ตอนที่ 9 ในมุมมืด
กวีวัธน์ขับรถออกจากบ้านของคุณนักเขียนสาว ยังไม่ทันถึงหน้าหมู่บ้าน จู่ๆ ฝนก็ตกอย่างหนัก เสียงฟ้าร้องดังไปทั่ว แล้วสองข้างทางก็มืดลง
บ้านทุกหลังที่ขับรถผ่านมืดสนิท เขาไม่รู้ว่าไฟฟ้าจะดับนานแค่ไหน แล้วพราวรวีจะอยู่คนเดียวได้หรือเปล่า ใจหนึ่งอยากขับรถกลับไปแต่อีกใจก็อดเป็นห่วงไม่ได้
ถึงแม้จะตกลงเป็นเพียงแค่คู่นอน แต่เขาก็คงไม่ใจร้ายทิ้งให้เธออยู่ท่ามกลางความมืดตามลำพังในคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้
ชายหนุ่มกลับรถที่หน้าหมู่บ้านก่อนจะขับกลับมายังบ้านหลังเดิม เจ้าของบ้านไม่ได้ล็อกประตูรั้ว เธอประมาทเกินไปแล้ว เพราะคนสมัยนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหน เห็นทีเรื่องนี้คงต้องเตือนเธอสักหน่อย
ขายาววิ่งฝ่าสายฝนเข้ามาในบริเวณบ้าน ทั่วบริเวณยังคงมืดสนิท เขาเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์ สายตาคมมองหาเจ้าของบ้านไปทั่ว
“พราว ส่งเสียงหน่อย คุณอยู่ไหน” เขาตะโกนแข่งกับสายฝนที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ
เรียกอยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงขานรับ กวีวัธน์เดินตรงไปยังห้องนอนทั้งที่ตัวเองเปียกชุ่มไปด้วยหยาดฝน แสงไฟสาดไปทั่วห้องนอนก่อนจะสะดุดเข้ากับร่างเล็กที่ขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง
“พราว เป็นอะไร” เขาเดินเข้าไปใกล้ หญิงสาวรีบขยับตัวหนีด้วยความตกใจ
“ผมเอง เงยหน้าขึ้นมาดูสิ” เขาพูดใกล้ๆ ด้วยเสียงฟังดูอบอุ่น
หญิงสาวเจ้าของบ้านเงยหน้าขึ้นมอง อาศัยแสงจากไฟฉายในโทรศัพท์ที่เขาวางไว้ที่พื้นห้อง พอเห็นว่าเป็นกวีวัธน์เธอก็พ่นลมหายใจออกด้วยความโล่งใจ
“ผมเห็นไฟดับทั้งหมู่บ้านเลยขับรถมาดู กลัวเหรอครับ” เขานั่งลงข้างๆ ใกล้จนพราวรวีสะดุ้งเมื่อแขนโดนความเย็น
“ตัวคุณเปียก”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็แห้ง ปกติที่นี่ไฟดับนานไหม”
“ไม่เกินครึ่งชั่วโมง แต่ถ้าฝนตกอย่างนี้ก็ไม่รู้จะดับนานไหม”
“บ้านคุณมีเทียน ตะเกียงหรือไฟฉายไหม”
“มีเทียนกับไฟฉายอยู่ในลิ้นชัก ตรงโต๊ะเขียนหนังสือในห้องทำงาน”
“พาผมไปหน่อยสิ” เขาฉุดมือเธอให้ลุกขึ้น จากนั้นก็จับมือเดินตามกันไปยังห้องทำงาน แล้วกลับออกมายังห้องรับแขก
กวีวัธน์จุดเทียนสามแท่งพอให้แสงสว่าง โดยที่มีเจ้าของบ้านคอยช่วยส่องไฟฉายอยู่ใกล้ๆ
เท่าที่สังเกตดูชายหนุ่มคิดว่าพราวรวีคงจะกลัวความมืด เขาจึงไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกอายที่โตแล้วยังกลัวเหมือนเด็กๆ
“ขอบคุณที่กลับมานะคะ” เธอพูดเบาๆ ขณะเดินตามหลังเขาไปนั่งยังโซฟากลางห้อง
“ฝนตกหนักมาก ผมคิดว่าคงขับรถลำบากเลยคิดว่าจะขอค้างที่นี่ได้ไหม”
“ค้างที่นี่” เธอทวนคำพูดของเขาอีกครั้ง
“คุณคงไม่ใจร้าย ไล่ผมกลับตอนนี้หรอกนะครับ”
พราวรวีนิ่งเงียบถ้ามีเขาอยู่เธอก็ควงอุ่นใจมากขึ้นจึงได้แต่พยักหน้า
“คุณจะนอนที่นี่ทั้งที่เสื้อเปียกแบบนี้คงไม่ได้ คุณมีชุดติดมารถไหม”
“มีแค่ชุดออกกำลังกาย แต่ยังไม่ได้ใส่ คงพอใส่นอนได้ คุณรอตรงนี้เดี๋ยวผมออกไปเอา มีร่มให้ผมยืมไหม”
“ร่มอยู่ข้างประตูค่ะ” เธอยื่นไฟฉายให้เขา เพราะตอนนี้ในบ้านพอจะมีแสงไฟจากเทียนส่องสว่างอยู่บ้าง
ชายหนุ่มกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกระเป๋าใบย่อมที่มีของใช้ส่วนตัวอีกหลายอย่าง ซึ่งเขามักจะพกติดรถไว้เสมอ
“ผมขอให้ห้องน้ำแขกหน่อยนะครับ”
“ใช้ในห้องนอนดีกว่าค่ะ ห้องน้ำแขกไม่มีพวกสบู่กับแชมพูเลย”
“คุณอยู่คนเดียวได้ไหม ผมจะรีบอาบ”
“ตามสบาย ฉันอยู่ได้”
“ครับ”
กวีวัธน์อาบน้ำอย่างรวดเร็วและกลับออกมาอีกครั้งในเวลาไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ
“คุณรอตรงนี้นะคะเดี๋ยวฉันไปเอาผ้าห่มให้”
“ผมว่าไม่จำเป็นต้องใช้หรอกนะครับ”
พูดจบก็คว้าแขนคนที่กำลังจะลุกให้ล้มมาบนตัก
“คุณวัธน์ปล่อยนะคะ” เธอพยายามดิ้นแต่อีกคนกลับกอดแน่นขึ้น
“กอดอย่างนี้อุ่นกว่าผ้าห่มตั้งเยอะ คุณเป็นคนบอกผมเองนะ”
“ฉันไม่เคยพูดแบบนั้นอย่ามามั่ว” เธอจำได้ว่าไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเขาเลยสักครั้ง
“ก็คืนนั้นไง”
“ก็นั่นฉันเมานี่ค่ะ”
“แล้วไม่อยากรู้เหรอครับว่าถ้าไม่เมา มันจะเป็นยังไง”
“ไม่อยากรู้ค่ะ”
“ถ้าไม่รู้จะเอาไปเขียนได้ยังไง” มือที่โอบอยู่กระชับร่างคนบนตักให้เข้าใกล้มากขึ้น ลมหายใจรินรดที่ข้างหูทำเธอรู้สึกเหมือนเลือดใจกายนั้นสูบฉีดแรงขึ้น หัวใจเต้นรัวเร็วและแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก ยังดีที่มีเสียงฝนช่วยกลบ
“ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้นสักหน่อย” เธอตอบไม่เต็มเสียงนักตอนนี้ร่างกายเริ่มควบคุมไม่ค่อยอยู่ ฝ่ามือร้อนของเขาลูบไล้ไปยังต้นแขนขาวเนียนไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ ปลายนิ้วจับปลายคางของคนที่เอาแต่ก้มหน้าให้เงยขึ้นมาสบตา
“แต่ผมอยากรู้ว่าเวลาไม่เมาคุณจะน่ารักและเร่าร้อนมากแค่ไหน”
กวีวัธน์ขยับใบหน้าหล่อเข้ามาใกล้ ริมฝีปากหยักได้รูปจุมพิตแผ่วเบาไปบนเรียวปากอิ่ม ดูดดึงเบาๆ ความรู้สึกแรกคือทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัว แต่พอเขาขบเม้มไปทีละนิดเปลือกตาก็ค่อยปิดลง ริมฝีปากอิ่มเปิดรับทุกสัมผัสอย่างเต็มใจ
พราวรวีคิดว่าระหว่างเธอกับเขามันไม่มีอะไรเสียหายไปมากกว่านี้อีกแล้ว ถ้าระหว่างที่ยอมตกลงเป็นคู่นอนให้เขาเธอจะหาความสุขและหาประสบการณ์ให้ตัวเองบ้างก็คงไม่แปลก ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสียมากกว่านี้อีกแล้วหญิงสาวก็ขอเดินหน้าอย่างเต็มที่
จูบที่แผ่วเบาเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นเมื่อเขาสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากของเธออย่างสำรวจ หญิงสาวตอบสนองไปตามสัญชาตญาณที่หลบซ่อน ฝ่ามือหนาสอดเขาใต้ชุดนอนสายเดี่ยวถอดมันออกเหนือศีรษะทิ้งลงข้างโซฟา
“คุณเป็นคนที่สวยมาก” เขากระซิบแหบพร่าข้างหูตาจ้องมองบราสีขาวที่เกือบจะกลืนไปกับสีผิว แม้แสงไฟจากเทียนไขจะไม่สว่างมากนักแต่เขาก็เห็นว่ามันสวยมากแค่ไหน
ชายหนุ่มเอื้อมไปปลดตะขอบราออกอย่างคนชำนาญก่อนจะใช้สองมือกอบกุมความนุ่มหยุ่น ตาคมจ้องปลายถันสีชมพูระเรื่อฝ่ามือบีบเคล้นอย่างเร่าร้อน ร่างระหงที่อยู่บนตักแอ่นโค้งอย่างหลงลืมตัว
“อ๊ะ!”
ความเปียกชื้นที่ปลายทรวงทำให้พราวรวีสะดุ้ง หญิงสาวรู้สึกวาบหวามและปั่นป่วนไปทั้งท้องน้อย แขนเรียวจับบ่าเขาไว้เป็นที่ยึดเพราะตอนนี้ร่างกายกำลังอ่อนปวกเปียก แทบละลายไปกับสัมผัสร้อนที่คนตัวโตมอบให้
“หวานนุ่มที่สุดเลย พราว คุณต้องเป็นของผมคนเดียวนะ”
เขาพูดออกไปอย่างที่ใจคิด ผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
เสียงหวานครางแว่วอยู่ในลำคอเมื่อเขาครอบครองปลายยอดและดูดดึง ไล้เลียสร้างความเสียวซ่านไปทั่วร่างกายอย่างคนชำนาญ
หญิงสาวทรงตัวแทบไม่อยู่ คนอ่อนประสบการณ์อย่างเธอกำลังหลงใหลไปกับการปรนเปรอของคนมากประสบการณ์ ร่างขาวเนียนบิดเร่าอยู่บนตัก ท่อนล่างเผลอบดเบียดไปกับร่างกายของเขาจนคนตัวโตครางอยู่ในลำคออย่างพอใจที่จุดไฟพิศวาสกองโตขึ้นมาได้
เจ้าของบ้านหลงลืมไปด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองนั้นยังอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก แต่ใครจะสนใจกันละ ในเมื่อตอนนี้ไฟราคะมันโหมกระหน่ำจนลืมสิ่งแวดล้อมรอบตัวไปจนหมดสิ้น
กวีวัธน์พลิกให้หญิงสาวมานั่งบนโซฟามือหนาถอดแพนตี้ออกให้พ้นทาง ขณะปากร้อนจูบบดเบียดอีกครั้ง ทั้งเร่าร้อนและหวานปะปนกันไปหมด พราวรวีได้แต่เดินไปตามการชักนำของเขาอย่างหลงระเริง
จูบจนพอใจเขาก็ลากไล้ความเปียกชื้นมาตามทรวงอกอีกครั้งหยอกล้อปรนเปรอทั้งสองเต้าอย่างไม่น้อยหน้า ก่อนจะลากลิ้นร้อนมายังหน้าท้องขาวเนียน และต่ำลงไปยังกลางกาย
หญิงสาวดิ้นพล่านเพียงสัมผัสแรกที่ปลายกลีบ ยิ่งเขาปาดลิ้นไปมาเธอก็ครางเสียงกระเส่าอย่างไม่อาจกลั้น
“ตรงนี้มันสวย หอมและหวานมาก ผมชอบนะ”
เสียงชมทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น ไม่รู้ว่ามันเป็นจริงอยากที่เขาบอกหรือเปล่าแต่เธอก็มั่นใจว่าตัวเองดูแลจุดซ่อนเร้นเป็นอย่างดี
สองนิ้วแยกกลีบกุหลาบออก เผยให้เห็นโพรงถ้ำที่ตอนนี้ฉ่ำวาวไปด้วยหยาดน้ำผึ้งป่าที่เอ่อล้นออกมาอย่างไม่ขาดสาย ภมรหนุ่มเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะส่งลิ้นเข้าไปตวัดเลียอย่างหื่นกระหาย
คนด้านล่างดิ้นพล่านกับสัมผัสแปลกใหม่ ทั้งลิ้น ทั้งปากอีกทั้งฝ่ามือร้อนที่บีบคลึงเต้างาม ทุกจุดมันวาบหวามเสียวซ่านจนเธอแทบจะทนไม่ไหว ลมหายใจกระชั้น สะโพกลอยขึ้นเหลือโซฟาป้อนความหวานล้ำเข้าปากคนตัวโตที่พร้อมดูดกินอย่างหิวกระหาย
“อื้อ คุณวัธน์ ฉันอื้อ...”
เรียวขาเกร็งกระตุกสั่น ความรู้สึกเหมือนตัวเองล่องลอยอยู่ในดินแดนที่มีแต่ความหอมหวาน ตาคู่สวยปรือจนแทบจะปิด
กวีวัธน์อาศัยจังหวะนี้รีบถอดชุดกีฬาของตนเองออกแล้วสวมถุงยางที่เอามาจากลิ้นชักหน้ารถอย่างรวดเร็ว ท่อนเอ็นร้อนนวดคลึงปากถ้ำที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำหวานจากโพรงถ้ำ พอเข้าไปได้เพียงครึ่งก็รู้สึกถึงแรงบีบรัดจนต้องผ่อนลมหายใจ
“พราวครับ ผ่อนคลายนะครับ” เขากระซิบเบาๆ
“คุณวัธน์ พราวเจ็บ” ใบหน้าสวยเหยเก
“เดี๋ยวก็ดีขึ้น ผมสัญญา คุณจะมีความสุข ยิ่งกว่าคืนนั้นเสียอีก”
ริมฝีปากหยักจูบปลอบประโลมพลางดันความแข็งขืนเข้าไปทีละนิดจนในที่สุดช่องทางรักของหญิงสาวก็รับความใหญ่โตเข้าไปได้จนสุด
ความเจ็บจางหายไปทีละนิด ความเสียวซ่านเข้ามาแทนที่ เล็บทั้งสิบจิกไปบนแผ่นหลังเขาอย่างหาที่ระบาย
กวีวัธน์ขยับสะโพกทีละนิด หมุนวนช้าเนิบนาบ พอเห็นเธอผ่อนคลายก็ปรับจังหวะให้เร่าร้อนขึ้น
“อื้อ...”
เสียงหวานครางระงมเมื่อถูกความเสียวเล่นงาน ปากร้อนขบเม้มดูดดึงเต้างาม สะโพกก็ขยับไปตามแรงปรารถนา
สองขาเรียวตวัดรอบเอวสอบ เปิดทางให้เขาเข้ามาได้ลึกอย่างที่ใจต้องการ
บทรักครั้งนี้พราวรวีรับรู้ได้ด้วยสติเต็มร้อย มันทั้งสุข ทั้งเสียวและทรมาน ร่างกายกำลังไต่ระดับ ความสุขเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เขาถาโถมเข้ามาในตัวของเธอ
จังหวะที่เขาขยับออกก็รู้สึกใจหาย พอเขาขยับเข้าก็รู้สึกราวกับทุกอย่างถูกเติมเต็ม
เสียงเนื้อกระทบกันดังแข่งกับเสียงฝน หญิงสาวไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อน ความสุขสมกำลังจะมาเยือนเธออีกครั้ง
“พราวครับ ตอดแน่นเลย ดีใช่ไหมครับ”
“คุณวัธน์ขา พราว ไม่ไหว อื้อ คุณวัธน์...”
ร่างบางสั่นระริกจนเขาต้องกอดแน่น ช่องทางรักตอดกระตุก มันรัดแรงจนเขาแทบขยับไม่ไหว
“พราวรัดแน่นจัง คุณร้อนแรงมาก ถึงใจผมที่สุด”
พราวรวีหูอื้อตาลายเมื่อเขากระแทกกระทั้นเข้ามาอย่างรุนแรงแบบไม่ยั้ง
“พราว อีกนิด เสียว สุดๆ เอามันมาก อื้อ...”
“คุณวัธน์ อ๊า...”
สองร่างกระตุกสั่นกอดกันแน่นเมื่อพบพานกับความสุขสมในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งเหนื่อยทั้งสุขจนแทบไม่อยากแยกจาก
ความเป็นชายกระตุกอยู่ในช่องทางรักอย่างยาวนาน การปลดปล่อยของเขามากมายกว่าครั้งแรกอย่างคาดไม่ถึง คงเพราะครั้งที่เขากับเธอต่างมีสติเต็มร้อยด้วยกันทั้งคู่
“ดีไหม” พลิกตัวเองนั่งลงด้านล่างโดยที่ยังไม่ยอมถอนความเป็นชายออก
“อย่าถาม” พราวรวีซบหน้ากับไหล่กว้างทั้งอายทั้งสุขจนไม่กล้ามองหน้าเขา
“ข้างนอกอากาศเย็น ไปนอนในห้องดีกว่านะ”
เขาพูดเองเสร็จสรรพ ความเป็นชายที่ยังอยู่ในช่องทางรักครูดไปกับผนังอ่อนนุ่มทุกจังหวะที่เขาก้าวเดิน พราวรวีกัดริมฝีปากแน่น ร่างกายเธอกำลังตอดรัดเขาอีกครั้งอย่างน่าอาย
เมื่อวางเธอลงบนที่นอนแล้วเขาก็ถอดความเป็นชายออกอย่างเสียดาย มือใหญ่ดึงถุงยางที่เต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นทิ้งจะหยิบชิ้นใหม่ที่ถือติดมือมาด้วยสวมทับเข้าไป
ร่างหนาขึ้นมาทับทาบเธออีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“คุณวัธน์ อื้อ...” พราวรวีถูกริมฝีปากจูบปิดลงมาโดยไม่ทันได้เอ่ยทักท้วงอะไร และร่างกายของเธอก็เต็มใจจูบตอบเขาอย่างอัตโนมัติ
“รู้ไหม คุณเป็นผู้หญิงที่เร่าร้อนมาก ผมยอมรับเลยว่าไม่เคยติดใจใครเท่าคุณมาก่อน”
เสียงกระซิบที่ข้างหูทำเอาคนฟังหน้าแดงตัวแดงไปหมด ยิ่งเขาขบเม้มยอดอกคู่งามเธอก็แอ่นเข้าหาปากเขาอย่างเชิญชวน
บทรักบนเตียงกว้าง เริ่มขึ้นอีกครั้ง ความเร่าร้อนของเธอกับความหื่นกระหายของเขาเติมเต็มกันและกันอย่างลงตัว ทั้งสองแทบไม่ปล่อยให้เวลาในแต่ละวินาทีผ่านไปอย่างไร้ค่า
แสงไฟจากด้านนอกสาดส่องเข้ามาในห้องอีกเพราะระบบไฟฟ้ากลับมาทำงานได้ตามปกติแล้ว กวีวัธน์เดินไปหยิบรีโมทแอร์มาเปิด จากนั้นปิดประตูห้อง แล้วกลับมานอนกอดร่างที่นอนหมดแรงอีกครั้ง
ที่ผ่านมาไม่เคยนอนร่วมเตียงกับคู่นอนคนไหนมาก่อนเลยแม้กระทั่งแฟนเก่า เพราะเขาเป็นคนขี้รำคาญไม่ชอบให้ใครมาโดนตัวเวลานอน แต่กับพราวรวีกลับเป็นข้อยกเว้น เขานอนกอดเธอโดยไม่รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่นและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดว่าคงเพราะสถานะที่ทั้งเขาและเธอตกลงร่วมกันทำให้ไม่มีความอึดอัดเลยสักนิด
เขาได้ประโยชน์จากร่างกายของเธอ ในขณะที่เธอเองก็ได้ประโยชน์จากประสบการณ์ที่เขามอบให้ เมื่อต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ร่วมกันทุกอย่างมันก็ลงตัวจนกลายเป็นความสุขได้อย่างประหลาด
“ฝนหยุดหรือยังคะ” คนที่อยู่ในอ้อมกอดถามขึ้น แต่ตายังคงปิดอยู่
“หยุดแล้ว แต่ผมคงขับรถกลับตอนนี้ไม่ไหวแน่ๆ คุณทำผมหมดแรง ขอนอนพักได้ไหม”
“อือ หมดแรงก็แค่นอนพัก” เธอไม่อยากตื่นมาไล่เขากลับตอนนี้เพราะเธอชอบความรู้สึกที่ได้นอนกอดใครสักคนในคืนที่เหน็บหนาวเช่นนี้
“คุณก็พักนะครับคนเก่ง” เขากอดเธอแน่นขึ้นก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงตามเธอไป