[3/2]
[3/2]
“ผมเปลี่ยนอะไหล่นอกและอะไหล่ในรวมทั้งน้ำมันเครื่องเรียบร้อยหมดแล้วนะครับ”
ทีแรกต๋องเป็นคนที่รับผิดชอบรถจักรยานยนต์คันนี้เอง แต่เมื่อวานเจ้าของอู่เกิดคึกอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ หลังจากที่ไปหาแฟนสาวกลับมา ก็มาแย่งงานลูกน้องทำเลย
ทำจนดึกเช็คให้ทุกตารางนิ้ว อย่างกับใช้งานเอง เมื่อคืนต๋องก็เลยอยู่เป็นลูกมือเจ้าของอู่เกือบ ๆ ตีสองถึงเสร็จ
“ขอบคุณค่ะ”
“ทางร้านซ่อมแล้ว ล้างรถให้เรียบร้อยแล้วนะครับ”
“ล้างรถ?”
“ครับผม คือมันเป็นหนึ่งในบริการเสริมในช่วงโปรโมชันทางร้านน่ะครับ”
“ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม หรือว่าเครื่องมีปัญหาขึ้นมาอีก ทางร้านเรามีประกันตามระยะเวลาในบิลเลยนะครับ”
“บิล?”
ปกติทางร้านบริการดีแบบนี้อยู่แล้ว แต่เฉพาะรถคันนี้โดนเจ้าของร้านเพิ่งออปชั่นเสริมขึ้นมาอีกอย่าง คือนอกจากซ่อมให้แล้วยังใช้ให้ต๋องต้องเอารถเขาไปล้างให้อีก
ก็แค่รถจักรยานยนต์คันเล็ก ๆ ทำไมต้องบริการดีขนาดนี้ด้วยต๋องยังงงอยู่เลย
“อ่อ! จริงสิ เกือบลืมไปเลยครับ แฮร่ ๆ ...ลูกค้าชำระค่าซ่อมด้านในออฟฟิศได้เลยนะครับ เสร็จแล้วลูกค้าจะได้ใบเสร็จมา ในนั้นมันจะมีประกันบอกไว้อยู่ว่ารับเคลมถึงวันไหนน่ะครับ”
ร้านเฮียฉีดูแลลูกค้าดุจญาติมิตร แต่ถ้าลูกค้ามาแบบไม่เป็นมิตรอันนี้ก็พร้อมบวก เพราะแบบนี้ไงถึงได้เป็นร้านเด่นประจำบางพระ
และอีกหน่อยชื่อเสียงร้านนี้มีคงกระฉ่อนไปทั่วชลบุรีแล้ว มีช่างซ่อมฝีมือดีอย่างต๋องอยู่ในร้านของเฮียฉีทั้งคน ใครไม่ชม.. ต๋องชมตัวเองก็ได้
“โอเคค่ะ ด้านในตรงนู้นใช่ไหมคะ?”
“ค้าบผม”
จะว่าไปลูกเฮียส้งคนนี้ก็สวยเหมือนกันนะ แต่งตัวดูดีมากเลยตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วดูคนข้าง ๆ ที่พามาด้วยสิ ต๋องเห็นตั้งแต่จอดรถเดินลงมาแล้ว แค่รถคันนั้นก็หลายสิบล้านแล้ว
และดูการแต่งตัวเสื้อผ้าแบรนด์เนมของผู้ชายคนนี้สิ คงจะรวยน่าดู ถ้าจะบอกว่าเป็นว่าที่ลูกเขยเฮียส้งล่ะก็ ต๋องอยากจะหัวเราะให้เลย
เพราะถ้ารวยขนาดนี้แล้วทำไมยังปล่อยให้ลูกสาวเฮียส้งเอารถมอเตอร์ไซต์มาซ่อมได้ล่ะ ทำไมไม่ซื้อรับหรู ๆ ให้ขับไปเลย จะได้สมฐานะคนรวย
ผิงและพอร์ชเดินมาหยุดตรงหน้าห้องกระจกที่มีพนักงานคนเมื่อครู่นี้บอกว่ามันคือออฟฟิศที่จะต้องมาจ่ายเงิน
ร่างบางหันหน้ามาหาแฟนหนุ่มตอนนี้ดูก็รู้ว่าเขาคงเบื่อ หรืออาจจะอยากกลับแล้วก็เป็นไปได้ เพราะผิงก็สังเกตุมาตั้งแต่ที่เธอยืนคุยกับพนักงานคนนั้นแล้ว
“ถ้าพอร์ชร้อนก็ไปรอในรถก่อนก็ได้นะ เสร็จแล้วเดี๋ยวผิงตามไป”
“ไม่เป็นไรเราทนได้ ในออฟฟิศนี้หน้าจะเย็น”
“โอเค งั้นก็ได้”
แคร่กกก!!
