บทที่ 1 จูบที่ไม่ตั้งใจ
@สนามบิน DMK
รันลนา ร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมด้วยกางเกงยีนส์สีซีด ใบหน้าสวยเก๋ถูกปิดบังด้วยแว่นสายตาที่หนาเต๋อ น้อยคนนักที่จะได้เห็นใบหน้าสวยหวานอันแท้จริงที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้แว่นกรอบหนา ร่างบางกึ่งเดินกึ่งวิ่งลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาภายในตัวอาอาคารผู้โดยสารขาออก
“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขอเรียนเชิญท่านผู้โดยสาร ที่จะเดินทางไปยังท่าอากาศยานอุบลราชธานี ด้วยสายการบิน xxx เที่ยวบินที่ FD 359 เตรียมที่ห้องพักผู้โดยสารขาออก เพื่อตรวจเช็คสำภาระที่ออกเดินทางด้วยครับ” เสียงที่ดังมานั้น ทำเอาร่างบางถึงกับรีบวิ่งลากกระเป๋าสัมภาระเพื่อไปเช็คอิน ทว่าขณะที่มาถึงหน้าเคาน์เตอร์สายการบินนั้น
“ผู้โดยสารเดินทางวันที่ 3 เดือน 6 นะคะ” เสียงพนักงานที่เอ่ยมาเช่นนั่น ทำเอารันลนาถึงกับหน้าเหวอ
“ไม่ใช่เดินทางวันนี้เหรอคะ...” รันลนาเอ่ยด้วยสีหน้าสงสัย
“ผู้โดยสารจองไว้เป็นเดินทางไปวันที่ 3 เดือน 6 ส่วนตั๋วอีกใบ เดือนทางกลับวันที่ 8 เดือน 5 คะ”
“อ่า...” เสียงพนักงานประจำสายการบินเอ่ยมาเช่นนั้น ใบหน้าสวยหวานถึงกับซีดเผือกลง ให้ตายเถอะ นี้ฉันจองตั๋วเที่ยวบินผิดวันงั้นเหรอ
“อ่า...ยัยรัน สติเท่านั้น” ให้ตายเถอะ นี้ฉันจะทำยังไงดี โอ้ย...อยากจะบ้าตาย จองตั๋วไม่ผิดไม่ใช่รันลนาสินะ เพราะความง่วงและเบลอของฉันแท้ๆ
!! ฟู่...!! รันลนาถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ให้กับความไม่รอบคอบของตน ทำไงดีละทีนี้
“เอ่อ ขอโทษนะคะ ถ้าซื้อตั๋วตอนนี้ ราคาเท่าไหร่คะ”
“5398 บาทค่ะ ” คนฟังถึงกับตาโต
“5398 บาท” ชิบหายแล้วไหมฉัน แค่เงินสดที่พกติดตัวมาก็มีไม่ถึง ส่วนเงินในบัญชีก็ไม่มีเช่นกัน บัตรเครดิตเต็มทุกบัตร ศัลยแพทย์สาวสวยถึงกับเพลีย
“เอาไงดีฉัน” เมื่อเป็นเช่นนั้นฉันจึงไปติดต่อกับจุดบริการ สรุปคือความผิดของฉัน ไม่เกี่ยวกับสายการบิน ยัยรันเอาไงดี
“โอ้ย...ฉันอยากจะบ้าตาย ให้กับความซวยและเซ่อของตัวเอง” จองตั๋วยังไงผิดวัน เหอะ ซื้อใหม่ตั้งห้าพันเลยเหรอ ไอ้แพงมันก็ไม่เท่าไหร่หรอกแต่ติดที่ว่าตอนนี้ตังฉันไม่พอเลยน่ะสิ
อยากจะกรี๊ด ให้กับความเปิ่นของตัวเองชะมัด แต่ติดที่ว่าที่นี่คือสนามบิน ร่างบางเหลือบมองนาฬิกาและเครื่องบินที่กำลังจะออกตาละห้อย เหอะ...กลับป่าวงั้นเหรอ
แต่ขณะที่ร่างบางเดินลากกระเป๋าใบใหญ่ออกจากประตูทางเข้านั้น รันลนาที่ไม่ทันระวัง
!! ตึก โครม !! ร่างบางกับชนกระแทกเข้ากับร่างสูงอย่างจัง มือคนตัวเล็กทรงตัวรับน้ำหนักกระเป๋าไม่ไหว มือเรียวคว้าเข้ากับสิ่งของเพื่อหาที่ยึดเกาะ
!! ตึก !! ทำให้ทั้งสองร่างล่วงลงไปกองที่พื้น
!! โครม !! สัญชาตญาณของมาเฟียหนุ่มแต่กับไม่ทัน เลโอนิกซ์ ชนเข้ากับหญิงสาวจู่ๆ กับมือของใครบางคนคว้าเข้าที่แขนของตนทำให้ร่างหนานั้นล่วงลงกระแทกกับพื้นเข้าอย่างจัง
!! อร๊าก !! แว่นที่สวมใส่ปิดบังใบหน้าสวยหวานนั้นกระเด็นลงบนพื้น เผยให้เห็นใบหน้าสวยของหญิงสาวที่นอนทับร่างหนาของเลโอนิกซ์อย่างชัดเจน ปากเล็กแตะเข้าริมฝีปากหนาอย่างไม่ตั้งใจ
!! จุ๊บ !! ปากเรียวเล็กสัมผัสเข้ากับริมฝีปากชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้าย รันลนาที่ได้สติดวงตาเบิกกว้างออกมาด้วยท่าทีตกใจ เมื่อปากของเธอนั้นสัมผัสริมฝีปากของเขา และเธอยังทับบนตัวเขาอีก
“อ่า...เจ็บ ชะมัด” รันลนาสำรวจมองชายหนุ่มตรงหน้า ร่างสูงในชุดสูทสีเข้ม ใบหน้าอันหล่อเหลาที่สบตาเข้ากับเธอในระยะใกล้ชิด หล่อมาก จมูกเอย ปากอันน่าจุ๊บนี้เอย ให้ตายเถอะเกิดมายังไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนเข้าตาฉันแบบนี้ หล่อดุดันไม่เกรงใจใครเลย รันลนาที่ถูกชายหนุ่มจ้องหน้าร่างบางถึงกับสติหลุด เธอสบตาเข้ากับเขาในระยะใกล้ชิด ปากนั้นหนา
“อ่า...” แต่โชคดีที่ฉันห้ามปากตัวเองไว้ได้ ไม่ทันจะได้จุ๊บเขาอีกรอบแฮ่ะ ดวงตาเรียวสวยสบตาเข้ากับนัยน์ตาคู่ดุ
“จะนอนทับตัวฉันแบบนี้อีกนานไหม ลุก” เสียงเข้มที่ตวาดมานั้น ทำเอาร่างบางที่นอนตาพริบๆ ถึงกับสะดุ้ง
“อ่า...ลุกออกจากตัวฉัน หนักเป็นบ้า” เสียงเข้มที่ตวาดมานั้นทำเอาคนตัวเล็กถึงกับรีบลุกออกจากตัวเขาทันที จากนั้นก็มีกลุ่มชายชุดดำที่เดินเข้ามา
“นายน้อยเป็นอะไรไหมครับ” รันลนาที่เห็นกลุ่มชายชุดดำ ร่างบางถึงกับตาโต ว้าวขึ้นมาทันทีพวกเขาแต่งตัวเหมือนกัน สูงยาว ใบหน้าคมสัน ดุดันไม่เกรงใจใคร
“การ์ด ศิลปินงานดีแบบนี้เลยเหรอ เนี้ย ไม่เลวแฮะ” รันลนาหลุดเสียงในลำคอ แต่ขณะที่เธอลุกออกจากตัวชายคนนั้น
!! แก๊ะ !! เลโอนิกซ์ที่ไม่ทันมอง รองเท้าแบรนด์หรูกับเหยียบเข้ากับแว่นตากรอบที่กระเด็นมาตกที่ปลายเท้าของตน
รันลนาที่เห็นเช่นนั้นถึงกับชะงัก ใบหน้าสวยหวานไร้กรอบแว่นตาถึงกับอ้าปากค้างด้วยท่าทีตกใจ
“แว่น แว่นฉัน ....คุณ เหยียบแว่นฉัน” เธอเอ่ยกับชายชุดดำ เลโอนิกซ์เหลือบมองรันลนา
“เจนสัน จัดการยัยเด็กนี้ให้ด้วย ฉันไม่มีเวลาแล้ว” เลโอนิกซ์สั่งความจบ ร่างสูงกับเดินอาดๆ หายเข้าไปในเกทมีเพียงลูกน้องของเขาเท่านั้น
“อ่า...นี้คุณ แว่นฉันแตกนะ” รันลนาที่แหกปากตะโกนตามหลังเลโอนิกซ์ไป แต่นั้นมาเฟียหนุ่มกับไม่คิดสนใจ
“อ่า...ให้ตายเหอะ ไอ้การ์ดพวกบ้านี้” ทำแว่นฉันพังแล้วยังไม่รับผิดชอบอีก
“เท่าไหร่” รันลนายังตกอยู่ในอาการงงงวย
“อะไรของคุณ” เธอถามชายคนนั้น
“แว่นเธอนะเท่าไหร่” เสียงเข้มเอ่ยย้ำ
“ห้าพัน ฉันตัดมาห้าพัน” รันลนาเอ่ยจบ เจสันก็ยื่นธนบัตรสีเทาจำนวน 5 ใบให้กับเธออย่างจบๆ ร่างบางที่เห็นเช่นนั่น ไม่คิดว่าคนพวกนี้จะชอบจ่ายค่าเสียหายให้เธอมากถึงเพียงนี้ ร่างบางถึงกับตาโต และรับมาอย่างไว นาทีนี้จะมองฉันเห็นแก่ได้ก็เถอะ
“แต่งตัวก็ดี เรียนจบยังเรา ไม่น่าเป็นมิจฉาชีพนะ” เจสันเอ่ยจบก็รีบสาวเท้าตามเจ้านายไป รันลนาที่ถูกว่าเช่นนั้น ร่างบางถึงกับตาค้าง จะเอ่ยปากเถียงก็ไม่ทันเสียแล้ว พวกเขาไปเร็วมาก นี้คนหรือนินจา ชุดนั้นก็คล้ายอยู่นะ
“เหอะ...พวกบ้า กล้าดียังไงมาว่าฉันเป็นมิจ...” ร่างบางเหลือบมองนาฬิกา เมื่อยังพอมีเวลากลับไปขึ้นเครื่องนั้น รันลนาถึงกับรีบสาวเท้าไปซื้อตั๋วและจุดเช็คอินใหม่ทันที ถึงแว่นจะพังแต่ก็ได้ตั๋วมาใหม่ ขอบคุณพระเจ้าถึงฉันตัดแว่นมา 4 พัน อย่างน้อยๆ ก็ได้กำไรเห็นๆ เมื่อเป็นเช่นนั้น ร่างบางก็รีบสาวเท้าเข้าไปเกททันที
เมื่อมาถึงนั่งรอไม่ถึง 5 นาทีก่อนจะขึ้นเครื่องฉันก็ไม่ลืมเข้าห้องน้ำหยิบคอนแทคเลนส์ขึ้นมาสวม จากนั้นไม่นานเครื่องก็ทะยานขึ้นสู่น่านฟ้า
“อ่า...รอดแล้วไหมฉัน” ถึงวันนี้จะซวยแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ใบหน้าสวยถึงกับระบายรอยยิ้มขึ้นมา ปลื้มปริ่ม ใจฟูที่จะได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวที่ต่างจังหวัดในรอบ 1 ปี