บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

กริ๊ง... กริ๊ง...

“อื้อ” ฉันเอื้อมมือไปกดปิดนาฬิกาปลุกบนหัวเตียง ก่อนจะบิดตัวไปมา เอ๊ะ ว่าแต่นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย!

07:30

“ฮะ! เจ็ดโมงครึ่ง ซวยล่ะ”

ฉันพูดออกมาอย่างตกใจก่อนจะรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ เพื่ออะไรน่ะเหรอ ก็อาบน้ำน่ะสิ วันนี้มีปฐมนิเทศนักศึกษาปีหนึ่งใหม่ทุกคน และทางมหา’ลัยเขานัดตอนแปดโมงครึ่ง และตอนนี้ฉันเหลือเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น! จะไปทันไหมเนี่ย ไม่น่าตื่นสายเลยฉัน

วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ฉันใช้เวลาอาบน้ำเพียงแค่สิบนาที ก่อนจะรีบออกมาแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว แล้วหยิบเสื้อนักศึกษาพอดีตัว กระโปรงคลุมเข่าหน่อยมาใส่จะได้ดูเรียบร้อย ทรงผมก็ปล่อยเอา หน้าไม่ต้องแต่งละ สายแล้ว

กุญแจรถฉันอยู่ไหน อยู่ไหน อยู่ไหน!

ฉันเปิดลิ้นชักหากุญแจรถลัมโบร์กีนีรุ่นใหม่ล่าสุดของฉัน โอ๊ย ทำไมยิ่งรีบยิ่งช้า อ่า นี่ไงเจอแล้ว เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ ฉันก็วิ่งออกจากคอนโด พุ่งตัวเข้ารถคันหรูและขับออกไปด้วยความเร็ว ฉันว่าต้องมีคนด่าหรือแช่งฉันบ้างล่ะ เล่นขับปาดหน้าแซงซ้ายแซงขวาแทบจะทุกคันแบบนี้ แถมยังเหยียบเกือบมิดไมล์

นั่นไง! หลังขับรถด้วยชั่วโมงเร่งรีบทั้งยังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายบนท้องถนน ฉันก็ขับมาถึงมหาวิทยาลัยที่ได้สมัครไว้สักที

เอี๊ยดดดดดดดดดด!

เสียงจอดรถดังสนั่นหวั่นไหวทั่วบริเวณของฉัน เรียกสายตาผู้คนให้หันมามองทั้งชายและหญิง ตอนนี้ใครจะชมใครจะด่าไม่สนใจทั้งนั้นแหละ ฉันรีบ!

หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว ฉันก็รีบวิ่งสี่คูณร้อยเข้าไปในในตัวอาคารทันที เพราะตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงแค่สิบนาที การปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ก็จะเริ่มขึ้น

พลั่ก ตุ้บ!

บ้าเอ๊ย ชนใครอีกล่ะเนี่ย ฉันเงยหน้ามองคนที่ฉันชนอย่างไม่สบอารมณ์นัก โอเค ฉันผิดฉันยอมรับ แต่ตอนนี้มันใช่เวลาจะมามองสำรวจผู้ชายตรงหน้าไหมเล่า ถึงเขาจะหล่อก็เถอะ

คนอะไรหน้าตาดีชะมัด ใบหน้าฟ้าประทานเนียนใสไร้สิว ไหนจะริมฝีปากได้รูปนั่น โอ้... พระเจ้าคงทำงานหนักแน่ ๆ เขาถึงได้หล่ออย่างไร้ที่ติแบบนี้ ช่างลงตัวเหลือเกิน พ่อเทพบุตรของฉัน...

“เดินภาษาอะไรของเธอเนี่ยฮะ! คนยิ่งรีบ ๆ อยู่”

เพล้ง! จบกันความเคลิบเคลิ้ม

อ๊าย มันด่าฉัน! เอาคำชมของฉันคืนมา ไม่น่าหลงเคลิบเคลิ้มไปกับรูปลักษณ์ภายนอกของอีตาบ้านี่เลย คนเขาอุตส่าห์ชมว่าหล่อ ไอ้ปากปีจอเอ๊ย นอกจากไม่คิดจะช่วยแล้ว ยังทำหน้ากวนส้นตี_ ใส่อีก หงุดหงิดเป็นคนเดียวหรือไงล่ะ ฉันก็หงุดหงิดเป็นเหมือนกันนะ ว่าแต่นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย ฉันละสายตาออกจากเขาก่อนจะก้มมองนาฬิกาเรือนหรูที่อยู่บนเรียวแขนสวยของฉัน

ตายแล้ว อีกห้านาที!

“ขอโทษนะคะ ที่ดิฉันชนคุณเมื่อกี้ ซึ่งดูจากสถานการณ์แล้วคุณก็ไม่ได้เจ็บอะไรมาก เพราะคนที่ดูท่าว่าจะเจ็บนั้นเป็นดิฉัน อ้อ คุณไม่ได้รีบคนเดียวนะคะ ฉันก็รีบเหมือนกัน คุณน่าจะเป็นสุภาพบุรุษให้มากกว่านี้นะคะ ฉันไปล่ะ ขอโทษอีกครั้งค่ะ”

หลังจากพูดกับคนตรงหน้าจบ ฉันก็รีบวิ่งตรงไปยังสถานที่ที่มหาวิทยาลัยได้จัดเตรียมไว้ ก่อนจะไล่สายตามองหาเก้าอี้ที่ว่าง เมื่อเจอแล้วฉันก็รีบพาร่างที่แสนจะบอบบางของฉันเข้าไปนั่งทันที

นั่งได้สักพักก็รู้สึกเหมือนมีคนสะกิด พอหันไปมองด้านข้างก็เจอกับผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งส่งยิ้มที่เกือบจะเห็นฟันครบทุกซี่มาให้ พร้อมทั้งจ้องมองมาที่ฉันด้วยแววตาตื่นเต้น จนฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบเธอ

“เธอชื่ออะไรเหรอ เราชื่อน้ำฟ้านะ เรียกเราว่าฟ้าก็ได้”

อืม...เท่าที่สังเกตเธอก็ดูเหมือนจะเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไร แถมยังดูร่าเริงเกินปกติเสียด้วยซ้ำ ผูกมิตรเอาไว้ก่อนดีกว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ถ้าเข้ากันไม่ได้ก็ต่างคนต่างอยู่แค่นั้น

ฉันยิ้มให้คนตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมพูดว่า “หวัดดี เราชื่อแพรวา เรียกเราว่าแพรวก็ได้”

“เธอเรียนสาขาอะไรเหรอ”

“ฉันเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เธอล่ะ”

“เฮ้! จริงเหรอ งั้นก็ดีสิ เพราะฉันก็สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์เหมือนกัน ดีเลยเราจะได้เรียนด้วยกัน เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ”

“อื้ม”

พรึ่บ!

จู่ ๆ ก็มีผู้ชายหน้าตาดีมานั่งลงข้าง ๆ ฉัน หล่อเสียด้วยนะ จนยัยฟ้าแทบจะเก็บอาการระริกระรี้เอาไว้ไม่อยู่ ก็เล่นสะกิดฉันพร้อมกับมองคนมา ใหม่ตาเยิ้มแบบนี้ จะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไงถ้ามันไม่ได้บ้าผู้ชาย! ฉันมองคนข้าง ๆ ด้วยสายตาปกติ ไอ้หล่อก็หล่ออยู่หรอกแต่ฉันกลับรู้สึกว่าเขาไม่ใช่ผู้ชาย!

“นี่พวกเธอชื่ออะไรกันเหรอ”

“เราชื่อฟ้านะ ส่วนคนนี้อะชื่อแพรว เราสองคนเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ แล้วเธอล่ะ ชื่ออะไรเรียนอะไรเหรอ” ฉันได้แต่นั่งยิ้มขำกับความช่างจ้อของยัยฟ้า ที่นอกจากจะแนะนำตัวเองแล้วยังแนะนำตัวให้ฉันด้วย สดใสร่าเริงสมกับบุคลิกของนางจริง ๆ

“เราชื่อรัน เรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์เหมือนกัน เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ”

ฉันพยักหน้ารับทราบ แล้วการปฐมนิเทศก็เริ่มต้นขึ้น

เรื่องที่ปฐมนิเทศก็ไม่มีอะไรมาก เป็นเรื่องเกี่ยวกับระเบียบวินัยใน มหาวิทยาลัยแล้วก็พูดถึงแผนการเรียนการสอนของคณะวิศวกรรมในแต่ละสาขา ทั้งยังมีเหล่าคณาจารย์หลายท่านออกมาให้ความรู้ และมีรุ่นพี่หลายคนมาชี้แนะแนวทางการเรียนให้อีกด้วย

ส่วนใหญ่พวกฉันไม่ค่อยฟังหรอก คุยกันเองเสียมากกว่า น่าแปลกที่เราสามคนเข้ากันได้ดีมากและสนิทกันอย่างรวดเร็ว จากที่เกร็งก็เริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ดูอย่างนายรันที่เริ่มหลุดอาการตุ้งติ้งออกมาให้เห็น ส่วนน้ำฟ้าก็มีมุมที่ฉันคาดไม่ถึงหลุดออกมาเหมือนกัน

“ไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนตรงนั้นกันเถอะ เราจะได้คุยต่อ”

ยัยฟ้าชี้นิ้วไปยังโต๊ะที่ว่า ก่อนจะเดินนำไปอย่างรีบร้อน เพราะกลัวจะมีคนแย่งโต๊ะที่หมายตาไว้

“นี่ แกใช่ไหม ที่มีเรื่องกับมาร์คัสของฉันนะฮะ!”

ระหว่างที่เรานั่งคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ก็มีเสียงผู้หญิงเข้ามาถามหาว่าฉันไปมีเรื่องกับใครสักคนที่ชื่อว่ามาร์คัส

“ฉันเนี่ยเหรอคะ!”

ฉันถามกลับด้วยความไม่เข้าใจว่าฉันไปมีเรื่องกับใครตอนไหน ก่อนจะใช้สายตามองเธอกลับอย่างท้าทาย เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ คิดว่าฉันกลัวหรือไง ถือว่ามาสามคนแล้วแพรวคนนี้จะกลัวเหรอ เหอะ

“ก็ใช่นะสิ ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร” คนที่ยืนข้าง ๆ ยัยคนแรกพูดขึ้น ฉันมองหน้าพวกมันนิ่ง ๆ ก่อนจะพูดว่า

“ขอโทษนะคะ” ฉันพูดขอโทษซึ่งพวกมันก็ยกยิ้มอย่างพอใจ แต่ขอโทษนะฉันยังพูดไม่จบ

“ที่ฉันพูดว่าขอโทษ เพราะอยากจะทราบว่า ฉันไปมีเรื่องตอนไหน วันนี้วันเปิดเทอมวันแรกของฉัน และที่สำคัญฉันไม่รู้จักคนที่ชื่อมาร์คัสอะไรนั่นด้วย กรุณาเข้าใจใหม่ด้วยนะคะ”

“แกแน่ใจเหรอว่าไม่มีเรื่อง ก็คนที่แกชนเมื่อเช้าไง นั่นแหละมาร์คัส แฟนฉันเอง”

อ๋อ ที่แท้ก็นายปากปีจอนั่น

“ก็ถ้าเป็นคนเมื่อเช้า ฉันพูดขอโทษเขาไปแล้วค่ะ ที่สำคัญมันเป็นอุบัติเหตุ”

“หึ นี่แกคิดจะอ่อยแฟนฉันใช่ไหม ฉันชื่อมินนี่ จำใส่หัวแกเอาไว้เลยนะว่าเขาเป็นของฉัน อย่ามาเสนอหน้า ไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน”

“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าเธอกับนายนั่นเป็นอะไรกัน และฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับนายบ้านั่นด้วย ทางที่ดีเธอควรไปบอกคนของเธอดีกว่านะ ไม่ใช่ตามมาหาเรื่องฉันแบบนี้ แล้วถ้ากลัวแฟนของเธอจะทิ้งไปมากละก็ ฉันแนะนำว่าให้ล่ามเขาเอาไว้ซะ ถ้าให้ฉันเดานายนั่นคงเจ้าชู้มากสินะ เธอถึงได้มาระแวงชาวบ้านเขาแบบนี้ ผู้ชายก็แบบนี้แหละมักมากไม่รู้จักพอ”

“อ๊าย นี่แกด่ามาร์คัสงั้นเหรอ แกรู้ไหมว่ามาร์คัสเป็นใครน่ะฮะ! จัดการมันเลยมินนี่”

“ใช่ จัดการมันเลย” เพื่อนทั้งสองของยัยมินนี่พูด

“ช้าก่อนยัยพิ้งยัยกรีน” มินนี่หันไปพูดกับเพื่อนของเธอ ก่อนจะคุยกับฉันอีกครั้ง

“แกเพิ่งเข้ามาใหม่คงยังไม่รู้อะไร เพิ่งอยู่ปีหนึ่งอย่าเพิ่งซ่า ฉันเป็นรุ่นพี่เธอหัดให้ความเคารพกันบ้าง ไม่งั้นแกจะอยู่ไม่สุข”

ได้ข่าวว่าฉันไม่ได้เป็นคนหาเรื่อง คำพูดช่างย้อนแย้งเหลือเกินนะยัยป้านี่

“ขอบคุณนะที่เป็นห่วงฉัน แต่เอาเวลาที่มาพูดจาไร้สาระ ไปหาอะไรทำที่มันสร้างสรรค์ดีกว่าไหม ปากบอกว่าเป็นรุ่นพี่ แต่การกระทำไม่ได้ต่างไปจากเด็กสามขวบ ไม่ได้มีความน่าเคารพ ถ้ามีรุ่นพี่แบบนี้ฉันไม่มีซะยังดีกว่า อ้อ แล้วก็บอกไว้ตรงนี้เลยนะว่า อย่ามายุ่งกับฉัน ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

หึ ถ้าอยากมีเรื่องก็มาสิ ฉันพร้อม!

“อ๊าย แก แก” ป้ามินนี่ก็กรี๊ดร้องซะหนวกหู ดีดดิ้นเร่า ๆ ด้วยความขัดใจ พร้อมกับถลาจะมาทำร้ายฉัน

“หยุด!!!”

“...”

“มีเรื่องอะไรกัน ถึงได้มากรีดร้องโวยวายแถมยังจะมาตบกันต่อหน้านักศึกษาที่นี่อีก ไม่อายกันหรือไง ที่นี่มันมหาวิทยาลัยไม่ใช่ตลาดสดที่มีไว้ให้พวกเธอมีเรื่องกันนะ”

คนที่พูดก็คือนายมาร์คัส คนที่ฉันเดินชนเมื่อเช้าแฟนที่ป้ามินนี่พูดถึงนั่นแหละ เขามากับเพื่อนผู้ชายสามคนรวมทั้งตัวเขาเอง และผู้หญิงสวยอีกหนึ่งคน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel