3
บรรลัย!!! สิงห์สบถในใจ ในขณะที่พิมาลินหัวเราะขบขันคู่หมั้นหนุ่ม
สิงห์เหลือบไปมองสาวน้อยจอมยั่วด้วยสายตาดุ ๆ เธอเลยแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เดินไปนั่งบนโซฟาตัวยาวที่เพิ่งผ่านสมรภูมิรักกันมาเมื่อครู่แทน
“อ้อ... ใช่ เรื่องอุปกรณ์ที่ขอเบิกไป ฉันตรวจสอบแล้วมีส่วนที่ต้องเพิ่มเติมและตัดออก ฉันเรียกนายมาดูอีกรอบก่อนจะสั่งซื้อให้คนงาน”
“อ้อครับ” ชัยยศรับคำ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“อะแฮ่ม เข้ามาก่อนสิ รีบคุยงานให้เสร็จ จะได้ไปจัดการ” สิงห์กระแอมกระไอเสียงเข้ม ๆ ดุ ๆ พลางเหลือบตามองสาวน้อยไม่วาง ก่อนจะรีบคุยงานกับหัวหน้าคนงาน ยิ่งเห็นว่าหล่อนกำลังนั่งไขว้ห้างโชว์เรียวขาเนียนสวย เขาก็ยิ่งไม่ชอบใจ เพราะเห็นว่าชัยยศเผลอมองเสียหลายครั้ง
“เรียบร้อยแล้วก็ไปทำตามนี้นะ” สิงห์สั่งเสียงเข้มปนดุ ชัยยศหัวหดเล็กน้อยเพราะรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตและอารมณ์ที่ไม่ดีของเจ้านายหนุ่ม
“กลับไปได้แล้ว” ประโยคของสิงห์ทำให้คนที่นั่งเล่นมือถืออยู่ถึงกับชะงัก
“เฮียคุยกับลินเหรอคะ”
“ไม่คุยกับเธอแล้วคุยกับใคร มีกันอยู่แค่สองคน”
“จะไปรู้เหรอคะ”
“อย่ามากวน”
“พอได้ลินแล้วก็จะเขี่ยทิ้งเหรอคะ”
“อะไรของเธอ”
“ลินอยากได้ของใช้ชิ้นใหม่ ๆ ขอเงินเฮียหน่อยสิคะ” เธอแบมือไปด้านหน้าเพื่อขอเงินเขา
“วันก่อนก็เพิ่งให้ไป” แม้ปากจะบ่นแต่ก็หยิบเงินปึกหนึ่งออกมาให้เธอ เขาตอบแทนเธอไปทุกครั้งและคิดว่าจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันมาก
“ขอบคุณนะคะ”
“เงินมีน่ะควรเก็บไว้บ้าง ใช้เงินเกินตัวแบบนี้ต่อไปถ้าไม่มีเงินขึ้นมาจะทำยังไง”
“ไม่มีเงินก็ขอเฮียสิคะ”
“ไม่มีใครเลี้ยงใครได้ตลอดชีวิตหรอกนะ อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน” ประโยคของเขาเหมือนกับว่าอนาคตเขาจะไม่มีเธอในชีวิต นั่นทำให้พิมาลินต้องเผลอกัดปากตัวเองจนเจ็บ
เธอรู้สถานะตัวเองดีว่าเป็นได้แค่ไหนในสายตาของเขา แต่ที่เธอต้องขอเงินเขาเพราะมีความจำเป็น
“เฮียพูดเหมือนจะทิ้งลิน”
“ไม่ได้ทิ้ง เพราะทุกวันนี้เฮียก็ไม่ได้เลี้ยงลิน แค่ให้ตอบแทนในสิ่งที่ลินให้เฮีย ลินบอกเองว่าจะไม่เรียกร้องอะไร และที่เฮียให้ก็มากพอแล้ว” ประโยคของเขาทำให้เธออึ้งไป
“เฮียเคยรักลินบ้างไหมคะ” จู่ ๆ เธอก็ถามขึ้น
“เหลวไหลน่า”
“เหลวไหลเหรอคะ”
