ตอน 3
“แสดงว่าผมไม่ได้พูดลุงเกษม อาจจะหูแว่ว”
“คงอย่างนั้นล่ะครับ ว่าแต่พูดถึงยัยหนูหยี ก็น่าสงสารนะครับ”
“น่าสงสารยังไง” คนพูดน้อย มาดนิ่ง สีหน้าไม่เคยแสดงอาการว่ารัก ชอบ ตกใจ อย่างปราบพิชิต ยังคงแสดงสีหน้านิ่งเฉย ทั้งที่ปากเอ่ยถามคนขับรถ พร้อมกับสมองคิดตามคำปรารภจากปากคนขับรถอาวุโส
“คุณปราบไม่รู้เรื่องพ่อของเธอเหรอครับ”
“ไม่ล่ะ ฉันรู้น้อยมากเรื่องเพื่อนๆ ของป๊า แล้วลุงรู้เรื่องเหรอครับ”
“รู้มาบ้างครับ เห็นคุณผู้ชายว่าคุณภาคิน ติดการพนันงอมแงม หวังรวยทางลัด ซึ่งเมื่อก่อนคุณภาคิน แกเป็นคนขยันมากนะครับ พอเมียเสียเท่านั้น แกก็เหมือนขาดกำลังใจ มีเพื่อนไม่ค่อยดีนักมาชวนเข้าบ่อน แกก็หลงไปช่วงใหญ่ เคยมายืมเงินคุณผู้ชายเป็นล้านๆ เลยนะครับ” ลุงเกษมคนขับรถเก่าแก่เล่ารายละเอียดคร่าวๆ ให้ปราบพิชิตฟัง เท่าที่แกพอรู้ เพราะเคยเห็นภาคินอยู่บ่อยๆ ตอนทำงานอยู่ในโรงงานซีอิ๊ว ดูเป็นหนุ่มมีอนาคตไกล ตอนนั้นลุงเกษมก็เพิ่งมาทำงาน ในตำแหน่งคนขับรถให้กับเสี่ยสถิตใหม่ๆ เช่นกัน
“ลุงรู้เยอะจังเลยนะครับ” ปราบพิชิตเอ่ยสั้นๆ เขาไม่ชอบยุ่งเรื่องของใคร หากพูดเรื่องเงิน เรื่องธุรกิจ พอคุยกันได้หน่อย หรืออีกอย่างคุยเรื่องสตรีสาวสวยนั่นคุยกันยาว
“ฟังจากคุณผู้ชายล่ะ ผมเคยเห็นคุณภาคินหลายครั้ง ทราบว่าทำงานอยู่ที่โรงงานมาก่อน แล้วลาออกไป”
“อืม...แล้วที่เอาลูกสาวมาฝาก เป็นเพราะเรื่องหนี้การพนันล่ะสิ สมัยนี้พวกทวงหนี้มันแรง ถึงกับฆ่าแกงกันเลยนะ” ปราบพิชิตเห็นมาเยอะแล้ว
“นั่นล่ะผมเลยว่าสงสารหนูหยีแม่ก็ตาย พ่อยังมาหนีหัวซุกหัวซุน”
“อยู่ในบ้านเราคงปลอดภัย เขาถึงมาฝาก” เพราะคฤหาสน์สกุลก้องพาณิชย์ มียามรักษาการ มีคนอยู่มากมาย รั้วรอบขอบชิด ใครเข้าใครออกไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก ทั้งมีกล้องวงจรปิดติดไว้หลายจุด
“นั่นน่ะสิครับ” ลุงเกษมในวัยห้าสิบห้าพูดแค่นั้น จึงได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างรอบครอบต่อไป
ปราบพิชิตลอบคิด เธอคนนั้นคงจะยังเรียนอยู่เขาเห็นเมื่อวาน ยังสวมชุดนักศึกษา แล้วแบบนี้จะไปเรียนยังไง คิดแค่นั้นปราบพิชิตจึงสลัดความคิดทิ้งไป เพราะไม่ใช่ธุระอะไรของตัวเอง แค่ครั้นเมื่อรถยนต์แล่นมาตามท้องถนน เขากลับหวนคิดถึงเรื่องลูกสาวเพื่อนบิดาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
วันนี้ที่บริษัทอวี้ หลิน หวัง จำกัด นัดประชุมกับตัวแทนจำหน่าย ซีอิ๊วตราอาม่า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ซีอิ๊วขาว ต้นตำหรับเลื่องชื่อมาช้านานของตระกูล สกุลก้องพาณิชย์ ซึ่งใช้แซ่อวี้ มาตั้งแต่รุ่นอากง โล้สำเภามาตั้งรกรากในประเทศไทย สัญลักษณ์ หรือตรายี่ห้อสินค้าจึงเป็นรูปอากงกับอาม้า รูปอากงไว้หนวดสีขาวยาวเฟิ้ม อยู่บนกระป๋องปลากระป๋องตราอากง ฉลากสีแดง ส่วนรูปอาม้าอยู่บนผลิตภัณฑ์ซีอิ๊ว น้ำปลา และซอสปรุงรสต่างๆ ซึ่งใช้ฉลากสีเหลืองดั้งเดิม เปลี่ยนรูปแบบนิดหน่อย ตามยุคตามสมัย แต่ยังคงสีเหลืองให้เป็นเอกลักษณ์แบบเดิมเอาไว้
บริษัท อวี้ หลิน หวัง จำกัด มีอายุยาวนานมากว่า ๗๙ ปี สองเดือนข้างจะฉลองขวบปีที่ ๗๙ อย่างยิ่งใหญ่
เมื่อได้เวลาประชุม ปราบพิชิตจึงย่างก้าวเข้าไปในห้องประชุม ที่ได้ตระเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย รอเวลาตัวแทนจำหน่าย และคู่ค้าที่มาจากเมืองจีนมาถึง เขานั่งอ่านเอกสารรออยู่ก่อน ความจริงไม่จำเป็นต้องอ่านด้วยซ้ำ เขารู้เรื่อง เข้าใจขั้นตอนการทำงาน สายงานการผลิตทุกอย่างครบถ้วนดีอยู่แล้ว ด้วยได้เข้ามาคลุกคลีตีโมง อยู่ในโรงงานตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ทุกอย่างจึงถูกฝังอยู่ในหัว ไม่ต่างกับบิดาของเขาหรือแม้แต่มารดาด้วย
ระหว่างที่ปราบพิชิต ชายผู้มีรูปร่างสูงโปร่ง สมาร์ท มาดแมน หล่อเหลา ผิวขาวตาตี๋อินเตอร์ แบบคนรุ่นใหม่ ทายาทอันดับสามแห่งตระกูล กำลังอธิบายส่วนงานต่างๆ ในโรงงาน เขาปล่อยให้แขกที่มาร่วมฟัง ได้เดินดูขั้นตอนการผลิตสินค้า ในชุดปลอดเชื้อ ชุดคลุมสีขาว สวมหมวกครอบศีรษะและหน้ากากอนามัยสีขาว อย่างมิดชิด ครั้นพอก้าวออกจากส่วนโรงงานทุกคนต้องถอดชุด เพื่อนำไปทำความสะอาดฆ่าเชื้อ
“เฮียปราบ นี่เก่งจังเลยนะคะ คล่องแคล่วฉะฉานดีทีเดียว” สายธาราทายาทเจ้าของบริษัท ฟู๊ดโปรดักส์ เดินมาหยุดอยู่ด้านข้างชายหนุ่ม แล้วเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงชื่นชมในทุกด้านอย่างที่หล่อนได้ลอบมองชายหนุ่ม อยู่ตลอดเวลา รอโอกาสดีๆ ได้อยู่ตามลำพัง
“ไม่ได้เก่งอะไรหรอกครับ ผมอยู่กับสิ่งนี้มาตั้งแต่เป็นเด็กป๊า เอ่อ พ่อของผมน่ะครับ ท่านสอนให้ผมอยู่กับ สิ่งที่ทำให้ครอบครัวก้าวมาถึงทุกวันนี้ได้ ผมจึงซึมซับมาตั้งแต่ยังเด็ก”
“อธิบายให้เหมยเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ทั้งที่เหมยไม่รู้เรื่องซีอิ๊วมาก่อนในชีวิต”
“แต่คุณเหมยก็รู้เรื่องธุรกิจ รู้เรื่องสินค้ามากมาย เพราะต้องเป็นตัวแทนจำหน่าย ถือว่าเก่งกว่าผมอีกนะ”
“ว่าแต่หลังจากเสร็จงานตรงนี้ คุณปราบพอจะมีเวลาไปดื่มบ้างไหมคะ” สายธารา อลงกร เอ่ยถามเป็นการหยั่งเชิง เธอไม่ได้ชวนเขา หากแต่เป็นการเอ่ยถามเท่านั้น
“คุณเหมยมีที่ดีๆ ไหมล่ะครับ” เห็นว่าสาวเปิดทาง ปราบพิชัยไม่รอช้าในการก้าวไปตามเส้นทาง สาวหมวยปากแดงคนนี้ หล่อนไม่ได้เลวร้าย ซ้ำยังมากเสน่ห์ แต่งตัวภูมิฐานบ่งบอกฐานะทางสังคม ในระดับเดียวกันกับเขา เมื่อหล่อนเชิญชวน เขาพวกไม่ใช่คนชอบขัดศรัทรา แต่ใบหน้าค่อนข้างเข้าถึงยากเท่านั้นเอง โดยส่วนใหญ่ปราบพิชิตมักตีสีหน้านิ่งเฉย ไม่แสดงอาการ ชอบ รัก หรืออะไรให้เห็นง่ายๆ เว้นแต่มีสิ่งกระตุ้น อันเป็นที่น่าพอใจ เขาจึงจะกระโดดงับเหยื่อ ที่ยื่นมาถึงปาก
