมันพักบ้าง” ปิ๋มเอนศีรษะซบอิงกับไหล่กว้างของชายหนุ่ม ตั้งใจจะแทะโลมน้อยกับหนุ่มหล่อด้วยก็จริง แต่เหตุหลัก ๆ ก็อยากให้น้องเล็กอย่างม่านไหมได้พักเพราะเจ้าหล่อนเล่นยกแก้วดื่มหมดรวดเดียวไม่เว้นว่าง
“อ้าวปิ๋ม นอกใจไอ้ปริญมันเหรอ ไหนบอกว่ามันเป็นสามีแห่งชาติไง” อานนท์หนึ่งในแก๊งวิศวะฯ พูดขึ้นมาบ้างพลางหัวเราะขบขัน จดจำได้ว่าปิ๋มคลั่งไคล้เพื่อนของเขามากเพียงใด ถึงขั้นประกาศกลางบริษัทว่าขอยกให้ปริญเป็นสามีแห่งชาติของตนเลยทีเดียว
“พี่นนท์ก็...ความจริงปิ๋มก็ไม่ติดเลยนะ สามหนุ่มหล่อของแก๊งซ่อมบำรุงอะเด็ด ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะพี่ปริญ พี่พีท หรือว่าพี่นนท์ ปิ๋มก็ไม่ติดทั้งนั้น หล่องานดีแบบนี้ปิ๋มว่าปิ๋มควบสามก็น่าจะไหว”
“ยายปิ๋ม แกมันแรด!” แพทชี้หน้าและส่งสายตาให้กับคู่หูตัวเองทันทีที่เพื่อนคนนี้เริ่มเลื้อยเกาะแกะผู้ชาย
“เออ! ฉันยอมรับย่ะว่าแรด แล้วหนุ่ม ๆ ว่าไงอะคะ ปิ๋มรักทั้งสามคนเลยนะ แบ่งวันกันก็ได้ ปิ๋มโอเคหมดเลย”
คนในโต๊ะต่างหัวเราะและส่ายหน้าทันที สองสาวในฝ่ายบัญชีอย่างยุ้ยและแพทแน่นอนว่ากำลังทำหน้าระอา ส่วนหนุ่มหล่อที่เป็นที่ถูกใจก็ได้เอาแต่หัวเราะตาพราว
“แล้วพี่ปริญจะไม่สนใจปิ๋มหน่อยเหรอคะ คุยแต่กับยายแบมอ่า ปิ๋มน้อยใจแล้วนะ”
คราวนี้ทุกสายตาหันไปมองยังปริญและแบมที่กำลังพูดคุยออกรสออกชาติ ครั้นถูกจับจ้องการสนทนาจึงหยุดชะงักก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นแรงขำขันบาง ๆ แทนเมื่อถูกให้ความสนใจ
“อะไรกันเนี่ย มองแบมทำไมกัน”
“แกคุยอะไรกับพี่ปริญของฉันฮะยายแบม พี่ปริญขา...อย่าใกล้กับผู้หญิงคนอื่นมากสิคะ ปิ๋มหึงนะ” ปิ๋มทำเสียงง้ำงอและส่งสายตาสั่นเครือแสร้งทำทีน้อยใจ หากแต่ลึก ๆ ก็อยากรู้ว่าสองคนนี้พูดคุยเรื่องอะไรถึงได้ใกล้ชิดแนบแน่นแบบนั้น
“ยุ่งน่ายายปิ๋ม” แบมป้องปากเล็กน้อยพลางปัดป่ายมือปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
ม่านไหมที่เห็นแบบนั้นก็นึกขุ่นหมองใจขึ้นมา เธอมองปริญและแบมสลับกันราวอยากอ่านลงลึกถึงความรู้สึกของสองคนว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่
ทว่าเสียงของยุ้ยที่ดังแทรกต่อจากนั้นกลายเป็นคำตอบที่แม้ไม่ต้องถามต่อเธอก็เข้าใจถึงความสนิทสนมของสองคนได้ทันที
“เอ๊ะ...หรือว่าถ่านไฟเก่าจะคุ!”
ทุกสายตาหันขวับจับจดไปที่คนสองคนอีกครั้งในจังหวะเวลาเดียวกัน
“ว้ายตายแล้ว! จริงเหรอพี่ปริญ ไม่นะ...พี่ปริญจะนอกใจปิ๋มเหรอคะ” ปริญยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นว่าปิ๋มเบิกตาโตตกใจ เขาไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ
“พี่ยุ้ยอ่า...พูดอะไรคะ” คนถูกมองยกมือจับเรือนผมทัดหูด้วยอาการเก้อเขิน ใบหน้าแดงลามจนต้องหลบสายตาลง
“เฮ้ย! จริงเหรอวะยายแบม นี่แกกับพี่ปริญ...”
