เฟยฟางผู้งดงามอ่อนหวาน
“หัวหน้าห้องเครื่องที่รับผิดชอบเรื่องเครื่องเสวยมาพบข้า”
หนิงหลงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เป่ยกงกงรับคำถอยห่างออกมา ถึงจะอยากคาดเดาแต่ก็ไม่อาจคาดเดาว่าหนิงหลงกำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์ไหนกันแน่
พร้อมกับที่เฟยฟางกำลังยกเครื่องเสวยของนางพร้อมกับของหวานเข้ามา
ห้องเครื่อง
“ฝ่าบาททรงเสวยแล้ว ฝ่าบาทเสวยเครื่องเสวยแล้ว”
เสียงนางในห้องเครื่องที่ยกผัดเผ็ดพร้อมข้าวไปก่อนหน้านั้นตะโกนดังๆ ก่อนจะเห็นตัวนางด้วยซ้ำ
ลุงซุน กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นผิดกับป้าตื้อกับอี้เอ่อร์ที่ต่างยิ้มด้วยความรู้สึกโล่งอก
นางในห้องเครื่องต่างดีอกดีใจกันยกใหญ่ มีเพียงลุงซุนเท่านั้นที่สีหน้าไม่สู้ดี
“เจ้าเก่งจริงๆ เข่อชิงว่าแต่เจ้าไม่เอาสูตรอาหารชนิดนี้มาจากไหนกัน แล้วรู้ได้อย่างไรว่าฝ่าบาทจะยอมเสวย”
อี้เอ่อร์ถามขึ้นเขย่ามือศรีไพรด้วยความรู้สึกยินดี
“ก็แค่ผู้สูงอายุที่กินยากอยู่ยาก อาหารที่ทำเลยจำเป็นต้องมีกลิ่นหอมยั่วน้ำลายก็เท่านั้น”
คนแก่ก็แบบนี้ เรื่องมาก จืดไปก็ไม่เอาเลี่ยนไปก็ไม่กิน
“ดีจริง ต่อไปบรรยากาศในห้องเครื่องและวังหลวงที่ตึงเครียดก็จะผ่านไปเสียที”
อี้เอ่อร์พูดไปยิ้มไปศรีไพรเองก็จำต้องยิ้มตอบในเมื่ออี้เอ่อร์นางเป็นมิตรขนาดนี้
“หัวหน้าห้องเครื่องฝ่าบาททรงให้หัวหน้าห้องเครื่องผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องเครื่องเสวยเข้าพบ”
ลุงซุนหลับตาลงช้าๆ เมื่อขันทีหนุ่มน้อยนำบัญชาของหนิงหลงที่้ผ่านเป่ยกงกงมาบอกกล่าว
“จะต้องแก้ตัวว่าอย่างไรได้ อย่างไรก็ไม่อาจหลีกหนีโทษในครั้งนี้ได้แน่”
ก้มหน้ายอมตามขันทีหนุ่มไปในทันที
ศรีไพร ทำทีจะก้าวตามแต่ป้าตื้อกลับดึงไว้
“จะมีอะไรแย่ๆ เกิดขึ้นไหม”กังวลใจไม่น้อย
“ไม่มี และข้าคิดว่าไม่จำเป็น ลุงซุนมีวิธีที่จะผ่อนหนักเป็นเบาเจ้าไม่ต้องห่วงแค่ทำเครื่องเสวยให้ฝ่าบาทเสวยได้นับว่าเป็นความชอบ เจ้าไปจะยิ่งยุ่งไปกว่านี้ในเมื่อเจ้ามันคน ปากไม่มีหูรูด”
ศรีไพรยิ้มเจื่อนๆเมื่อไหร่กันที่ศรีไพรปากไม่มีหูรูดเจ้าจของร่างคนนี้ก็ไม่เบาทีเดียว
อี้เอ่อร์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของป้าตื้อ
"แต่"
"ไม่มีแต่ เจ้าไปก็ไม่ช่วยอะไร"ป้าตื้อพูดแกมบังคับ
ห้องบรรทมฝ่าบาท
“ฝ่าบาททรงเสวยอิ่มแล้ว”
เป่ยกงกงพูดขึ้น กับเฟยฟางที่ยืนรออยู่ที่หน้าห้องบรรทม
“แต่ข้าน้อยทำของหวานมาถวายด้วย”
เฟยฟางที่มีใบหน้าหวานปนเศร้าก้มหน้ายื่นถาดอาหารตรงหน้าเป่ยกงกง
“เจ้ารอก่อน ข้าจะลองทูลฝ่าบาทเรื่องของหวานวันนี้ฝ่าบาทเสวยได้มากไม่แน่อาจอยากจะเสวยของหวาน”
เป่ยกงกงพูดยิ้มๆ เอ็นดูท่าทีเศร้าๆ ของเฟยฟางไม่น้อย
เฟยฟางยืนถือถาดอาหารอยู่แบบนั้น
“หัวหน้าผู้ดูแลห้องเครื่องซุนเต่อไฉ่มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีหนุ่มน้อยขานดังๆ เดินนำลุงซุนเข้ามา
เฟยฟางเหลือบตามองลุงซุนที่สีหน้าราวกับแบกโลกไว้
“ให้เข้ามา”
เสียงทุ้มทว่าทรงอำนาจของหรวนหนิงหลงดังขึ้น
ลุงซุนขยับตัวเข้าไปด้านในห้องบรรทม พยายามเดินให้ตรงไม่ให้ตัวสั่น
เป่ยกงกงเดินออกมารับเอาถาดอาหาร
“เจ้าโชคดีวันนี้ฝ่าบาทยอมรับของหวาน”
“สิ่งที่ข้าเสวยไปเมื่อครู่คือเนื้อสัตว์ชนิดใด”
เสียงหนิงหลงดังออกมาด้านนอกประโยคก่อนหน้านั้นไม่ได้คาดคั้นจึงไม่เล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน
ฟางเฟยย่อตัวลง
“ข้าน้อยยกไปด้วยตัวเองได้ใช่ไหมเจ้าค่ะ”
เป่ยกงกงยิ้มไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงเอ็นดูเฟยฟางยิ่งนัก พยักหน้าขึ้นลง
ลุงซุนตัวสั่นทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น
“ฝ่าบาท โปรดไว้ชีวิตด้วยสิ่งนั้นคือกระเพาะอาหารของสุกร”
“แล้วเจ้าที่เป็นถึงหัวหน้าห้องเครื่องไม่รู้หรือไรว่ากระเพาะอาหารของหมูเป็นสิ่งที่ไม่ควรนำมาทำเครื่องเสวย”
ตั้งคำถามพร้อมกับผ่อนคลายสีหน้าตึงเครียดลง ทำให้ใบหน้าหล่อเหลายิ่งอ่อนวัย หล่อที่สุดในเจ็ดคาบสมุทรได้กระมัง
ลุงซุนก้มหน้านิ่งกระนั้นเฟยฟางที่เข้ามาใหม่ ก็ยังเห็นใบหน้าซีดเผือดของลุงซุนที่ตอนนี้แทบอยากจะหายตัวไปเสียให้ได้
เฟยฟางวางถาดอาหารลงทรุดกายลงเคียงข้างลุงซุนมือขาวบางกำชายกระโปรงไว้แน่น
เป่ยกงกงหลุบตามองพื้นใช้ช้อนเงินทดสอบพิษในขนมหวาน
“ฝ่าบาท โปรดอภัยเป็นเฟยฟางเองที่ใช้ของสกปรกนั่นปรุงเครื่องเสวย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านลุง ท่านลุงเตือนเฟยฟางแล้วทว่า ….เฟยฟางกับคิดว่า ของดีๆ ไม่ว่าจะเป๋าฮื้อหรือเห็ดหายาก ไก่ เป็ด หรือหมู ฝ่าบาทล้วนไม่ยอมเสวย และห้องเครื่องในวันนี้ถูกกดดันให้ทำเครื่องเสวย จนวัตถุดิบสำคัญ และดีดีเกือบจะหมดไปแล้ว เฟยฟางจึงเห็นว่าควรจะลองนำวัตถุดิบที่มีมาดัดแปลง”
หนิงหลงจ้องมองร่างอ้อนแอ้นที่คุกเข่าข้างๆ ลุงซุน อาภรณ์สีทึมกับผ้ากันเปื้อนที่ยังผูกที่ด้านหน้า
“เงยหน้าเจ้าขึ้น”
เป่ยกงกงเลื่อนถ้วยขนมหวานตรงหน้า หนิงหลงตักขนมหวานใส่ปาก พร้อมกับที่เฟยฟางเงยหน้าขึ้นช้าๆ ใบหน้าหวานทว่าเศร้าสร้อย ทำเอาคิ้วคมของหนิงหลงขมวดเข้าหากัน จ้องมองใบหน้างามของเฟยฟาง ก่อนจะตักขนมหวานใส่ปากแล้ววางช้อนเลื่อนถ้วยขนมหวานออกห่างตัว
เฟยฟางเม้มริมฝีปาก
“ปูนบำเหน็จให้นาง ข้าแค่สงสัยว่าเหตุใดในเมื่อกระเพาะหมูเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเครื่องเสวยของฮ่องเต้แต่ทำไมคนที่ปรุงเครื่องเสวยยังดื้อรั้นนำมันมาปรุงอีก ความดื้อรั้นนี้นับว่าเป็นความชอบเพราะทำให้ข้าเสวยได้หลังจากที่ไม่ได้เสวยอะไรในหลายวันที่ผ่านมา”
เฟยฟางกับลุงซุนยิ้มแทบจะพร้อมกัน หนิงหลงจ้องมองใบหน้างดงามยามแย้มยิ้มของเฟยฟางแล้วรีบเบือนหน้าหนี
หญิงชดช้อยเช่นนางทำเครื่องเสวยรสเผ็ดร้อนนี้ได้ออกมาดีจนไม่น่าเชื่อว่าแต่นางได้สูตรหรือเคล็ดลับการทำอาหารชนิดนี้มาจากไหน เขายังจำรสสัมผัสกระเพาะหมูที่กรอบนอกนุ่มในไม่มีกลิ่นเหม็นแม้แต่น้อยกลิ่นคาวก็ไม่เจือปนมีเพียงรสกลมกล่อมเผ็ดร้อนที่ทำให้เจริญอาหาร
“ต่อไปยกเว้นกฎเรื่องการนำกระเพาะของสุกรมาทำเครื่องเสวยเสีย เป่ยกงกงให้กุนซื่อจดบันทึกไว้ด้วย”
เป่ยกงกงก้มศีรษะยิ้มๆ หันไปยิ้มกับเฟยฟาง ลุงซุนมองเฟยฟางพร้อมกับเอ่ยปากขอบคุณเบาๆ
"มื้อเย็นข้าอยากจะกินอะไรที่… มีรสแบบนี้อีกหวังว่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง"หนิงหลงพูดขึ้นดังๆ
เป่ยกงกงยิ้ม พยักหน้าให้กับเฟยฟางที่ย่อกายลงและลุงซุนที่รีบประสานมือ
"น้อมบัญชาฝ่าบาท"