“นี่ค่ะเบอร์เหมย” หล่อนไม่ตอบหากแต่จดเบอร์ตัวเองให้เขา อย่างจงใจหว่านเสน่ห์ แล้วก็ทอดสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กหนาสิบชั้นไปยังชายหนุ่ม ใครจะคิดว่าทายาท อวี้ หลิน หวัง จะหล่อ ดูดี เท่ เร้าใจขนาดนี้ เสียงที่เปล่งออกมาช่างทุ้มเสนาะหู ฟังทุกการพูดจา มากเสน่ห์ ยากทิ้งให้อยู่นอกสายตา เพราะตอนนี้เขาอยู่ในสายตาหล่อนแล้ว ทีแรกวาดภาพเจ้าของ บริษัท ซีอิ๊ว ต้องเป็นชายพุงพุ้ย ตาตี๋ๆ เท่าไม้ขีด ตัวเตี้ยเท่าเสาหลักกิโล ที่ไหนได้ พอเจอตัวเป็นๆ หัวใจดวงน้อยแทบหยุดเต้น ลมหายใจติดขัด เมื่อได้ประสบพบหน้าเขาในวินาทีแรก ที่ตนได้ย่างก้าวเข้าไปในห้องประชุมอันกว้างขวางในตัวอาคารสำนักงานของ อวี้ หลิน หวัง
“ให้ผมโทร. ไปใช่ไหมครับ”
“คุณปราบคิดว่าอย่างไรล่ะคะ”
เขาไม่ได้โง่แต่แค่หยั่งเชิง ว่าผู้หญิงมาไม้ไหน แค่โปรยเสน่ห์ หรือเอาจริง บางคนแค่อ่อย ให้มางั้นๆ แต่พอโทร.ไป นางก็เล่นตัว บอกกลับว่าติดธุระ งานยุ่งบ้าง ผู้หญิงสาวมักชอบบริหารเสน่ห์ แต่สำหรับปราบพิชิตไม่เคยตื้อ ไม่ว่างก็ไม่ว่าง เขาไม่เคยโทร.เซ้าซี้เป็นครั้งที่สอง แต่พวกหล่อนมักเป็นฝ่ายโทร.กลับมาง้อมากกว่า
“รอรับโทรศัพท์จากผมนะครับ เร็วๆ นี้” เขาว่าพร้อมส่งสายตาเจ้าเสน่ห์ ในแบบที่ผู้หญิงคนไหนเห็นเป็นต้องละลาย ยอมพลีกายให้เลยทีเดียว
“ฉันนึกว่าคุณจะไม่มาซะแล้วปราบ”
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะครับเหมย” ชายรูปร่างสูงสง่า ในชุดสบายกว่าที่เจอกันในเวลางาน ก้าวเข้ามาหย่อนก้นลงนั่งตรงข้ามกับสายธารา เขาส่งยิ้มนิ่งๆ ให้กับหล่อน หากแต่หล่อนลอบสำรวจเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พลางแอบคิดไปว่า เขาช่างเป็นผู้ชายที่ดูมุมไหนก็ดูดีเด่นสง่าไปเสียหมด ใครจะไปคิดล่ะว่าเขา ‘ไร้แฟน’ อายุตั้งสามสิบแล้ว ไม่น่าไร้แฟนหรือเขาไม่ปลงใจกับสตรีสักคนเอง
“วันนี้เหมยสวยจัง” เขาให้ความเป็นกันเองกับเจ้าหล่อน ที่กล้าโทร.ไปนัดเขาออกมาปาร์ตี้ส่วนตัวในผับหรูหรา แค่สองคนแต่รายล้อมด้วยผู้คนมากมาย ในวันนี้หล่อนก็อยู่ในชุดที่ต่างไปจากกลางวันโดยสิ้นเชิง สาวชุดดำรัดรึงอวดสัดส่วน เรียวขาเรียวเนียน หน้าอกถูกดันจนเห็นเด่นชัดในชุดเกาะอกหมิ่นเหม่ จะหลุดไม่หลุดแหล่ แล้วถ้ามันหลุด เขาจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร หรือถ้าไม่หลุด เขาก็อยากทำให้หลุด ปราบพิชิตแอบคิดอยู่ในใจท่าทางนิ่งๆ ของเขาอย่างสงบ
“ชมใครแบบนี้บ่อยๆ หรือเปล่าคะ” สายธาราเอ่ยถามอย่างเย้ายวน และก็หวังยั่วให้เสือสงบอย่าง ปราบพิชิตรู้สึกร้อนรุ่ม ด้วยการยกขาไขว่ห้างอย่างจงใจเผยความวับๆ แวมๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในร่มผ้า แล้วหล่อนก็ถือโอกาสลุกขึ้น ขยับไปนั่งมานั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับชายหนุ่ม “ดื่มค่ะ” หล่อนยกแก้วเครื่องดื่มของตัวเอง พร้อมกับยกแก้วให้เขา เสียงชนแก้วดังแกร๊ง
“ต้องหมดแก้วไหมครับ”
“คุณปราบว่ายังไงล่ะคะ”