1
พันหาญ อภิกานต์ หรือเสือทอดสายตามองสาวน้อยตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ความรัก ความห่วงใยและหวงสุดหัวใจ
“นั่งมองอะไรอยู่น่ะเฮีย” ประโยคของสิงห์ น้องชายคนเล็กทำเอาเสือสะดุ้งสุดตัว หลุดจากภวังค์หวามในทันที
“อ้อ... แอบมองหนูปาตัวน้อยอยู่นั่นเอง” หนูปาที่สิงห์พูดถึงคือปาริมา วชิกร หญิงสาววัยยี่สิบที่เพิ่งเรียนจบอนุปริญญาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในตัวเมืองหาดใหญ่
ปาริมานั้นเป็นคนขยัน เวลาว่างก็จะมาช่วยบิดามารดาทำงาน แม้จะเป็นแค่ลูกคนงานแต่หล่อนก็มีน้ำใจและมีความเป็นผู้นำ แถมยังเรียนเก่งมีหัวคิด และวางตัวดี
สิงห์รู้ดีว่าพี่ชายของเขาชอบปาริมามานานแล้วตั้งแต่เธอแตกเนื้อสาว แต่ปาริมานั้นคิดว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ลูกสาวคนงานจน ๆ จึงไม่คู่ควรกับเสือ จึงมิเคยคิดอาจเอื้อม
หญิงอื่นพยายามทอดกายทอดใจให้พี่ชายของเขา แต่เสือไม่เคยสนใจและปาริมานั้นก็หวงเนื้อหวงตัวกับพี่ชายของเขาเสียเหลือเกิน
“เฮีย ผมจะบอกอะไรให้นะ”
“บอกว่า” เสือเอ่ยถามแต่สายตายังจับจ้องมองหญิงสาวที่แอบชอบไม่วางตา
“รักเขาชอบเขาก็จับรวบหัวรวบหางไปเลย โอ๊ย! เฮียตีผมทำไม”
“บ้ารึไง ทำแบบนั้นเขาได้เกลียดเฮียน่ะสิ”
“บางทีเขาอาจจะแค่เล่นตัวก็ได้ แต่ถ้าเฮียไม่ฟาดเดี๋ยวจะมีใครจับไปฟาดตัดหน้าไปนะ จะหาว่าผมไม่เตือน”
“ใครจะเหมือนแก เจอใครเป็นฟาด”
“ผมไม่ได้เจ้าชู้ แต่สาว ๆ ให้ผมเอง”
“ดูให้ดีแล้วกัน ฟาดเรียบเดี๋ยวได้แดกลูกปืน ลูกใครเมียใครดูด้วย”
“ผมดูดีตลอดแหละเฮีย”
“แต่เฮียอาจจะรุกไม่พอก็ได้”
“นี่ขนาดรุกไม่พอเฮียยังเปย์ขนาดนี้ ถ้ารุกอีกจะขนาดไหน”
“จะเปย์ให้หนักกว่านี้ไง ก็คนมันรัก” พูดจบเสือก็เดินไปหาครอบครัวที่กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ พ่อแม่ลูกทั้งสามนั่งกินเนื้อเค็มทอด น้ำพริกกะปิตำกับมะม่วงเปรี้ยวและแกงส้มกุ้งใส่มะเขืออีกอย่าง กลิ่นหอมของอาหารทำให้เขาเองก็หิวข้าวไปด้วยเหมือนกัน
“นายหัว มากินข้าวด้วยกันสิคะ มาค่ะ” มะลิมารดาของปาริมาเอ่ยขึ้น เสือเป็นคนไม่ถือตัวเขาสามารถนอนกลางดิน กินกลางทราย นั่งล้อมวงกินข้าวกับคนงานบนพื้นหญ้าหรือตรงไหนก็ได้ โดยไม่บ่นสักคำ แถมยังมีน้ำใจคอยช่วยเหลือคนอื่นอีกด้วย เสือจึงเป็นที่รักของคนงานในไร่