ผิงเลื่อนประตูกระจกเข้ามาด้านในพร้อมกับแฟนหนุ่ม ทันทีที่เปิดเข้ามาในออฟฟิศที่จะต้องชำระเงินค่าซ่อม
แอร์เย็นฉ่ำภายในห้องนี้มันทำให้ผิงรู้สึกแตกต่างจากนอกร้านเมื่อครู่นี้เป็นอย่างมาก ราวกับอยู่กันคนละโลกเลย
“เดี๋ยวพอร์ชไปนั่งรอตรงโซฟามุมนู้นนะผิง” พอร์ชชี้ไปที่โซฟารับรองแขกในห้องนี้ ซึ่งก็อยู่อีกมุมไม่ใกล้ไม่ไกลจากหน้าประตู
“อื้มๆ” จากนั้นผิงก็เดินเข้าไปตามโต๊ะที่พนักงานด้านนอกบอกมา
“สวัสดีค่ะ พอดีมาจ่ายค่าซ่อมรถมอเตอร์ไซต์ค่ะ”
“…”
“สวัสดีค่ะ?” ผิงและพอร์ชหันหน้ามามองกัน เหมือนสงสัยแบบเดียวกันอยู่
ผิงสวัสดีเป็นรอบที่สองแล้วแต่คนที่นั่งเก้าอี้หันหลังให้เธออยู่แบบนี้กลับไร้การตอบสนอง
เธอทักทายระยะใกล้กันแค่นี้คงจะได้ยินชัดเจนเป็นอย่างดี ทว่าทำไมคนรับชำระเงินถึงไม่ยอมหันหน้ามา
“คุณคะ? ชำระเงินค่า” ผิงลากเสียงยาวประชดประชันคนที่นั่งอยู่
แอ๊ด~
“0_0!”
คราวนี้พอหันหน้ามาเต็ม ๆ ผิงถึงได้รู้ว่าคนที่กวนประสาทเธออยู่นั้นเป็นใคร เพิ่งจะเจอกันเมื่อวานที่ร้านกาแฟแต่วันนี้กลับต้องมาเจอหน้าฉีอีกแล้ว ผิงไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้
แต่ก็ทำใจเอาไว้บ้างแหละว่ายังไงก็ต้องเจอกัน เพราะบ้านเขาก็อยู่แถวนี้เช่นเดียวกับผิง
“ไง... เรียนจบแล้วหรอ ถึงได้เอาผัวมาเปิดตัวแถวบ้านได้น่ะ?”
“อะไรนะ?”
ผิงอยากจะถามเขาจังเลยว่าที่พูดอยู่นั่นปากหรืออะไรกัน ทำไมถึงกล้าพูดจาแบบนี้ออกมา
ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่ได้สนิทกันเหมือนเดิมแล้ว และถึงต่อให้ยังสนิทอยู่ก็ไม่ควรมาพูดจาปากเสียแบบนี้ใส่ใคร
“อรึ่ม! ก็พูดชัดอยู่นะ”
ผิงมองตามที่ใบหน้าฉีกำลังจ้องไปทางแฟนหนุ่มของเธอ โชคดีที่พอร์ชนั่งคุยโทรศัพท์อยู่จึงไม่รู้ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาใครตอนนี้
ประเด็นเรื่องเมื่อวานผิงยังโมโหไม่หาย แล้ววันนี้ยังจะมาชวนหาเรื่องทะเลาะกันอีกอย่างนั้นเหรอ นี่เขาคิดอะไรของเขาอยู่
แล้วนี่อย่าบอกนะว่าเจ้าของอู่ซ่อมรถหน้าปากซอยนี้ก็คือเขา ไม่จริงใช่ไหม... บอกผิงมาที
"ว่าไง?"
“นั่นแฟนผิงเอง เฮียจะพูดอะไรก็เกรงใจเขาหน่อย พอร์ชเขาไม่ใช่คนหยาบคายเหมือนเฮียนะ”
“หึหึ ทรงไก่อ่อนแบบนั้น ถ้าให้เดาก็คงเป็นพวกคุณหนูบ้านรวยสินะ เลือกได้ดีหนิ… ดีแล้วจะได้สบายๆ”
“นี่เฮีย! หยุดพูดจาแบบนี้ได้แล้ว จะเอาไหมเงินน่ะ? ถ้าอยากซ่อมฟรีก็จะได้กลับ”
ผิงทนฟังคำพูดของฉีไม่ไหวแล้ว เมื่อวานยังถือว่าเบา ๆ พอมาวันนี้ถึงได้รู้ว่า 7 ปีที่ผ่านมา จากเฮียฉีคนดีของผิง
ตอนนี้ปากของเฮียมันได้กลายเป็นแหล่งเลี้ยงสุนัขจรจัดไปแล้วหรืออย่างไรผิงเองก็ไม่อยากจะเชื่อ