บทที่ 9
“รักแท้รักคืออะไร ตับไตไส้พุง หรือรักกางเกงที่นุ่งว่าดูสวยดี รักที่นามสกุล รักยี่ห้อรถยนต์ รักเพราะว่าไม่จน มีสตางค์ให้จ่าย รักแท้ต้องทำอะไร ต้องเดินห้างกัน กุ๊กกิ๊กซึ่งกันและกันไม่สนสายตาใคร ซึ่งฉันไม่เข้าใจ ไม่ขอรักใครละกัน1”
“มาทำไมให้อายบ้านนาละนวลน้อง ไม่ต้องกลับคืนมา วันจะไปไม่ลาหนีหน้า ไปกับหนุ่มเมืองหลวง ทิ้งคนข้างหลังนั่งน้ำตาร่วง มันเจ็บในทรวงพุ่มพวงรู้หรือเปล่า ทิ้งเคียวคาดไถไว้เมื่อเดือนเก้า ช่างสุกสกาวกลับมาทำไม2”
“ล๊มม!”
“โอ๊ย! ชะนีแพรวามีความสุขอะไรนักหนาฮะ ฉันเห็นแกร้องมาหลายเพลงและ ร้องก็ถูก ๆ ผิด ๆ”
ยัยรันนี่ถามฉันอย่างเหลืออด ที่ฉันร้องเพลงด้วยความสุขแบบนั้น ซึ่งฉันก็มีความสุขจริง ๆ ก็ในเมื่อ...
“พวกพี่หรือเจ๊ของฉันจะกลับมาเมืองไทย”
“พี่/เจ๊!!”
“คนที่แกเล่าให้ฟังอะนะ” ยัยฟ้าถาม
“ใช่ พี่สาวสุดสวยและเก่งที่สุดของฉันกำลังจะกลับไทยแล้วหลังจากที่ไม่ได้กลับมาหลายปี” ฉันพูดอย่างมีความสุข
“แล้วนี่ชะนีหวานเป็นอะไรยะหล่อน ฉันเห็นนั่งซึมมานานละ”
มันก็จริงอย่างที่ยัยรันนี่ว่านะ เพราะวันนี้หวานดูซึมจริง ๆ เป็นอะไรกันแน่วะ
“ทะเลาะกับพี่เมฆเหรอ” ยัยฟ้าเป็นคนถาม หวานไม่ตอบนอกจากนั่งเงียบ ๆ และตาแดง ๆ
“เฮ้ย ไม่เอาดิไม่ร้อง อย่าร้องสิชะนี” ยัยรัน
“ไหนยังไงเล่า ถ้าเห็นว่าเป็นเพื่อนก็เล่าให้พวกฉันฟัง” ฉันพูด
หลังจากนั้นเรื่องราวที่เป็นอันทุกข์ใจของยัยหวาน ก็พรั่งพรูให้พวกฉันฟังจนหมด เรียกได้ว่าทุกบททุกตอนจริง ๆ
หึหึ ทำเพื่อนฉันร้องไห้เหรอ เดี๋ยวเหอะ สนุกแน่พี่เมฆ...
“ไปกันเถอะมึง หยุดดรามาสักครู่ แล้วไปเรียนกันเถอะ” ยัยฟ้าพูด
“ใช่ เดี๋ยวพวกฉันหาทางช่วยเอาคืนพี่เมฆเอง”
ยัยรันพูด ส่วนฉันไม่พูดอะไรนอกจากมองหน้าหวานแล้วส่งยิ้มไปให้เท่านั้น จากนั้นพวกเราก็พากันไปเข้าห้องเรียน ลืมบอกไปว่าคณะเราได้ตัวแทนที่จะประกวดดาวกับเดือนมหา’ลัยด้วยนะ เป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากหวานจ้า ส่วนผู้ชายก็เป็นคนในเอกนี่แหละแต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ฉันลืม ฮ่า ฮ่า ฮ่า
สามชั่วโมงผ่านไป
“หิวข้าวแล้วอะแก” ยัยรัน
“อื้อ เราก็หิว” หวานพูดยิ้ม ๆ แต่ตาก็ยังฉายความเศร้าออกมาอยู่เล็กน้อย
“งั้นเราจะกินอะไรกันดีล่ะ” ยัยฟ้าถาม
“...”
“เดี๋ยวค่อยไปดูละกัน ส่วนจะกินอะไรค่อยว่ากันอีกที”
เมื่อตกลงกันไม่ได้ฉันจึงต้องสรุปออกมาแบบนี้ ก่อนจะเดินนำทุกคนไปที่โรงอาหารของคณะ
อืม...คนยังไม่ค่อยเยอะก็ดีฉันชอบ
พวกฉันทั้งสี่แยกกันไปซื้อสิ่งที่ตัวเองอยากกินเรียบร้อย และตอนนี้พวกเราก็นั่งอยู่ที่โต๊ะมุมสุดที่ห่างไกลผู้คน เนื่องจากฉันไม่ชอบคนพลุกพล่านเลยพากันมานั่งที่มุมนี้ อาหารที่เราจะกินกันเป็นอาหารจานเดียว ยัยรันกินก๋วยเตี๋ยว ฟ้ากินสุกี้ หวานกินข้าวหมูกรอบ ส่วนฉันผัดกะเพรารวมมิตรทะเล เราก็นั่งคุยไปกินไปอย่างสนุก จนกระทั่ง!
“หวาน!”
ความสนุกของพวกฉันก็หายไป เมื่อได้ยินเสียงของพี่เมฆ คือตอนนี้พี่เมฆยืนอยู่หลังยัยหวานและฉันนั่งอยู่ตรงข้ามกับยัยหวานนึกภาพออกปะ! รู้สึกว่าตัวเองกำลังนั่งดูฉากที่อยู่ในละครอะ แต่ภาพกับเสียงที่ได้มันคมชัดกว่า
“หวาน กลับ”
พี่เมฆพูดนิ่ง ๆ ซึ่งยัยหวานก็ได้แต่เงียบแต่ฉันรู้ว่ามันไม่ปกติ ก็ฉันนั่งอยู่หน้ามันนี่ทำไมจะไม่รู้ไม่เห็นล่ะ สภาพมันตอนนี้คือไม่โอเค ไม่พร้อมลุย แล้วก็กลัว!
“บอกให้กลับไงวะ!!” พี่เมฆกระชากเสียงพูดให้เข้มและดังขึ้น จนยัยหวานสะดุ้ง
“หวาน บอกให้กลับไปคุยกันให้รู้เรื่องไง!!!”
“เอ่อ มีอะไรค่อย ๆ พะ..”
“อย่ายุ่ง!!!”
ยัยรันยังพูดไม่ทันจบก็ต้องรีบหุบปากเพราะเสียงตวาดของพี่เมฆ
“หวานลุกขึ้น”
อูย เสียงเย็นเลยแฮะ ยัยหวานก็นิ่งไม่ยอมขยับเลยนอกจากนั่งเฉย ๆ และน้ำตาก็มาคลอที่หน่วยตา
“พี่เมฆคะ พี่กลับไปก่อนเถอะค่ะ หวานมันกลัวหมดแล้ว”
ฟ้าพูดบ้าง พร้อมกับส่งสายตาตำหนิไปให้พี่เมฆ ก่อนจะรีบหลบสายตาตอนพี่เมฆหันมามอง
“หวาน ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม อย่าให้ต้องร้ายนะ”
พี่เมฆมองน้ำหวานด้วยสายตาที่น่ากลัว
“หนึ่ง”
“...”
“สอง”
หวานมองหน้าฉันด้วยแววตาขอร้อง ฉันส่งยิ้มหวานไปให้เพื่อน ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปอยู่ข้าง ๆ หวาน ย้ำแค่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เหมือนจะมีสายตาจากพี่มาร์คัสบอกว่าห้ามยุ่ง! ฉันก็ตอบพี่มันทางสายตาว่าเสียใจ นี่เพื่อนฉัน ในขณะที่พี่เมฆกำมือแน่น
“สาม”
หมับ
พลั่ก! ตุ้บ!
ทันทีที่พี่เมฆนับสามจบ พี่มันก็ตรงเข้ามากระชากไหล่ของหวาน ไม่สิ กระชากตัวหวานออกจากโต๊ะมากกว่า ฉันก็กระชากหวานกลับมาหาตัวเองเหมือนกัน โดยดึงให้หวานไปอยู่ข้างหลัง ส่วนฉันยืนบังหวานไว้ พร้อมกับผลักพี่เมฆออกไปด้วยความแรง
“หลบไปแพรวา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ”
“ใช่ค่ะไม่เกี่ยวกับแพรว แต่นี่เพื่อนแพรวค่ะไม่เกี่ยวโดยตรงก็เกี่ยวทางอ้อมอยู่ดี” ฉันตอบและมองหน้าพี่เมฆอย่างท้าทาย
กรอด!! เสียงพี่เมฆกัดฟัน คงจะโมโหน่าดู
“หวานเธอจะมาหาฉันหรือให้ฉันไปหาเธอ”
ทันทีที่พี่เมฆพูดจบ หวานก็กำชายเสื้อฉันแน่น คงกลัวมากแน่ ๆ เลยตัวสั่นน่าดู
“พี่เมฆหยุดใช้อารมณ์ได้แล้วค่ะ เพื่อนแพรวมันกลัวจนตัวสั่นหมดแล้ว แพรวไม่รู้นะคะว่าพี่ทะเลาะอะไรกัน แต่พี่จะมาตะคอกใช้อารมณ์จนไม่มีเหตุผลไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ มันผิดเหรอที่พี่ไม่อยากให้คนอื่นมองแฟนตัวเองไม่ดี เที่ยวทำร้ายคนอื่น โดนจับได้ยังไม่ขอโทษ”
ทำร้าย?
“อ๋อ ทะเลาะกันเพราะคนอื่น พี่คบกับมันมากี่ปี พี่คิดว่าแฟนพี่สามารถทำร้ายคนอื่นได้อย่างนั้นเหรอคะ แพรวคบกับมันไม่ถึงปียังรู้เลยว่ามันไม่กล้า แล้วพี่อะคบกับมันมาก็นานแค่นี้ไม่รู้เหรอว่าแฟนตัวเองนิสัยยังไง”
“...”
“กลับไปเถอะค่ะ ถ้าพี่อารมณ์แบบนี้แพรวไม่มีทางยอมให้เพื่อนแพรวไปกับพี่เด็ดขาด”
“...”
“กลับไปทบทวนดูดี ๆ นะคะ ว่าใครกันแน่ที่โดนทำร้าย และเมื่อไหร่ที่พี่ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ แพรวสัญญาว่าจะส่งมันให้พี่ด้วยมือแพรวเอง” เมื่อเห็นว่าพี่มันเงียบและเริ่มคล้อยตาม ฉันจึงหว่านล้อมจนพี่มันยอมกลับไป
เฮ้อ! ปัญหาคนอื่นแต่ทำไมฉันเหนื่อยวะ