บทที่ 10
“แพรว”
“อย่าร้อง ห้ามร้อง หยุดเดี๋ยวนี้แล้วนั่งลงกินข้าว”
ฉันบอกหวานที่พูดเสียงสั่น ซึ่งมันก็ยอมทำตาม เราก็นั่งกินข้าวกันจนหมด
“พวกแกไปไหนต่อ เรามีเรียนอีกทีบ่ายสอง เหลือเวลาอีกตั้งสองชั่วโมงเพราะนี่เพิ่งเที่ยง”
“เออใช่ ฟ้าพูดถูก ไปไหนกันดีวะ”
ยัยรันเอ่ยสมทบคำพูดของยัยฟ้า
“ไม่อะ ขี้เกียจ ไปเดี๋ยวก็ต้องกลับมาเรียน เรียนเสร็จก็ต้องเข้าเชียร์ เก็บแรงไว้เข้าเชียร์ดีกว่า” ฉันพูดไปตามที่คิด
“อื้อ เราเห็นด้วยกับแพรวนะ” หวานพูดยิ้ม ๆ
“เฮ้อ เอางั้นก็ได้ ว่าแต่... แกโอแคนะหวาน” รันถามด้วยความเป็นห่วง หวานก็ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ
“ถ้ามีแฟนแล้วต้องทุกข์แบบนี้ ฉันไม่มีซะยังดีกว่า”
ฟ้าพูดปลง ๆ
ตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกันตอนนี้ก็ผ่านมาได้หนึ่งเดือนแล้ว ดูเหมือนเร็วใช่ไหม แต่ความจริงแล้วมันไม่เร็วเลยเลยสักนิด เพราะพวกฉันต้องเข้าเชียร์ทุกวัน ทั้งเรียนทั้งเชียร์โคตรเหนื่อย เหนื่อยมากจริง ๆ มีเรื่องมาให้ปวดหัวทุกวัน นี่ก็ไม่รู้ว่าวันนี้จะเจอเรื่องอะไร
แต่ตอนนี้ฉันว่ามาดูเรื่องยัยหวานก่อนดีกว่า มันไม่สดใสเลยตั้งแต่ที่พี่เมฆมา ตอนแรกก็เศร้าพออยู่แล้ว นี่เล่นเหมือนไม่มีวิญญาณเลย ทำไมถึงได้อ่อนแอขนาดนี้นะ ถ้าพวกมันคบกับฉัน อย่างน้อยพวกมันก็น่าจะเข้มแข็งกว่านี้ ไม่อย่างนั้นถ้ามีเหตุเกิดขึ้นอย่างที่ฉันเคยคิดไว้จริง ๆ พวกมันไม่ปลอดภัย และทำให้ฉันเป็นกังวลแน่ ๆ
“หวาน”
“...” เมื่อฉันเรียก หวานไม่ตอบนอกจากมองหน้าฉันแล้วยิ้มบาง ๆ
“หวานสู้คนไหม” คนตรงหน้าก็ส่ายหน้าให้ทันที ผิดกับที่คิดไว้ที่ไหนล่ะ
“แต่หวานต้องสู้”
“แต่เรากลัว”
“มันไม่มีอะไรน่ากลัว ที่หวานกลัวเพราะว่าหวานไม่สู้ต่างหาก” ฉันบอก เธอก็ทำท่าจะใช้ความคิด เหมือนลังเล ว่าควรทำแบบไหนดี
“ไม่ต้องกังวล มันไม่มีอะไรน่ากลัวเลยจริง ๆ เชื่อฉัน”
ฉันพูดก่อนจะมองหวานยิ้ม ๆ
“อย่าว่าแต่ยัยหวานกลัวเลย ถึงฉันจะไม่ยอมคน แต่ใช่ว่าจะกล้าสู้คนนะ” ฉันหันไปมองคนพูด
“จริง ยัยฟ้าพูดถูก” ฉันมองเพื่อน ๆ ก่อนจะส่ายหน้าให้ด้วยความเหนื่อยใจ
“แต่พวกแกคบกับฉันพวกแกต้องสู้ อย่างน้อยแค่ป้องกันตัวเองได้ก็ยังดี”
“แต่/แต่/แต่” เพื่อนฉันประสานเสียงออกมาพร้อมกัน
“ไม่มีแต่ หรือพวกแกอยากจะโดนรังแกตลอดล่ะ โดนหาว่าไปทำร้ายคนนั้นคนนี้ ทั้งที่แกไม่ได้ทำอะไรผิด แถมยังเป็นคนที่ถูกทำร้ายซะเอง จะเอาแบบนั้นเหรอ”
“...” พวกมันต่างก็ส่ายหน้าให้
“ใช่ไง ในเมื่อไม่อยากโดนกระทำแบบนั้น พวกแกก็ต้องสู้ ฉันไม่ได้บอกให้พวกแกทำร้ายใคร แต่พวกแกต้องรู้จักป้องกันตัวเอง”
“...” เมื่อเห็นพวกมันเงียบ ฉันจึงเลือกที่จะหันหน้าไปพูดกับหวานเพราะมันดูอ่อนแอที่สุดในบรรดาพวกเรา
“หวาน แกเป็นคนเรียบร้อย แต่ใช่ว่าเรียบร้อยแล้วต้องอ่อนแอ ถ้ามีคนทำร้ายแก แกก็สู้ไปเลย”
“แต่เราสู้ไม่เป็นนะ”
“เดี๋ยวฉันสอน”
“ฮ๋า!!!” ฉันมองเพื่อนที่ร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน
“ไม่ต้องตกใจ เดี๋ยวฉันจะสอนพวกแกเอง” ฉันบอกพวกมันก่อนจะยิ้มร้ายออกมา
“เกลียดรอยยิ้มแกจังเลยว่ะ” ฟ้าพูด
“จำที่ฉันบอกแกสองคนวันที่เราตกลงเป็นเพื่อนกันได้ไหม”
ฉันถามซึ่งฟ้ากับรันก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจความหมาย
“อะไรเหรอ” ฉันหันไปมองหวานยิ้ม ๆ มีแค่คนเดียวในกลุ่มนี่แหละที่ไม่รู้
“เอาเป็นว่า หวานรู้แค่เราไม่ธรรมดาก็พอ เราไม่อยากให้หวานกลัวและตกใจ”
“แต่แพรวพูดแบบนี้ เราว่ามันน่ากลัวกว่ารู้อีกนะ” พอหวานพูดจบพวกฉันทั้งหมดก็พากันหัวเราะออกมา
“นั่นไงยัยหวานแกยิ้มแล้ว หัวเราะด้วย” รันทักขึ้น ซึ่งยัยหวานก็ทำหน้าตื่น ๆ ไปให้
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ คนเราอะเศร้าได้ แต่อย่าให้ความเศร้ามาทำลายความสุขของเรา เศร้าเรื่องนี้สุขเรื่องอื่น ฉันรู้ว่ามันยากที่จะทำความเข้าใจ แต่เชื่อฉันเถอะ ถ้าเธอคิดได้ เธอจะมองเรื่องที่เธอเจอเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง” ฉันพูดยิ้ม ๆ
“ขอบคุณนะ จากนี้ไปเราจะยิ้มเยอะ ๆ”
“มันต้องแบบนี้สิหวาน” ฟ้าพูดก่อนที่พวกเราจะนั่งหัวเราะกัน
“ว่าแต่แพรวจะให้เราไปฝึกที่ไหนเหรอ” หวานถาม
“ฉันจะพาพวกเธอไปฝึกที่ยิมส่วนตัว”
“ยิมส่วนตัว!”
“ใช่ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนอื่น เป็นยิมของฉันและพี่ ๆ เอง คนที่ใช้ก็จะเป็นคนของเรา ไม่มีคนนอก” ฉันพูดยิ้ม ๆ
“ดูเหมือนพี่สาวแกและตัวแกจะรวยจังเลยนะ ทั้งสนามแข่งรถทั้งยิม มีอะไรอีกหรือเปล่าเนี่ย” ยัยฟ้าพูด
“คิดว่าไงล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า” ฉันตอบมันไปและหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“แล้วแกบอกว่าพี่แกจะมา จะมาตอนไหนล่ะ” รัน
“ไม่รู้ว่ะ รู้แต่ว่าจะมา แต่ฉันคิดว่าน่าจะมาหลังเรารับน้องเสร็จนะ ฉันก็เดาเหมือนกัน คิกคิก”
“โธ่ ยัยแพรวก็เห็นร้องเพลงเมื่อเช้าก็คิดว่าพี่แกจะกลับมาพรุ่งนี้ซะอีก” ยัยฟ้าพูดด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์นัก
“ดูเหมือนแพรวจะรักพี่มากเลยนะ”
“แน่สิหวาน ถ้าไม่ใช่เพราะพวกพี่ ๆ ป่านนี้ฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ฉันก็เลยรักพวกพี่เขามาก มันไม่ใช่ความสัมพันธ์แค่พี่น้อง แต่มันคือครอบครัว” ฉันตอบหวานยิ้มๆ
“อิจฉาแกจังเนอะ ถ้าที่บ้านรับที่ฉันเป็นได้ ฉันอาจมีความสุขมากกว่านี้” ยัยรันพูดเศร้า ๆ
“พอ อย่ามาดึงดรามา ฉันว่าตอนนี้เราไปเข้าเรียนเถอะ นั่งอยู่นี่มานานละ แล้วเดี๋ยวต้องไปเชียร์อีกคนสวยเซ็ง”
ฉันพูดก่อนที่เราทั้งสี่จะพากันเดินออกจากโรงอาหารและมุ่งไปที่อาคารเรียน