ตอนที่ 2.น่าจะเพราะผีผลัก
กันตาเดินเกาะกำแพงออกมาจากห้องน้ำ เธอปรือตามองไปรอบๆ นึกอยากยอมเสียมารยาทครั้งแรก เธอฝืนตัวเองไม่ไหวแล้ว กันตามองเลยไปที่เพื่อนๆ คนทั้งกลุ่มกำลังสนุก เธอเลยตัดสินใจปุบปับ
แต่...
“เหมือนเธอจะไม่ไหวนะ”
เสียงคุ้นหูดังอยู่ใกล้ๆ กันตาเหลียวมองแล้วก็รีบยิ้มแผล่
“นึกว่าใคร? คุณนั่นเอง”
“คุณอะไรกันตา เราสองคนเคยสนิทกันนะ เรียกเสียห่างเหินเชียว”
กันตาพยักหน้าหงึกหงัก “เคยสนิท” แล้วก็พึมพำ
“เธอเป็นคนบอกเองนี่ตา เราสองคนยังเป็นเพื่อนกันอยู่ เธอไม่ถือสา”
กันตาหัวเราะหึๆ “ถือสา” ขนาดสติเหลือไม่เต็มร้อย เธอก็ยังรู้สึกสมเพชตัวเองไม่ไหว มีคนไหนบ้าง หลังสารภาพรักและถูกปฏิเสธจะยังเป็นเหมือนเดิม ทั้งโลกก็คงมีแค่เธอที่ทนทายาดแบบนั้น เธอฝืนเป็น ‘เพื่อน’ กับผู้ชายตรงหน้าได้ตั้งหลายเดือน โชคดีที่เขาไปเรียนต่อต่างประเทศเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเธอก็คงทำตัวเองขายขี้หน้าอีกหลายครั้ง
“ท่าทางเธอเมานะ”
“อือ เมา” กันตาพยักหน้าอีก ทำท่าจะเดินสะเปะสะปะจากไป
“เธออยากกลับเลยไหม?” คีรีถามซ้ำ
“อยากสิ แต่...” กันตาพึมพำ
“แต่อะไรกัน อยากกลับก็กลับสิ” กันตาแค่นยิ้ม บางทีเธอควรทำตามสิ่งที่ชายตรงหน้าพูด เธอไม่ควรมาที่นี่ตั้งแต่แรก หากรู้ว่า ‘เขา’ จะมาด้วย
“ไปเถอะ ฉันพาเธอกลับเอง” กันตานึกอะไรไม่ออก สมองของเธอทำงานช้าเพราะแอลกอฮอล์เข้าไปแทนที่ในเส้นเลือดเยอะเกินไป เธอเดินตามแรงรั้งนั้นไป ความคิดต่อต้านแทบไม่มี อุ้งมืออุ่นซ่านนั่นทำให้เธอคิดอะไรไม่ออกเลยด้วยมั้ง
“บ้านเธออยู่ไหนหะ?” หลังยัดกันตาเข้าไปนั่งที่เบาะด้านข้างคนขับเรียบร้อย คีรีวิ่งอ้อมมาประจำที่คนขับ เขาใช้เวลาไม่นานเลย แต่...ผลลัพธ์ที่ได้ เกินความคาดหมาย...
กันตานั่งคอพับ น่าจะหลับเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
“ทำไมคออ่อนจัง”
เท่าที่จับตามองกันตาพักใหญ่ คีรีมั่นใจ กันตาดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ไปแค่สองแก้ว ไม่คิดว่าแอลกอฮอล์แค่นั้นจะทำให้กันตาน็อกได้
“แล้วที่นี้ จะให้ไปส่งที่ไหนดีละ” ตอนแรกคีรีว่าจะโทรศัพท์ถามเพื่อนสักคน แต่เมื่อคิดอีกที เขาไม่ควรทำเช่นนั้น เขาหนีออกมาจากงานเลี้ยงกลางคัน หากเพื่อนๆ รู้ เขาไม่น่าจะได้กลับเหมือนที่ตั้งใจไว้
คีรีตัดสินใจพากันตาไปที่อพาร์ทเม้นท์ตัวเอง
และนั่น เป็นที่มาของความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนของเขากับกันตา
เพื่อนที่นอนด้วยกันได้ แต่ยังเป็นเพื่อนเหมือนเดิม
กว่าจะอุ้มกันตาขึ้นมายังห้องของตัวเองได้ คีรีก็เสียเหงื่อไปไม่น้อย เห็นตัวเล็กๆ บางๆ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะหนักเอาเรื่อง
“ร้อนฉิบหาย”
เสื้อเชิ้ตถูกถอด ตามด้วยกางเกงยีนสีเข้ม คีรีเหลือบมองกันตา ที่หลับสนิทอยู่บนเตียงแล้วก็ส่ายหน้าไปมา
“ทำไมหลับลึกขนาดนี้ หากไม่ใช่ฉัน เธอจะเป็นยังไงนะยัยแว่น”
คีรีอดบ่นไม่ได้ จากนั้นก็เดินเลยเข้าไปในห้องน้ำ เขาทนนอนทั้งที่ตัวเองมีแต่กลิ่นเหงื่อไม่ได้ เขาใช้เวลานานพอสมควรในการอาบน้ำล้างคราบเหงื่อ
คงเพราะไม่ชินกับอากาศร้อนอบอ้าว แถมยังเป็นคนที่เหงื่อออกเยอะ คีรีเลยไม่ชอบออกผจญกับอากาศร้อนๆ ด้านนอก ยกเว้นเลี่ยงไม่ได้ เขาเคยชินกับอากาศเย็นสบายที่ต่างประเทศเสียหลายปี พอถึงเวลาต้องกลับ เลยยังปรับตัวไม่ค่อยได้นั่นเอง
แต่...ตอนที่เดินขยี้ผมเปียกๆ ด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเล็กออกมาจากห้องน้ำนั้น คีรีสะดุดพรมแทบล้มหัวทิ่ม ก็เพราะมัวแต่มองภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นนั่นเอง
กันตาที่เมาและหลับไปแล้วนั้น จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาสลัดเสื้อผ้าที่สวมทิ้ง เธอนอนเปลือยอยู่กลางเตียง ท่วงท่าอล่างฉ่างนั่นแทบทำให้คีรีลืมหายใจ
เขาสูดลมหายใจลึกๆ ขยับเข้าไปใกล้เตียงนอนที่สุด จังหวะนั่น กันตาปรือตาขึ้นมา ริมฝีปากเธอเผยออ้า พึมพำบางอย่างออกมา และนั่นทำให้คีรีสติขาดผึ่ง
“เคนท์ ขอตากอดหน่อยสิ”
คีรีโถมเข้าใส่ เขาตวัดตัวคร่อมกันตาไว้ แล้วก็โน้มตัวลงประกบปาก ‘จูบ’ ตอนที่สอดเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากอิ่มนั่น เขารับรู้รสหวานซ่านของเครื่องดื่มที่กันตากินเข้าไปก่อนหน้านั้น คีรีคิดอะไรไม่ทัน เขาทำได้แค่ตะโบมจูบเหมือนอดอยากปากแห้งมานานแสนนาน ทั้งที่ความจริง เรื่องอย่างว่าของตัวเอง แทบไม่มีเวลาหยุดพัก เขาเป็นสายเปย์ที่ทุ่มไม่อั้น หากถูกใจผู้หญิงสักคน