“อยากได้อะไรก็ไปซื้อเอา แล้วก็อย่าดื้อกับพ่อแม่ให้มาก เพราะต่อไปจะไม่มีใครรัก”
“แม้แต่เฮียก็ไม่รัก ถ้าจะไม่มีใครรักก็ช่างมันเถอะค่ะ” เธอหมุนกายให้เขา รอยยิ้มที่มีจางหายไป เหลือแต่ความท้อแท้สิ้นหวัง
บิดาของเธอไม่เหมือนก่อน พอแต่งงานใหม่ก็เอาอกเอาใจตามใจมารดาเลี้ยงสารพัด มารดาเลี้ยงกับลูกเลี้ยงพูดอะไรก็เชื่อหมด ในขณะที่เธอไม่มีอะไรดีเลยในสายตาของท่าน ที่น่าน้อยใจไปกว่านั้นก็คือ มารดาเลี้ยงคุมทุกอย่างในบ้านแม้กระทั่งค่าใช้จ่ายของเธอ นั่นทำให้เงินทองที่เคยมีใช้กลับไม่ได้ตามที่ต้องการ เพราะโดนมารดาเลี้ยงริบไปจนหมด
เธอฟ้องบิดาแต่ท่านไม่เชื่อ เพราะเห็นว่าเธอมีข้าวของเครื่องใช้ไม่ได้ขัดสนหรือลำบาก แต่นั่นมันเป็นเงินเก็บของเธอ พอเธอบอกว่านั่นคือเงินเก็บ ท่านก็บอกว่าเธอควรเอาเงินเก็บมาใช้บ้าง เพราะใช้เงินฟุ่มเฟือย จะได้ไม่เดือดร้อนขอเงินคนอื่น
การเอาเงินเก็บมาใช้เป็นการช่วยครอบครัวนั่นคือประโยคของบิดา ที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมาก่อน พิมาลินเสียใจมาก วันนั้นเธอเลยยั่วสิงห์เพราะน้อยใจบิดา คิดว่าถึงไม่มีบิดาก็ยังมีสิงห์ เธอสามารถขอความช่วยเหลือหรือขอเงินเขาได้ แต่ถ้าเขาปฏิเสธไม่เอาเธออีกเธอคงเสียสูญ
พิมาลินคิดตามประสาเด็ก และในวันนั้นเธอก็ได้เสียกับเขา เธอจึงกล้าเอ่ยปากขอเงินเขา ด้านได้อายอดเธอคิดเช่นนั้น และเงินที่ขอมาเธอก็เอาไปซื้อทองคำเอาไว้ และแอบฝากเอาไว้โดยที่ไม่มีใครรู้ เกิดเหตุฉุกเฉินจะได้เอาออกมาใช้ ตั้งแต่บิดาเปลี่ยนไปเธอก็ไม่เคยเชื่อมั่นอะไรอีก เธอต้องวางแผนสำหรับอนาคตของตัวเอง
ถ้าวันหนึ่งสิงห์ไม่ต้องการเธออีกคน เธอจะได้มีที่ไป เด็กสาวเดินออกมาจากบ้านของสิงห์ด้วยความรู้สึกตื้อในอก
พิมาลินเดินมาถึงบ้านก็เจอเข้ากับมารดาเลี้ยงและลูกติดของนาง พอเจอหน้ากันเธอก็เบือนหน้าหนีในทันที
“จะไม่คุยกันหน่อยเหรอจ๊ะหนูลิน” ดาวาดเอ่ยถามลูกเลี้ยงสาว ก่อนจะเข้าไปจับมืออีกฝ่ายเอาไว้ แต่พิมาลินสะบัดตัวหนี มองอย่างรังเกียจ
“กล้าดียังไงเอามือเน่า ๆ สกปรก ๆ ของแกมาจับมือของฉัน” พิมาลินพูดอย่างเกลียดชัง ก่อนจะเอาสเปรย์แอลกอฮอล์ในกระเป๋าขึ้นมาฉีดไปตามมือของตัวเอง
ดาวาดเห็นแบบนั้นก็ถึงกับหน้าตึง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
“ทำแบบนี้ไม่ฉลาดเลยนะพิมาลิน”
“ทำไม แกกับลูกสาวกาฝากของแกมีแผนชั่วอะไรอีก”
“เธอคงลืมไปแล้วล่ะสิว่าพ่อของเธอเชื่อฉันทุกอย่าง ไม่ว่าฉันจะพูดหรือสั่งให้ทำอะไร การที่เธอทำท่าทีรังเกียจฉันขนาดนี้ มันไม่ฉลาดเลยนะ” ดาวาดมองลูกเลี้ยงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยชัยชนะ พิมาลินยอมรับว่ามารดาเลี้ยงของเธอดูน่ากลัว โรคจิตหน่อย ๆ แต่เธอก็ทำใจดีสู้เสือเอาไว้เวลาต้องเผชิญหน้ากับนาง
“แล้วไง” พิมาลินทำท่าจะเดินหนี
“ไม่แล้วไง เธอเรียนจบมอ.หกแล้ว ฉันคิดว่าการเรียนต่อมหาวิทยาลัยมันเป็นเรื่องสิ้นเปลือง เธอควรหยุดเรียนแล้วก็ออกมาทำงาน งานที่ฉันจะแนะนำให้ ขายตัวดีไหม มันเหมาะกับเธอดีนะ” ดาวาดพูดยั่วโมโหลูกเลี้ยงเพราะหมั่นไส้ความเหย่อหยิ่งและคอแข็งของอีกฝ่ายนัก
“อาชีพเก่าที่แกกับลูกทำน่ะเหรอ ฉันคงไม่ทำหรอก นังจิ้งจอกเก้าหาง ตีสองหน้าเหลือเกินนะ ต่อหน้าพ่อของฉันก็ทำเป็นดี ลับหลังเหมือนเปรตขอส่วนบุญ”
“ปากดีนักนะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าแกไม่ได้เรียนต่อแกจะทำหน้ายังไง”
“นี่แกหมายความว่ายังไง แกยุยงอะไรพ่อของฉันอีกบอกมานะ” พิมาลินสติขาดผึงตรงเข้าไปเขย่าร่างของมารดาเลี้ยงจนหัวสั่นหัวคลอน
“นี่แก ถอยออกไปนะ” กชกรรีบเข้าไปผลักพิมาลิจนกระเด็น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเข้าไปเขย่าร่างของมารดาเต็มแรง
“ไม่ถอย นังเลว แกยุแยงตะแคงรั่วอะไรพ่อฉันอีก บอกมานะ”
“ก็แค่บอกว่าไม่ให้แกเรียนต่อ เรียนไปทำไมปวดหัว มีผัวดีกว่า แกก็เพิ่งไปนอนกับคุณสิงห์มาไม่ใช่เหรอ ไปแบให้เขาเอาถึงที่ เขาให้มากี่ร้อยบาทล่ะ ค่าตัวแกน่ะ”
“นังปากนรกแตก” พิมาลินตบหน้าดาวาดเต็มแรง ใบหน้าของดาวาดหันไปตามแรงตบ
“นี่แก กล้าทำคุณแม่เหรอ” กชกรรีบเข้าไปดูมารดา ก็เห็นว่าซีกหน้าขึ้นรอยแดงจนน่าตกใจ
“คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ ทำไมไม่สู้ บัวจะตบสั่งสอนมันเองค่ะ”
“อย่าเลยจ้ะ เราพูดดี ๆ ถ้าเขาไม่ฟังเราก็ทำอะไรไม่ได้” ประโยคของมารดาทำให้กชกรกระทืบเท้าเร่า ๆ จะตรงเข้าไปตบพิมาลินเสียให้คว่ำ
พิมาลินนั้นแปลกใจกับประโยคของมารดาเลี้ยงยิ่งนัก และยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงเข้มของบิดาก็ดังขึ้น
“ลับหลังของฉันแกทำร้ายเมียของฉันขนาดนี้เลยเหรอ” พิรัชต์มองบุตรสาวอย่างผิดหวัง นั่นทำให้พิมาลินสะดุ้งสุดตัว เธอคิดอยู่แล้วเชียวว่าเมื่อกี้ทำไมนังแม่เลี้ยงสารเลวของเธอไม่ตอบโต้เธอเลย ก็เพราะว่าหล่อนมีแผนการชั่วร้ายนี่เอง