บทที่ 7
“คำพูดของคนที่เรียกตัวเองว่าลูกผู้ชาย ยังเชื่อถือได้ใช่ไหมไททัน” ฉันพูดแล้วมองคนตรงหน้านิ่ง ๆ
“ฉันลูกผู้ชายพอคำไหนคำนั้น” นายไททันพูดพร้อมกับยกยิ้มมุมปากข้างขวา หึ
“งั้นฉันขอถามหน่อยสินายมาป่วนสนามที่นี่ทำไม”
ฉันถามและดูเหมือนนายไททันอะไรนั่นจะตกใจ แต่ก็แค่แวบเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาคนสวยอย่างฉันได้หรอก
“ฉันมาป่วนอะไรกัน เธอคิดมากไปเองหรือเปล่า ฉันก็แค่อยากเห็นหน้าควีนสนามเลยมาขอท้าชิง มันก็แค่นั้นเอง”
“แต่ก่อนหน้านี้นายส่งลูกน้องมาดูลาดเลาทางหนีทีไล่ไปก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ อย่างกับคิดว่าต้องกำจัดที่นี่ทิ้งอย่างนั้นแหละ” ฉันพูดยิ้ม ๆ นายไททันไม่พูดอะไรได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นและดูเหมือนจะหัวเสียนิดหน่อย
“แต่ก็เอาเถอะ ฉันคงคิดมากไปเองอย่างที่นายว่านั่นแหละ คงไม่มีใครกล้าคิดจะมีเรื่องกับสนามที่นี่หรอก เนอะ” นายไททันมองฉันนิ่ง ๆ ฉันได้แต่ยิ้มแบบไม่มีอะไร
“ไปเถอะแก กลับห้องกัน” ขณะที่พวกฉันกำลังจะเดินไป หึ เดี๋ยวนะ ทิ้งระเบิดไว้ให้สักลูกคงจะดี
“อ้อ ฉันลืมบอกไป ฝากไปบอกคนที่บ้านด้วยนะว่า..” ฉันไม่พูดต่อ จนนายไททันมองมาอย่างสนใจใคร่รู้
“อย่าทำแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่า M Sport Car ไม่เตือน! ไปและ บาย” พูดจบฉันก็เดินออกมาทันที ไม่ได้สนใจอีกจนมาถึงห้อง
“โหยัยแพรว แกโคตรสุดยอดอ่า มีเรื่องอะไรให้พวกฉันแปลกใจอีกไหมวะ” ยัยรันนี่พูด
“เออนั่นสิ ตอนแข่งนะฉันลุ้นจนหัวใจจะวายอะแก” เสียงยัยฟ้าพูด
“พี่เห็นด้วยนะ ไม่ธรรมดาเลยนะเราอะ” พี่เมฆพูด
“นั่นสิ หูย น่ากลัว” พี่เลโอพูดพร้อมเอามือรูปแขนไปด้วย
“หึ”
เสียงแบบนี้มีอยู่คนเดียวไม่ต้องเดา เขานั่นแหละ มาร์คัส
“น้องแพรวจะนอนที่นี่หรือเปล่าหรือว่าจะกลับคอนโด”
พี่เมฆเข้ามาในห้องเป็นคนสุดท้ายหลังจากไปตรวจเช็กความเรียบร้อยแล้ว ก่อนเอ่ยปากถามฉัน ซึ่งเป็นคำถามที่แสนจะปกติ แต่คนตรงหน้าฉันนี่สิ มองตาเขียวปัด ไม่รู้ไปโมโหใครมา ฉันล่ะงง
“นอนที่นี่แหละค่ะพี่แมน แพรวขี้เกียจขับรถ” ฉันพูด
“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวพี่บอกเด็กเตรียมอาหารให้น้องแพรวกับเพื่อน ๆ เลยแล้วกัน จะได้ไม่ต้องออกไปข้างนอก”
“ค่ะ” ฉันตอบรับคำพูดของพี่แมนอย่างเห็นด้วย
“เดี๋ยวค่ะพี่แมน แพรวขอรูปและวิดีโอจากกล้องวงจรปิดของเราด้วยค่ะ ทุกมุมเลยนะคะ”
“แต่ว่า..”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรวไม่มีความลับกับเพื่อน เพื่อนแพรวไว้ใจได้”
“งั้นก็โอเคครับ” เมื่อพี่แมนได้รับคำยืนยันจากฉัน พี่เขาก็ตกลงก่อนที่จะเดินออกไปข้างนอก
“เออ ฟ้ารันวันนี้จะนอนกับฉันหรือเปล่าหรือว่าจะกลับ ถ้ากลับจะให้เด็กไปส่ง” ฉันหันไปถามเพื่อน
“ฉันนอนนี่ ยังติดใจอยู่ว่ะ” รันพูด
“งั้นฉันก็นอนนี่แหละ พวกแกอยู่ไหนฉันก็อยู่นั่นแหละ”
ยัยฟ้าพูดฉันจึงยิ้มให้พวกมัน
หลังจากนั้นเราก็คุยเล่นกันปกติ มีแต่ไอ้พี่มาร์คัสที่นั่งหน้าบูด ราวกับจับได้ว่าแฟนตัวเองมีชู้ แถมพี่มันยังมองฉันด้วยสายตาที่ไม่พอใจสุด ๆ ดวงตาที่มีเปลวไฟลุกโชนในนั้น ทำให้ฉันไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ บอกตรง ๆ ว่า งง และงงมาก
อ้อ ที่พูดกับพี่แมนไปแบบนั้นเพราะฉันไว้ใจเพื่อนจริง ๆ และที่ฉันให้เพื่อนอยู่ที่นี่เพราะฉันอยากให้พวกมันรู้ว่าถ้าคบกับฉันจริง ๆ พวกมันควรทำตัวยังไง ถ้าสมมติเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน อย่างน้อยพวกมันจะได้ตั้งรับได้ ฉันจะได้หายห่วง แล้วที่กล้าให้นอนด้วย เพราะฉันแอบแชตไปขออนุญาตพี่ ๆ แล้ว ซึ่งพวกเขาก็เห็นด้วย อาจจะดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลแต่ฉันคิดมาดีแล้ว
“น้องแพรวครับ นี่ครับรูปและวิดีโอจากกล้องวงจรปิด”
ราวครึ่งชั่วโมงพี่แมนก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับของที่ฉันสั่ง
ฉันหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาเปิดดูข้อมูลที่อยู่ในการ์ด จากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบไม่มีใครพูดอะไรกันอีก เพราะมัวแต่สนใจกลุ่มคนที่อยู่บนหน้าจอ ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นกลุ่มผู้ชายประมาณสี่ถึงห้าคนเข้ามาในสนามแข่งจากนั้นก็แยกตัวออกไปยังจุดต่าง ๆ มันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกับว่ามาตรวจสอบสนามเฉย ๆ แต่แล้วก็ต้องไปสะดุดอยู่ที่ภาพผู้ชายคนหนึ่ง คือเหมือนมันจะพยายามทำอะไรสักอย่างแต่คนของสนามเข้าไปเห็นซะก่อน พวกมันเลยรีบล่าถอยออกไป
“โหยไรอะ เลยไม่รู้เลยว่าของที่อยู่ในมือคืออะไร” ยัยฟ้าพูดอย่างเสียดาย
“เออ นั่นสิ นี่ถ้ามีกล้องวงจรปิดติดอยู่ที่ไหนอีกสักตัวสักมุมคงรู้แล้วแหละว่ามันถืออะไรมา” พี่เลโอพูด ฉันไม่ได้พูดอะไรนอกจากมองภาพนั้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างใช้ความคิด
“น้องแพรวว่าเป็นฝีมือใครครับ” ฉันไม่ได้ตอบพี่แมน นอกจากมองไปที่หน้าจออีกครั้ง
“นี่อย่าเครียด ยิ่งเครียดยิ่งคิดไม่ออกนะ”
ฉันเงยหน้าไปมอง พี่มาร์คัส ฉันมองเขาแค่นิดเดียว ก่อนจะสนใจข้อมูลตรงหน้าต่อ
“พี่แมนคะ ขอโทรศัพท์แพรวหน่อย”
“ก็อยู่กับน้องแพรวไงครับ”
“ไม่ใช่เครื่องนี้ค่ะ อีกเครื่อง ที่แพรวเคยบอกไว้ว่าอย่ายุ่งกับมัน จำได้ไหมคะ แพรวขอเครื่องนั้นหน่อยค่ะ เร็ว ๆ เลยนะคะ”
เมื่อได้ใช้ความคิด ฉันก็คิดอะไรดี ๆ ออก เพราะโทรศัพท์ที่ว่า มันไม่ใช่โทรศัพท์ธรรมดา มันเป็นเครื่องรองรับภาพจากกล้องวงจรปิดตัวจิ๋วที่ฉันแอบไปติดเอาไว้ เรื่องนี้มีแค่ฉันกับพี่ๆ เท่านั้นที่รู้ เพราะมันเป็นรุ่นที่ฉันคิดค้นขึ้นมาเอง จิ๋วแต่แจ๋วคุณภาพสูงคือจุดขายของมัน
“เหี้ย/เชี่ย/เฮ้ย/เวร”
เสียงพวกพี่มันและเพื่อนฉันรวมถึงพี่แมนพูดขึ้นพร้อมกัน เมื่อของที่ฉันให้เอามาให้ ปรากฏภาพของชายคนนั้นพร้อมกับของที่อยู่ในมือ ความคมชัดละเอียดสูง ชัดยิ่งกว่ากล้องตัวไหนทั้งหมด ฉันรู้ทันทีว่ามันคืออะไร
“ยาบ้า!!!” พี่แมนพูดออกมาด้วยความตกใจ
“จะเล่นใช่ไหม”
“เธอรู้เหรอว่ามันคือใคร” ฉันไม่ตอบพี่มาร์คัส แต่หันไปสั่งงานพี่แมนแทน
“ไปบอกทุกคนว่าฉันเรียกประชุมด่วน! ให้เวลาครึ่งชั่วโมง แล้วไปเจอกันที่ห้องประชุมใหญ่ ทุกอย่างต้องเรียบร้อย”
ฉันหันไปสั่งงานของพี่แมน ทุกครั้งเมื่ออยู่ในสถานการณ์ทำงาน การพูดจาของฉันก็จะเปลี่ยนไปด้วย อย่างเช่นครั้งนี้
“เดี๋ยวรอฉันอยู่นี่นะ อีกประมาณครึ่งชั่วโมงอาหารคงมา ฉันมาเราค่อยทานข้าวกัน ไปนะคะ”
ฉันพูดกับเพื่อน ก่อนจะหันไปพูดกับพวกพี่มันในประโยดสุดท้าย