“น่ากินจังเลยนะครับ”
“ถ้านายหัวไม่รังเกียจก็มานั่งกินด้วยกันสิคะ”
“ใช่ครับ” นายปานพยักหน้าเรียกให้เจ้านายหนุ่มมานั่งลงใกล้ๆ กับตน ซึ่งก็ใกล้กับปาริมาลูกสาวของตนด้วย
สองสามีภรรยารู้ดีว่าเสือชอบปาริมามาก และกำลังจีบปาริมาอยู่ แต่ก็ไม่เคยเอาเรื่องนี้มาเบ่งก้ามอวดเบ่งใส่คนงานคนอื่น ยิ่งเขาเมตตา สองสามีภรรยาก็ยิ่งเกรงใจ
“กำลังหิวอยู่เลยครับ” เสือนั่งลงใกล้ ๆ กับปาริมา เธอจึงตักข้าวใส่จานสังกะสีให้แก่เขา
“ตักน้ำพริกผักลวกกะทิให้นายหัวเขาสิลูก” มะลิเอ่ยกับบุตรสาว รู้ดีว่าเสือชอบกินน้ำพริกผักต้ม ยิ่งถ้ามีไข่ต้มยางมะตูมด้วยยิ่งชอบ แต่วันนี้มีแค่เมนูเนื้อเค็มทอดเท่านั้น
“จ้ะแม่” ปาริมาตักน้ำพริกให้เสือ เขาเริ่มกินข้าวกับคนทั้งสาม ไม่นานคนงานที่พักกลางวันก็เดินมากินข้าวใกล้ ๆ ทุกคนคุยกันอย่างเป็นกันเอง มีกับข้าวกับปลาก็จะนำมาแบ่งกันกิน เสือจึงได้ชิมอาหารหลากหลายล้วนแล้วแต่เป็นอาหารง่าย ๆ แต่เลิศรส
“ไข่มดแดงต้มของไอ้ศักดิ์ครับนายหัว” นายปานตักต้มไข่มดแดงให้กับเสือ
“ช่วงนี้ฤดูร้อน พวกคนงานไปหาสอยไข่มดแดงกัน ผมว่าจะไปสอยอยู่เหมือนกัน นายหัวไปด้วยกันไหมครับ” ปานเอ่ยถามเจ้านายหนุ่ม
“ก็น่าสนนะครับ”
“ว่าจะพายายปาไปช่วยสอย เห็นว่าป่ามะม่วงหิมพานต์แถวโน้นไข่มดแดงเยอะ”
“งั้นผมไปด้วยครับ” พอได้ยินว่าปาริมาจะไปด้วย เสือก็รีบรับคำในทันที การได้ใกล้ชิดกับหล่อนทำให้เขาตื่นเต้นทุกครั้ง
หลังรับประทานอาหารเสร็จ ปานก็พาอุปกรณ์สอยไข่มดแดงไปสองอัน ยื่นให้เสืออันหนึ่ง โดยอุปกรณ์นั้นทำจากกาบหมากที่นำมาม้วนเป็นเกลียวและแขวนเอาไว้ที่ปลายไม้ไผ่ที่ตากจนแห้งและยาวพอสมควร
การที่ต้องตากไม้ไผ่ให้แห้งเพราะต้องการให้น้ำหนักของไม้ไผ่เบาลง
“พ่อไปกับแม่ ปาไปกับนายหัวนะลูก”
“ค่ะพ่อ” ปาริมารับคำเพราะการสอยไข่มดแดงถ้ามีกันสองคนจะทำให้สะดวกเพราะคนหนึ่งสอย อีกคนก็หิ้วถังน้ำเดินตาม
บางคนสอยโดยการโรยแป้งมันให้มดแดงหนีเหลือไว้แต่ไข่ บางคนก็สอยแล้วให้เทลงในน้ำให้มดแดงตายหรือคลานหนีแล้วค่อยเลือกเอาแต่ไข่ แล้วแต่ใครถนัด แต่วิธีการของปานคือโรยแห้งมัน แล้วค่อยนำไปแช่น้ำ เพราะว่าจะได้ไม่ต้องหิ้วน้ำให้หนัก
“ดีใจจังที่ได้มาสอยไข่มดแดงกับปา” เสือบอกเด็กสาว เขารุกจีบเธออยู่นานนับปีเธอก็ยังไม่ใจอ่อน แต่เขาก็ไม่คิดที่จะย่อท้อต่ออุปสรรคอันใด